โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกฯ พอใจยอดส่งออกเดือน พ.ค. โต 13.2% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน ขอเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศ ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับราก โว สหรัฐฯ - ญี่ปุ่น จ่อลงทุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เกินคาด ตั้งเป้าเงินเข้าไม่ต่ำ 5 แสนล้าน ใน 5 ปี เผย กรมธนารักษ์ จ่อมอบที่ 3,000 - 4,000 ไร่ สร้างเมืองใหม่ในฉะเชิงเทรา
วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พอใจกับตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน พ.ค. 60 ที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ยางพารา น้ำตาลไทย ผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกไปสหรัฐฯ และเวียดนาม สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดีขึ้น ส่งผลการให้ภาพรวมการส่งออกไทยเติบโตขึ้นแล้ว ต้องชื่นชมการทำงานของทุกคน ทั้งข้าราชการและภาคเอกชนที่ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกส่วนเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เข้มแข็งตามแผนที่กำหนดไว้ควบคู่ไปกับการส่งออก เพื่อสร้างความสมดุลทั้ง 2 ด้าน
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายรายให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เช่น สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยทุกประเทศเห็นว่า พื้นที่อีอีซีของไทยจะเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้
“การลงทุนจริงจะเกิดขึ้นในปีหน้า เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา สร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่ บ.การบินไทย ได้ลงนามความร่วมมือกับ บ.แอร์บัส โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง โครงการท่าเรือมาบตาพุดแหลมฉบัง โครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลในอีอีซี (Digital Park) และการตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หุ่นยนต์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะมีเงินลงทุนในอีอีซีไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ล่าสุด กรมธนารักษ์ได้เตรียมมอบพื้นที่ราชพัสดุ 3,000 - 4,000 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่จะไปทำงานในอีอีซี รวมกับของเดิมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ 759 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อจัดตั้ง Digital Park Thailand และพื้นที่อีกกว่า 6,500 ไร่ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา