เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (21 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการ ที่จ.ขอนแก่น โดยนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น และข้าราชการให้ต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางโดยรถโตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน กง 5050 ขอนแก่น ไปยังศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึง ได้พบกับ น.ส.กิตติรัตน์ ชุมแก้ว นักเรียน รร.ขอนแก่นวิทยายน ที่ได้คะแนนแอดมิชชั่น อันดับ1 ของคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ และได้พบกับนักเรียนที่สอบโอเนต คะแนนเต็ม 100 วิชาคณิตศาสตร์ พร้อมมอบทุนการศึกษา
โอกาสนี้ นายกฯได้ขึ้นเวที กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง"การขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" โดยมีคณะอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา กว่า 2 พันคนร่วมรับฟัง ตอนหนึ่งว่า การที่นำรัฐมนตรีมาร่วมลงพื้นที่จำนวนมากในครั้งนี้ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับ จ.ขอนแก่น และ ม.ขอนแก่น ที่มีชื่อเสียงในระดับแนวหน้า ทั้งเรื่องการเรียน การสอน และการวิจัย ทั้งภาครัฐและเอกชน รัฐบาลนี้มีนโยบายให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม นำผลการวิจัยเหล่านั้นไปขับเคลื่อนให้ได้ นำไปสู่การผลิต การใช้งาน สร้างมูลค่าจากงานวิจัยให้ได้ ขณะที่วิจัยงานเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยที่ควรมีการจับกลุ่มเพื่อสนับสนุนงบประมาณลงไปได้อย่างถูกต้อง เหมือนการตัดเสื้อให้พอดีตัว ทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี เข้าถึงสิ่งที่กำลังพัฒนา ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า โทรศัพท์ ที่นำระบบดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อน
นายกฯกล่าวด้วยว่า 4 คำถามที่ถามไปนั้น อยากให้ประชาชนคิด และตอบมาสักหน่อยก็ดี อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ ซึ่งจ.ขอนแก่น ตอบคำถามมากที่สุดหมื่นกว่าคน อย่างน้อยมีความเห็นร่วมว่าจะให้ประเทศชาติเดินอย่างไร ต้องการแค่นั้น และล่าสุดให้ 50 ประเด็นประเทศ ไปคิด ซึ่งมีงานต้องทำ 100 กว่าอย่าง กิจกรรมย่อยพันกว่าอย่าง นั้นแหละ อยากให้ทุกคนช่วยกันคิด อย่าเอาแต่ความขัดแย้งมาสู้กันอย่างเดียว เพราะประเทศไทยต้องเดินไปให้ถึงไทยแลนด์ 4.0 ให้ได้
**อ้อนอย่าเกลียดรัฐบาลทหาร
นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลแก้ปัญหาเต็มที่ ทหาร ตำรวจ เสี่ยงชีวิต แต่มันยังมีคนเลวอยู่ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนเหตุระเบิด ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหมื่น เป็นพันนาย ไล่จับติดตาม แต่จะให้ตอบคำถามทุกวันได้อย่างไร ยิ่งถามถ้าตอบไป ก็ยิ่งจะจับไม่ได้ เพราะคนร้ายจะรู้ตัวหมด แม้แต่คดี พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่บอกว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยอมแพ้ ยืนยันยังทำอยู่ ทุกคดีทำหมด และบอกได้เลยว่าคดีจะออกมาเรื่อยๆ
"ที่ผ่านมาพวกไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม คิดว่าคนดีหรืออย่างไร แล้ววันนี้มาบอกว่า ผมไปไล่ล่า ยอมรับกติกาสิครับ รัฐบาลวันนี้ใจดีที่สุดในโลก ไม่มีรัฐบาลไหนทำให้แบบนี้ นึกถึงคนทุกคน นึกถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะทุกคนคือคนไทย แต่เขามองผมเป็นคนไทยหรือเปล่า พอไม่ได้อะไรขึ้นมาก็ทำลายประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือเปล่า มันใช่หรือเปล่า อยากเข้าสู่ระบบ ก็กลับสู่บ้านมา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่กลับมาเองไม่ใช่เหรอ ให้กลับมาทั้งหมดนั้นแหละ ผมไม่ได้พูดถึงใครคนใดคนหนึ่ง หนีแล้วไปนั่งด่าโก้ๆ ไม่รักประเทศไทยหรือ ขอถามหน่อย แล้วจะให้ผมอยู่เฉยๆ จะด่าอะไรก็ด่า ผมก็มีชีวิตจิตใจ และผมก็สุภาพที่สุดแล้ว " นายกฯกล่าว
