รองนายกรัฐมนตรี ยันมติ ครม.โอนไนท์ซาฟารีไปองค์การสวนสัตว์ไม่กระทบใคร ยังไม่ได้ทำเร็วๆ นี้ คาดเป็นปี ต้องเสนอแผนบริหารจัดการอย่างไร ไม่มีลดสัญญา ปัดกระทบสัมปทานอาหารสัตว์ แต่ถ้าหมดสัญญาค่อยว่ากันใหม่ ส่วนพิงคนครต้องยกเลิกโดย พ.ร.ฎ. ชี้ของเก่าถือเป็นเรื่องส่วนตัว
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีคัดค้านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบให้สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีคืนกลับไปอยู่ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์ว่า ยืนยันว่ามติ ครม.ไม่ไปกระทบต่อใคร เพราะเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีก็ยังคงเป็นเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตามเดิม เพียงแค่การโอนกลับไปอยู่ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์ ซึ่งยังไม่ได้โอนเร็วๆ นี้เพราะต้องใช้เวลานานพอสมควรในการทำแผนถ่ายโอนอาจจะใช้เวลาเป็นปีด้วยซ้ำ ส่วนองค์การสวนสัตว์ก็ต้องเสนอแผนกลับมาอีกครั้งว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งขณะนี้พนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีที่เป็นพนักงานองค์การมหาชนตามสัญญาจ้างหากสัญญายังอยู่ก็ไม่กระทบอะไร ไม่มีการไปลดสัญญาหรือปรับเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น รวมถึงสัมปทานอาหารสัตว์ที่ซื้อเข้ามาเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในความดูแลด้วย หากสัญญาหมดก็ค่อยว่ากันใหม่ ที่ผ่านมาทางเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้ไปตกลงกับชาวนาว่าให้ปลูกผักผลไม้เลี้ยงสัตว์ก็ยืนยันว่าสามารถส่งผักผลไม้ได้ตามเดิม ส่วนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการ
“เราเพียงแค่เอาสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ออกไป และตัวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและศูนย์ประชุมฯ ยังอยู่แบบเดิม ส่วนตัวสำนักงานพัฒนาพิงคนครฯ นั้นเริ่มด้วยพระราชกฤษฎีกาก็ต้องยกเลิกโดยพระราชกฤษฏีกาตามกระบวนการ” นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะกระทบต่อพนักงานหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตามสัญญาและข้อผูกพันเดิมที่ขึ้นอยู่กับสำนักงานพัฒนาพิงคนครฯ ซึ่งอาจมีการพูดคุยกันไว้แล้วว่าจะต่อสัญญาใหม่ให้ แต่เมื่อเปลี่ยนทีมผู้บริหารคนใหม่ก็ต้องไปดูกันว่าเขาจะต่อสัญญาให้หรือไม่ ซึ่งตนไม่รู้ ทั้งนี้ การที่พนักงานไปตกลงไว้กับผู้บริหารเดิมถือเป็นเรื่องส่วนตัว