“ประยุทธ์” พร้อมคณะเดินทางถึงขอนแก่น ตรวจราชการ พบเด็กเรียนเก่ง ก่อนปาฐกถาขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ท้าพวกหนีคดีแน่จริงกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บอกมีชีวิตจิตใจไม่ยอมให้มานั่งโก้ๆ ด่า ยก รบ. นี้ ใจดีที่สุดแล้ว พร้อมย้ำไม่ยกเลิกบัตรทอง 30 บาท วอนอย่าเกลียดทหาร
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 07.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินแอมแบร์ บ.ท.135 จากฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ดอนเมือง กรุงเทพฯไปยังท่าอากาศยานขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ โดย นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น และข้าราชการให้ต้อนรับ จากนั้นนั่งรถโตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน กง 5050 ขอนแก่น ไปยังศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึงได้พบกับ น.ส.กิตติรัตน์ ชุมแก้ว นักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ที่ได้คะแนนแอดมิชชันอันดับหนึ่งของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้พบกับนักเรียนที่สอบโอเน็ต คะแนนเต็ม 100 วิชาคณิตศาสตร์ พร้อมมอบทุนการศึกษา
จากนั้น นายกฯได้ขึ้นเวทีกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยมีคณะอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา กว่า 2 พันคน ร่วมรับฟังตอนหนึ่งว่า การที่นำรัฐมนตรีมาร่วมลงพื้นที่จำนวนมากในวันนี้ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญ จ.ขอนแก่น และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือมีชื่อเสียงในระดับแนวหน้า ทั้งเรื่องการเรียน การสอน และการวิจัย ทั้งภาครัฐและเอกชน รัฐบาลนี้มีนโยบายให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม นำผลการวิจัยเหล่านั้นไปขับเคลื่อนให้ได้ นำไปสู่การผลิต การใช้งาน สร้างมูลค่าจากงานวิจัยให้ได้ ขณะที่วิจัยงานเดียวกันทางมหาวิทยาลัยที่ควรมีการจับกลุ่มเพื่อสนับสนุนงบประมาณลงไปได้อย่างถูกต้อง เหมือนการตัดเสื้อให้พอดีตัว ทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี เข้าถึงสิ่งที่กำลังพัฒนา ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า โทรศัพท์ที่นำระบบดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อน
นายกฯกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องมองประเทศว่าติดกับดักอะไรบ้าง อย่างเรื่องสาธารณสุข การแก้ไขร่าง พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อย่าให้ใครมาบิดเบือน รัฐบาลไม่ได้ยกเลิก ไม่ได้ก้าวก่าย ถ้าแบบเดิมดีพอคงไม่ต้องแก้ รวมถึง 4 คำถามที่จริงๆ แล้ว อยากให้ประชาชนคิด ตอบมาสักหน่อยก็ดี อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ ซึ่ง จ.ขอนแก่น ตอบคำถามมากที่สุดหมื่นกว่าคน อย่างน้อยมีความเห็นร่วมว่าจะให้ประเทศชาติเดินอย่างไร ต้องการแค่นั้น ซึ่งเวลานี้ก็ถูกบิดเบือนว่า 4 คำถาม นายกฯไม่มีคนตอบ และล่าสุด ให้ 50 ประเด็นประเทศไปคิด ซึ่งมีงานต้องทำ 100 กว่าอย่าง กิจกรรมย่อยพันกว่าอย่าง นั้นแหละอยากให้ทุกคนช่วยกันคิด อย่าเอาแต่ความขัดแย้งมาสู้กันอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนั้นเป็นความเป็นความตายของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวันนี้วันหน้าหรือในอนาคตก็แล้วแต่ ต้องไม่กลับมาแบบเดิมๆอีก จะรอให้ใครมาทำให้ไม่ได้ ประเทศไทยต้องเดินไปให้ถึงไทยแลนด์ 4.0