ในช่วงท้าย นายกฯได้ขอร้องว่า อย่าเกลียดทหารเลย อย่าเกลียดรัฐบาล ตนเองเป็นรัฐบาล 3 ปี แก่ขึ้นเยอะ ไม่มีนายกฯคนไหนในโลกเหนื่อยเท่านี้แล้ว แต่ไม่ได้ทวงบุญคุณ เพราะมันเป็นหน้าที่ไม่ต้องรักผม แต่ขอให้รักประเทศชาติ
จากนั้นนายกฯ ได้ร่วมถ่ายภาพเซลฟี่ กับนักเรียน นักศึกษา และเยี่ยมชมนิทรรศการ "วิจัยและนวัตกรรม มข.เพื่อไทยแลนด์ 4.0" ด้านการเกษตร อาหาร วัสดุและพลังงานในอนาคต และการดำเนินการสมาร์ทซิตี้ และเดินทางไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เยี่ยมชมโรงงานต้นแบบการผลิต "นาโนซิลิกอน" จากแกลบและเถ้าแกลบ เพื่อใช้เป็นขั้วแบตเตอรี่ลิเทียม
** แจกที่สปก.-เงินช่วยเหลือชาวโคนม
ต่อมาช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังสหกรณ์โคนมขอนแก่น ต.บ้านค้อ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น โดยนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าฯจ.ขอนแก่น และเกษตรกรกว่า 1,200 คน ให้การต้อนรับ พร้อมมอบโรงรวบรวมน้ำนมดิบ โรงผลิตอาหารสัตว์ มอบเงินให้ธนาคารสินค้าเกษตร 4.35 ล้านบาท มอบเงินโครงการยางพาราปูพื้นโรงเลี้ยงโคนม 1.99 ล้านบาท มอบเครื่องมือตรวจสารอัลฟาท็อกซินในนม 10 ชุด และ มอบ ส.ป.ก.4-01 จำนวน 5 แปลง ให้แก่ตัวแทนเกษตรกร
นายกฯ ได้กล่าวกับเกษตรกร ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรมถึง149 ล้านไร่ จำเป็นที่จะต้องปรับโครงสร้างใหม่ โดยการบริหารจัดการด้านเกษตรใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการที่ รัฐบาลมาขอนแก่น ไม่ใช่ต้องการให้รักตนเพียงจังหวัดเดียว เพราะเป็นรัฐบาลของทั้งประเทศ บรรดานักการเมือง และ ส.ส. ก็ต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ การเป็นประชาธิปไตย ต้องเป็นแบบนี้ ถ้ารัฐบาลใดเข้ามา แล้วบอกว่าจะยกหนี้ให้ทั้งหมด ให้เอาไปฆ่าทิ้ง เพราะมันทำไม่ได้ แต่คนมีหนี้ เป็นคนมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ เพราะถ้าไม่ให้กู้ยืม แสดงว่าไม่มีเครดิต ซึ่งเรื่องหนี้ จะให้ใช้ ม.44 ยกหนี้ให้ประชาชนหมด คงไม่ได้ เพราะ ม.44 ใช้ได้แค่บางเรื่อง
**ย้ำไม่เลิก 30 บาทรักษาทุกโรค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องมีความจริงใจ เหมือนที่ตนมีให้มา 3 ปี ที่ไม่เคยนอนตาหลับได้สนิทเลย เพราะนึกถึงทุกคน จึงอยากขอให้ทุกคนร่วมมือ และคิดไปด้วยกัน และยืนยันว่า ไม่ยกเลิกโครงการ 30 รักษาทุกโรค พูดเป็นร้อยครั้งว่าไม่ยกเลิก แต่จะทำให้ดีขึ้น รวมทั้งเรื่องรถไฟ หรือรถเมล์ฟรี ที่แต่ละปีใช้งบประมาณ 2-3 พันล้านบาท เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอะไรที่เคยได้ ก็ยังได้เหมือนเดิม และอาจจะได้มากกว่าเดิม ซึ่งวันนี้รัฐบาลกำลังตัดเสื้อให้คนทั้งประเทศใส่ โดยต้องตัดให้พอดีตัว ช่างตัดเสื้อที่ผ่านมา ตัดเสื้อให้ แต่พอใส่แล้วรัดติ้ว เพราะเอาผ้าไปทำอย่างอื่น แต่สิ่งที่ตนพูดมาไม่ได้เกิดในระยะเวลาอันสั้น ไม่เหมือนการไปหาเสียง ที่บอกว่าจะทำโน่น ทำนี่ให้
"เป็นนายกฯ พูดไปหลายเรื่องก็เหนื่อย พูดทั้งวัน แต่ยังไงก็สู้ เพลงผู้สาวขาเลาะไม่ได้ หนุ่มๆคงชอบกัน แต่สาวๆคงไม่ชอบ ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร เป็นเรื่องของสังคม แต่อย่าให้เลยเถิด ขอพูดแค่นี้ เพราะแตะอะไรไม่ได้เลย โดนหมด ส่วนเรื่องของ 4 คำถาม ก็ขอให้ไปตอบกันหน่อย ไม่เสียสตางค์ ไปตอบ เขียนให้กำลังใจผมหน่อย ผมไม่ได้บังคับ แต่รำคาญ พวกที่บอกว่า ไม่มีใครสนใจมาตอบคำถามผมหรอก ผมล่ะเกลียดจริงๆ "
