ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“วิทยา รายสัปดาห์” ขู่แฉเซ็งลี้เก้าอี้ตำรวจอีกระลอก หรือแค่แยกเขี้ยวทวง “ตั๋วกำนัน”
ไม่รู้ว่าไปเจอเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรแน่ .. “บิ๊กเม่น” พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ที่ได้รับมอบหมายให้สอบข้อเท็จจริง กรณีซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ สารวัตร (สว.) ถึง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) วาระประจำปี 2559 ถึงต้องขอขยายเวลาสอบข้อเท็จจริงออกไปอีก 30 วัน .. ก็เรื่องซื้อขายเซ็งลี้ มีหรือไม่มี ก็รู้ๆ กันอยู่ น่าจะฟันธงออกมาให้สิ้นสงสัย มาแบบนี้คงกะหาทางถ่วงไปเรื่อยๆ พอเรื่องเงียบ “ก็แล้วๆ กันไป” เหมือนปีก่อนๆ นั่นแล คงไม่มีฉากแบบ “จับให้มั่นคั้นให้ตาย” อย่างที่โฆษณาไว้หร๊อกกก
ส่วนเจ้านี้ก็ยังไม่จบ สุดสัปดาห์ทีก็ออกมาให้ข่าวที .. วิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำ กปปส. ที่เป็นคนเปิดประเด็นซื้อขายตำแหน่งตำรวจ จนพวกเดียวกันอย่าง “บิ๊กจ๋อน” พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) โดนลูกหลงโครมเบ้อเริ่ม เด้งดึ๋งไปตบยุงรอวันเกษียณ ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อยู่ตอนนี้ ไม่เท่านั้นยังทำให้ตำรวจใน “นครศรีธรรมราช - สุราษฎร์ธานี” พื้นที่อิทธิพลของตัวเอง และ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถูกเรียกสอบกราวรูด .. พรรคพวกเดือดร้อนยังไงไม่สนใจ “วิทยา” ออกมาแหย่หนวดเสืออีกครั้ง คราวนี้ขู่ฟ่อๆ จะแฉ “ขบวนการเซ็งลี้” ในภาคอื่นๆ ด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้พูดถึงเฉพาะในภาค 8 - นครบาล เท่านั้น .. จริงๆ เรื่องดีๆ ที่จะนำไปสู่การปฏิรูปวงการสีกากีแบบนี้ ไม่น่าต้องกั๊ก ไม่ต้องฉายหนังตัวอย่าง ถลกหนังหัวให้รู้เช่นเห็นชาติกันไปเลย .. แต่ถ้าจะแค่ออกมาขู่ ออกมาบลัฟ นั่นก็อีกเรื่องนะ เพราะ “ระหว่างบรรทัด” ก็ได้ยิน “วิทยา” ย้ำให้ใช้ “มาตรา 44” ยกเลิกบัญชีโยกย้ายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งภายในวงการตำรวจเองค่อนข้างลงตัว ยิ่งตอกย้ำว่า รอบที่แล้ว “ตั๋วกำนัน” คงมีปัญหาจริงๆ
** คสช.ทำมึนตั้งทีมล่า “ขุมทรัพย์ปู” สุดขอบฟ้า ทั้งที่มี “ลายแทง ป.ป.ช.” อยู่แท้ๆ
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะพิสูจน์ถึงความพิศวงของเมืองไทย ที่ดูจะมี “โลกคู่ขนาน” หลายมิติเหลือเกิน .. ตั้งแต่กรณีที่จู่ๆ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ผู้ถนัดนัก กับการใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” ที่จู่ๆ ก็โพล่งออกมาว่า “มืดแปดด้าน” จนผู้เกี่ยวข้อง หยุดการดำเนินการยึดทรัพย์ “คุณหนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีชนักถูก “กระทรวงการคลัง” ในนาม “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวไว้กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท .. หลายเดือนผ่านมา ก็ยังไม่คืบหน้า แต่พอมี “ดรามาน้ำตาปู” ที่เจ้าตัวเป่าปี่ในวันคล้ายวันเกิด ก็เลยถูกขุดประเด็นการยึดทรัพย์ขึ้นมา “รองฯวิษณุ” ผู้ที่เคยประกาศใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” เรียกทรัพย์สินจากผู้กระทำผิดมาชดใช้แผ่นดิน ก็ตีมึนไปว่า “หาทรัพย์สินไม่เจอ” จน กรมบังคับคดี ผู้รับผิดชอบต้องหยุดกระบวนการไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ
หลายคนฟังก็ต้องสะอึก .. ก็บัญชีทรัพย์สินที่ “อดีตนายกฯปู” ยื่นไว้กับทาง ป.ป.ช. มันก็มีอยู่ ทิ่มตาแทบแตกว่ามีทรัพย์สินรวม 600 ล้านบาทเศษ ภายหลังจากพ้นตำแหน่งได้ 1 ปี ก็ราวต้นปี 2558 .. ที่สำคัญยังแจกแจงรายการทรัพย์สินไว้ละเอียดยิบว่า มีอะไร - ที่ไหน - อย่างไร .. ไม่ใช่แค่ “รองฯวิษณุ” ที่แถไปข้างๆ คูๆ สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่เป็นต้นเรื่อง ก็รับหน้าชื่นว่า ได้ตั้ง “คณะทำงานสืบทรัพย์” เพื่อติดตามสืบหาทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ โดยต้องประสานหลายหน่วยงาน อาทิ “แบงก์ชาติ - กรมที่ดิน” .. เออ เอากันเข้าไป ขนาดมี “ลายแทงสำเร็จรูป” เป็น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. พ่อยังกล้าเตะถ่วงกันขนาดนี้
คำถามก็ดังระงมเลยว่า เหตุไฉน ขบวนการยึดทรัพย์ “หนูปู” ที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีก่อน กลับขัดลำกล้องไปเสียเฉยๆ .. ครั้นจะอ้างอย่าง “ปลัดสมชัย” ว่า ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำร้องค้างไว้ที่ศาลปกครอง ทาง “รองฯวิษณุ” ก็บอกเองว่า ยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอะไรออกมา .. เทียบกับกรณี “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ ในคดีทุจริตจำนำข้าว ส่วนของการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ก็ถูกชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. เช่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงนาทีนี้ถูกทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ไปแล้วเป็นหมื่นล้าน
กลับกลายเป็นว่า “รัฐบาล คสช.” ที่มีอำนาจล้นมือ มี ม.44 ที่พลิกขาวเป็นดำ กลับดำเป็นขาวได้แค่ดีดนิ้ว ก็เก่งแต่ปลาซิวปลาสร้อย พอจะฮุบปลาใหญ่กลับไปไม่เป็น .. อีท่านี้ก็อย่ามาทุบโต๊ะ - ทุบโพเดี้ยม เวลาถูกตราหน้าว่า “ล้มมวย” ก็อันที่จริงทำท่า “มีงาน” ตั้งแต่คิดความเสียหายจาก “อดีตนายกฯปู” แค่ 20% จากมูลค่ารวมเหยียบ 2 แสนล้านบาท แบบไม่มีหลักมีเกณฑ์แล้ว ไม่รู้จะไปตามอีก 80% จากที่ไหนด้วยซ้ำ .. มวยไม่มีทรงแบบนี้ ถ้าขึ้นเวทีหลัก โดนไล่ลงตั้งแต่ยังไม่ครบยกไปแล้ว .. เรื่องแบบนี้อย่าไปไล่เบี้ยระดับข้าราชการผู้ปฏิบัติให้เสียเวลา เป็นคิว “ผู้นำรัฐบาล - หัวหน้า คสช.” ต้องตอบมากกว่า อย่าเที่ยวแต่ “แขวะ” แฟนเพจใครเขาเรื่องจำนวนไลก์ - จำนวนเลิฟ .. พออีกฝ่ายรู้ว่า “ท่านผู้นำ” คงตามส่องอยู่ ก็ยิ่งยั่วโมโห จัดไลฟ์สดฉลอง 6 ล้านไลก์ ซะเลย
