นครพนม - ดีเอสไอนำตัว “นายสับ วาปี” คนที่ขับรถชนคนตายตัวจริงปรากฏตัวที่ศาลนครพนมแล้วบ่ายวันนี้ ขณะที่ผู้บัญชาการสำนักฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ได้ขึ้นเบิกความเป็นคนแรกในฐานะพยานฝ่ายผู้ร้อง ขณะพยานปากที่สอง จากบริษัทโตโยต้าประเทศไทยจำกัด ขึ้นให้การผลการตรวจสอบสภาพรถ โดยบอก ไม่พบ รอยขีดข่วน และยุบบุบจากการชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (8 ก.พ.) เวลาประมาณ 13.30 น. นายชาติชาย โทสินธิติ ผู้บัญชาการสำนักฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทรวงยุติธรรม ได้ขึ้นเบิกความเป็นคนแรกในฐานะพยานฝ่ายผู้ร้อง คดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำตัว นายสับ วาปี มาปรากฏตัวที่ศาล บริเวณหน้าห้องพิจารณาคดี บัลลังก์ 3 และรีบนำพาตัวนายสับออกจากที่นั้นขึ้นรถเดินทางออกจากศาลทันที
อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่ปรากฏรายชื่อนายสับ วาปี อยู่ในบัญชีรายชื่อพยานของผู้ร้องในวันนี้แต่อย่างใด ส่วนพยานที่เหลืออยู่ระหว่างรอขึ้นให้การที่ศาลในลำดับถัดไป
จากนั้น พยานปากที่สอง เป็นผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทโตโยต้าประเทศไทยจำกัดได้ทำการตรวจรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บน56 สกลนคร ได้ขึ้นให้การต่อศาลเป็นคนที่สองหลังจากนั้นศาลสั่งพักพิจารณาคดี 5 นาทีเมื่อเวลา 15.40 น.
นายชาติชาย โฆษิฐิติ ในฐานะพนักงานตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทรวงยุติธรรม ได้เบิกความประเด็นการตรวจสอบรถของครูจอมทรัพย์ว่า ผลตรวจรถจักรยานของผู้เสียชีวิต เมื่อครั้งวิทยาการได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบสีเขียวและขาวของป้ายทะเบียนติดที่โครงของจักรยานผู้เสียชีวิต 3 จุด ที่ตำแหน่งความสูง 44 และ 45ซม. ซึ่งเป็นตำแหน่งของรถกระบะ
จากการส่งรถไปตรวจที่กรมการขนส่งทางบก พบว่าตำแหน่งของป้ายทะเบียนที่ติดที่รถครูจอมทรัพย์ คือ 36 และ 51 ซม. และไม่พบ รอยขีดข่วน และยุบบุบจากการชน
โดยการตรวจสอบยังได้มุ่งไปที่ประเด็นการตรวจสภาพรถ บค 56 สกลนครโดยไม่เกี่ยวข้องกับรถ บค56 มุกดาหารของนายสับ วาปี และ ยืนยันว่าทะเบียนที่ติดกับรถของครูจอมทรัพย์เป็นทะเบียนที่ไม่ได้เปลี่ยน แก้ไข หรือทำขึ้นใหม่ และได้ส่งรถให้โตโยต้า ตรวจสอบความหนาแน่นสีของตัวถึง และกันชนหน้า พบว่า ไม่เกินค่ามาตรฐานของโรงงาน แสดงได้ว่า ไม่เคยผ่านการทำสีใหม่ แต่ไม่ได้ลงความเห็นว่ารถมีการเฉี่ยวชนมาก่อนหรือไม่
ด้านอัยการตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุใด ส่งเพียงรถของครูจอมทรัพย์ไปตรวจ ทำไมไม่ส่งรถจักรยานของผู้เสียชีวิตไปตรวจด้วย รวมถึงทำไมไม่ส่งไปที่นิติวิทยาศาสตร์ แต่กลับส่งให้กรม
นายชาติชาย กล่าวว่าเนื่องจากต้องตั้งข้อระวังเรื่องความไม่โปร่งใส เพราะนิติวิทยาศาสตร์เป็นหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม รวมถึงเรื่องความสูงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้หากมีการอุปกรณ์ที่ส่งผลต่อความสูงต่ำของรถ