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยังกล่าวเตือนคอหวย ที่คอยจ้องดูทะเบียนรถนายกฯ ว่า อย่าไปเล่นมาก เอาแค่จิ๊บๆ อย่าหวังอะไรมากมาย บางคนถึงขั้นไปถูต้นไม้ แต่ก็เป็นความสุขของท่าน เล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องของท่าน แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย อย่าให้ตำรวจเจอ โดยเฉพาะเจ้ามือหวย หากผิดก็ต้องดำเนินคดี
"จะรักใครก็ต้องดูด้วยว่าเขารักเราหรือเปล่า เราอย่าไปรักเขา จนเขาไม่รักเราแต่ก็ยังรักเขาอยู่ได้ ไม่ใช่แบบผมที่ไม่ใช่ไม่รักผม แล้วผมจะไม่รักท่าน ผมไม่รังเกียจใครทั้งสิ้น ไม่เคยไปค่าใคร แต่พวกที่มาคอยด่าผมบ่อยๆ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน"
จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ ประกอบด้วย ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร ผลงาน Young Smart Farmer การบริหารจัดการน้ำ การ Zoning by Agri–map และการทำเกษตรแปลงใหญ่ ดูโครงการผักปลอดสารพิษ รวมทั้งชมการจัดตั้งบริษัทประชารัฐสามัคคีขอนแก่น จากนั้นเวลาประมาณ 16.10 น. นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางกลับกรุงเทพฯ
**เล็งประชุมครม.สัญจรให้ประชาชนอุ่นใจ
ผู้สื่อข่างรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการจัดการประชุม ครม. อย่างเป็นทางกนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)ว่า คิดเอาไว้แล้ว เป็นการไปเพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ ไม่ได้ไปหาเสียง ไปกันทั้งครม. ให้เจอ และได้พูดคุยกัน พร้อมเยี่ยมเยียนประชาชน อย่างน้อยไปให้ครบใน 18 กลุ่มจังหวัดก็ยังดี ไปเพื่อให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาล ไม่ใช่มองแต่เรื่องการเมือง รัฐบาลชุดนี้ไม่มีการเมืองทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่ได้เล่านิทานให้ที่ประชุมครม.ฟัง เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนเห็นมาจากโซเชียล จึงอยากนำมาเล่าให้เห็นว่า ระบบราชการเป็นอย่างไร แบ่งเป็นระดับบน และระดับปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดการทบทวนระบบในการทำงาน
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึง ได้พบกับ น.ส.กิตติรัตน์ ชุมแก้ว นักเรียน รร.ขอนแก่นวิทยายน ที่ได้คะแนนแอดมิชชั่น อันดับ1 ของคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ และได้พบกับนักเรียนที่สอบโอเนต คะแนนเต็ม 100 วิชาคณิตศาสตร์ พร้อมมอบทุนการศึกษา
โอกาสนี้ นายกฯได้ขึ้นเวที กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง"การขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" โดยมีคณะอาจารย์ นักเรียน นักศึกษา กว่า 2 พันคนร่วมรับฟัง ตอนหนึ่งว่า การที่นำรัฐมนตรีมาร่วมลงพื้นที่จำนวนมากในครั้งนี้ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับ จ.ขอนแก่น และ ม.ขอนแก่น ที่มีชื่อเสียงในระดับแนวหน้า ทั้งเรื่องการเรียน การสอน และการวิจัย ทั้งภาครัฐและเอกชน รัฐบาลนี้มีนโยบายให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม นำผลการวิจัยเหล่านั้นไปขับเคลื่อนให้ได้ นำไปสู่การผลิต การใช้งาน สร้างมูลค่าจากงานวิจัยให้ได้ ขณะที่วิจัยงานเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยที่ควรมีการจับกลุ่มเพื่อสนับสนุนงบประมาณลงไปได้อย่างถูกต้อง เหมือนการตัดเสื้อให้พอดีตัว ทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี เข้าถึงสิ่งที่กำลังพัฒนา ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า โทรศัพท์ ที่นำระบบดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อน