** โอ้โฮเฮะ !! ตรวจ MBK ไม่เจอกระเป๋าปลอม - เสื้อผ้าเกรด AAA เหลือเชื่อกว่านั้น ตรวจ “ห้วยขวาง - สุทธิสาร” ไม่มีค้าประเวณี
มิติพิศวง - จักรวาลคู่ขนาน อีกเรื่อง ก็ต้องที่นี่เลย “ห้างมาบุญครอง” ที่วันก่อน ตำรวจเศรษฐกิจ กับ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยกทัพกันไปตรวจของเถื่อน - ของหนีภาษี ปรากฏว่า ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย โป๊ะชึ่ง .. ถัดมาวันเดียว “ผู้การโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้การ 191 ที่ช่วงนี้มีงานโชว์ตัวรายวัน ควงตำรวจ สน.ปทุมวัน ไปที่ห้างเดียวกันนี่แหละ จัดไปเบาะๆ 32 ร้านค้าได้ผู้ต้องหา 20 คน ยึดนาฬิกาปลอม - เครื่องสำอางห่วย ได้กว่า 5 พันรายการ ตบหน้าทีมงานตำรวจ ปอศ. แบบซึ่งหน้า .. แต่ก็ใช่ว่า “เดอะโจ๊ก” จะได้รับคำเยินยออะไรนะ ก็ที่ทำไป รู้ว่า “จับเป็นพิธี” ก็รู้กันดีว่า ห้างนี้เด่นดังเรื่อง “สินค้าเกรด AAA - Top Mirror” แล้วที่ขายดีเทน้ำเทท่า ก็ไม่ใช่นาฬิกา หรือเครื่องสำอาง แต่ที่กล่าวขวัญกันทั่ววงการเป็นพวก “รองเท้า - เสื้อผ้า - กระเป๋า” มากกว่า แต่ก็ไม่มีการกล่าวถึงในปฏิบัติการของ “บิ๊กโจ๊ก” แต่ประการใด
นอกจากการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่ “หลับหูหลับตา” จนสร้างความครื้นเครงเฮฮาให้สังคมแล้ว ทาง “เจ้าของสถานที่” เองก็ยังออกแถลงการณ์ไม่สนับสนุนการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมขู่ว่าหากพบร้านค้าไหนมีพฤติกรรมดังกล่าวจะสั่งปิดให้เรียบ .. จนถูกค่อนแคะว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ห้างที่ว่าคงถึงขั้น “ร้าง” เลยทีเดียว อาจจะมีแค่ชั้นเฟอร์นิเจอร์ กับชั้นโรงหนัง ที่พอจะหลงเหลือให้ได้เก็บค่าเช่าอยู่บ้าง .. ไล่เลี่ยกัน ก็มีข้อมูลจาก ตำรวจกอง บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ระบุว่า “เขตห้วยขวาง - พระนคร” เป็น “พื้นที่ที่มีการค้ากามอย่างรุนแรง” ทำเอามือปราบคนดัง พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง ที่วันนี้กินตำแหน่ง รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานค้ามนุษย์ ต้องออกมาปฏิเสธทันควัน ว่าในพื้นที่นครบาลกรุงเทพเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ ไร้ซึ่งการค้ามนุษย์ - ค้ากาม .. พูดอย่างเดียวคงกลัวจะไม่เชื่อกัน “ตำรวจ สน.สุทธิสาร”จัดแถวตรวจสถานบันเทิงประเภท “อาบ อบ นวด” ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร มีทั้งหมด 3 แห่งรวด ตั้งแต่ “เอเดน - โพไซดอน - มาเรีย” ปรากฏว่า ไม่พบการกระทำผิดเกี่ยวกับ “การค้าประเวณี - ค้ามนุษย์” หรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ .. ถ้าไป MBK ไม่เจอของก๊อบ ไป “ห้วยขวาง - สุทธิสาร” ไม่มีค้าประเวณี ชาตินี้ก็คงหาอะไรไม่เจอแล้ว .