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลง 3 กระแส คือ 1. การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากหน้ามือเป็นหลังมือ 2. โลกแห่งความย้อนแย้งในตัวเอง กฎระเบียบต่างๆ ใช้ไม่ได้ กฎเดิมเคยเป็นอย่างนี้แต่วันนี้กลับมีข้อยกเว้นมากมาย หลายประเทศเป็นอย่างนี้หมด มีหลายขั้ว หลายฝ่าย หลายอำนาจ ประเทศไทยอยู่คนเดียวไม่ได้ กฎในสังคมเปลี่ยนไปเราจะยึดแบบศตวรรษที่ 20 ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ต้องคิดใหม่ มีวิสัยทัศน์ คิดนอกกรอบให้มากขึ้น ต้องนำสถานการณ์ภายนอกเข้ามาประมวล และ 3. โลกแห่งความสุดโต่ง มีหลายมิติ ทั้งทางธรรมชาติและเรื่องของการเมือง เช่น สหรัฐอเมริกา ที่เคยสนับสนุนเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย วันนี้กลายมาเป็นชาตินิยมไปแล้ว ทางยุโรปและตะวันออกกลางก็มี และจะมีผลกระทบต่อประเทศไทย ทุกคนต้องศึกษาและปรับตัว
นายกฯกล่าวว่า คนไทยเป็นคนเก่งแต่มาร่วมประชุมกันไม่ได้ ทำให้ไม่ได้ข้อสรุป ต้องนำมาคิดด้วย วันนี้เรากำลังเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญ ต้องมีการสร้างการรับรู้ การทำประชาพิจารณ์กฎหมายต่างๆ ถ้าเราทุกคนไม่ฟังกัน ค้านอย่างเดียวไม่มีอะไรสำเร็จหรอก เราไปสู่ 4.0 ไม่ได้ และตนไปบังคับไม่ได้ เพราะเป็นกลไกของรัฐธรรมนูญ ของประชาธิปไตยที่เราไปฝืนไม่ได้ วันนี้ต้องเปลี่ยน แปลงใหม่ทั้งหมด หาเป้าหมายให้ได้ ถึงจะแก้ปัญหาได้ วันนี้ประเทศไทยติดกับดัก 3 ข้อ คือ 1. กับดักรายได้ปานกลาง 2. รายได้เหลื่อมล้ำคือเงินอยู่เป็นกระจุก ไม่กระจาย คนรวยก็รวยขึ้น คนจนก็จนลง ซึ่งต้องหาตรงกลางให้เชื่อมโยงกันได้นั้นก็คือประชารัฐ และ 3. รายได้ไม่สมดุล ที่ยังปรับสู่ความยั่งยืนไม่ได้ เพราะทุกอย่างเทไปในเรื่องการลงทุน เศรษฐกิจมากเกินไป ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเรามีการลงทุนตามลำดับตามจังหวัด
นายกฯกล่าวว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ รัฐบาลแก้ปัญหาเต็มที่ ทหาร ตำรวจเสี่ยงชีวิต แต่มันยังมีคนเลวอยู่ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนเหตุระเบิดได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหมื่น เป็นพันนาย ไล่จับติดตาม แต่จะให้ตอบคำถามทุกวันได้อย่างไร ยิ่งถามถ้าตอบไป ก็ยิ่งจะจับไม่ได้ เพราะคนร้ายจะรู้ตัวหมด แม้แต่คดีพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่บอกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยอมแพ้ ยืนยันยังทำอยู่ ทุกคดีทำหมด และบอกได้เลยว่าคดีจะออกมาเรื่อยๆ
“ที่ผ่านมา พวกไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม คิดว่าคนดีหรืออย่างไร แล้ววันนี้มาบอกว่าผมไปไล่ล่า ยอมรับกติกาสิครับ รัฐบาลวันนี้ใจดีที่สุดในโลก ไม่มีรัฐบาลไหนทำให้แบบนี้ นึกถึงคนทุกคน นึกถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะทุกคนคือคนไทย แต่เขามองผมเป็นคนไทยหรือเปล่า พอไม่ได้อะไรขึ้นมาก็ทำลายประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือเปล่า มันใช่หรือเปล่า อยากเข้าสู่ระบบ ก็กลับสู่บ้านมา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่กลับมาเองไม่ใช่เหรอ ให้กลับมาทั้งหมดนั้นแหละ ผมไม่ได้พูดถึงใครคนใดคนหนึ่ง หนีแล้วไปนั่งด่าโก้ๆ ไม่รักประเทศไทยเหรอ ขอถามหน่อย แล้วจะให้ผมอยู่เฉยๆจะด่าอะไรก็ด่า ผมก็มีชีวิตจิตใจ และผมก็สุภาพที่สุดแล้ว ปกติผมเป็นทหารไม่สุภาพแบบนี้ ไม่อย่างนั้นปกครองทหารไม่ได้” นายกฯกล่าว
จากนั้นนายกฯกล่าวช่วงท้ายว่า อย่าเกลียดทหารเลยนะ อย่าเกลียดรัฐบาล ผมเป็นรัฐบาล 3 ปีแก่ขึ้นเยอะ ไม่มีนายกฯคนไหนในโลกเหนื่อยเท่านี้แล้ว แต่ไม่ได้ทวงบุญคุณ เพราะมันเป็นหน้าที่ ไม่ต้องรักผม แต่ขอให้รักประเทศชาติ
จากนั้นนายกฯได้ร่วมถ่ายภาพเซลฟี่กับนักเรียนและนักศึกษา และเยี่ยมชมนิทรรศการ “วิจัยและนวัตกรรม มข. เพื่อไทยแลนด์ 4.0” ด้านการเกษตร อาหาร วัสดุ และพลังงานในอนาคตและการดำเนินการสมาร์ทซิตี้ และเดินทางไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เยี่ยมชมโรงงานต้นแบบการผลิต “นาโนซิลิกอน” จากแกลบและเถ้าแกลบ เพื่อใช้เป็นขั้วแบตเตอรี่ลิเทียมออน