เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สวน “ยิ่งลักษณ์” โวยพยานจำนำข้าวถูก ป.ป.ช. ตั้งอนุฯ สอบต่อ ยันถ้าตั้งต้องมีเรื่องร้องเรียน หรือถูกไต่สวนมาก่อน ไม่รู้มีเอกชนกลับคำให้การในชั้นอัยการ
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนสืบพยานในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จากกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า พยานที่เป็นนักการเมืองฝ่ายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อสืบพยานเสร็จแล้ว มักถูก ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อ ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน ว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน และไม่น่าเป็นประเด็นที่ต้องยกขึ้นแถลงต่อศาล ทั้งนี้ นักการเมืองที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า พอนำสืบพยานเสร็จ แล้วถูกตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนั้น อาจเป็นเพราะบุคคลเหล่านั้นเคยถูกกล่าวหา หรือถูกไต่สวนก่อนหน้านี้อยู่แล้วหรือไม่
“ยืนยันว่า ป.ป.ช. ไม่มีทางดำเนินการตามรูปแบบนั้นแน่นอน หากใครที่ถูกตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน จะต้องมีเรื่องถูกร้องเรียน หรือถูกไต่สวนมาก่อนหน้านี้ทั้งนั้น ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจว่า หากบุคคลใดขึ้นให้การเป็นพยานให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วจะต้องไปตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อได้” นายสรรเสริญ กล่าว
ส่วนกรณีมีข่าวว่า เอกชนบางรายกลับคำให้การจากชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวน ที่บอกว่าไปพบนักการเมืองใหญ่ แต่ในชั้นพนักงานอัยการเรียกทำความเบิกศาลต่อศาล บอกว่า ไปพบผู้ใหญ่เพื่อตกลงธุรกิจข้าวในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก ตกเป็นจำเลยนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ตามกฎหมาย ป.ป.ช. หากพบว่ามีการกลับคำให้การจริง คงต้องนำมาพิจารณาต่อว่าขัดกับกฎหมาย ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับการกันพยานหรือไม่ แต่รายละเอียดเชิงลึกอยู่ในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวน ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุได้ว่า เอกชนรายดังกล่าวกลับคำให้การหรือไม่ และคณะอนุกรรมการไต่สวนดำเนินการอย่างไร เท่าที่ทราบขณะนี้ คือ ยังไม่มีการรายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.