นายกฯกล่าวด้วยว่า 4 คำถามที่ถามไปนั้น อยากให้ประชาชนคิด และตอบมาสักหน่อยก็ดี อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ ซึ่งจ.ขอนแก่น ตอบคำถามมากที่สุดหมื่นกว่าคน อย่างน้อยมีความเห็นร่วมว่าจะให้ประเทศชาติเดินอย่างไร ต้องการแค่นั้น และล่าสุดให้ 50 ประเด็นประเทศ ไปคิด ซึ่งมีงานต้องทำ 100 กว่าอย่าง กิจกรรมย่อยพันกว่าอย่าง นั้นแหละ อยากให้ทุกคนช่วยกันคิด อย่าเอาแต่ความขัดแย้งมาสู้กันอย่างเดียว เพราะประเทศไทยต้องเดินไปให้ถึงไทยแลนด์ 4.0 ให้ได้
**อ้อนอย่าเกลียดรัฐบาลทหาร
นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลแก้ปัญหาเต็มที่ ทหาร ตำรวจ เสี่ยงชีวิต แต่มันยังมีคนเลวอยู่ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนเหตุระเบิด ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหมื่น เป็นพันนาย ไล่จับติดตาม แต่จะให้ตอบคำถามทุกวันได้อย่างไร ยิ่งถามถ้าตอบไป ก็ยิ่งจะจับไม่ได้ เพราะคนร้ายจะรู้ตัวหมด แม้แต่คดี พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่บอกว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยอมแพ้ ยืนยันยังทำอยู่ ทุกคดีทำหมด และบอกได้เลยว่าคดีจะออกมาเรื่อยๆ
"ที่ผ่านมาพวกไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม คิดว่าคนดีหรืออย่างไร แล้ววันนี้มาบอกว่า ผมไปไล่ล่า ยอมรับกติกาสิครับ รัฐบาลวันนี้ใจดีที่สุดในโลก ไม่มีรัฐบาลไหนทำให้แบบนี้ นึกถึงคนทุกคน นึกถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะทุกคนคือคนไทย แต่เขามองผมเป็นคนไทยหรือเปล่า พอไม่ได้อะไรขึ้นมาก็ทำลายประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือเปล่า มันใช่หรือเปล่า อยากเข้าสู่ระบบ ก็กลับสู่บ้านมา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่กลับมาเองไม่ใช่เหรอ ให้กลับมาทั้งหมดนั้นแหละ ผมไม่ได้พูดถึงใครคนใดคนหนึ่ง หนีแล้วไปนั่งด่าโก้ๆ ไม่รักประเทศไทยหรือ ขอถามหน่อย แล้วจะให้ผมอยู่เฉยๆ จะด่าอะไรก็ด่า ผมก็มีชีวิตจิตใจ และผมก็สุภาพที่สุดแล้ว " นายกฯกล่าว
ในช่วงท้าย นายกฯได้ขอร้องว่า อย่าเกลียดทหารเลย อย่าเกลียดรัฐบาล ตนเองเป็นรัฐบาล 3 ปี แก่ขึ้นเยอะ ไม่มีนายกฯคนไหนในโลกเหนื่อยเท่านี้แล้ว แต่ไม่ได้ทวงบุญคุณ เพราะมันเป็นหน้าที่ไม่ต้องรักผม แต่ขอให้รักประเทศชาติ
จากนั้นนายกฯ ได้ร่วมถ่ายภาพเซลฟี่ กับนักเรียน นักศึกษา และเยี่ยมชมนิทรรศการ "วิจัยและนวัตกรรม มข.เพื่อไทยแลนด์ 4.0" ด้านการเกษตร อาหาร วัสดุและพลังงานในอนาคต และการดำเนินการสมาร์ทซิตี้ และเดินทางไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เยี่ยมชมโรงงานต้นแบบการผลิต "นาโนซิลิกอน" จากแกลบและเถ้าแกลบ เพื่อใช้เป็นขั้วแบตเตอรี่ลิเทียม
** แจกที่สปก.-เงินช่วยเหลือชาวโคนม
ต่อมาช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังสหกรณ์โคนมขอนแก่น ต.บ้านค้อ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น โดยนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าฯจ.ขอนแก่น และเกษตรกรกว่า 1,200 คน ให้การต้อนรับ พร้อมมอบโรงรวบรวมน้ำนมดิบ โรงผลิตอาหารสัตว์ มอบเงินให้ธนาคารสินค้าเกษตร 4.35 ล้านบาท มอบเงินโครงการยางพาราปูพื้นโรงเลี้ยงโคนม 1.99 ล้านบาท มอบเครื่องมือตรวจสารอัลฟาท็อกซินในนม 10 ชุด และ มอบ ส.ป.ก.4-01 จำนวน 5 แปลง ให้แก่ตัวแทนเกษตรกร
นายกฯ ได้กล่าวกับเกษตรกร ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรมถึง149 ล้านไร่ จำเป็นที่จะต้องปรับโครงสร้างใหม่ โดยการบริหารจัดการด้านเกษตรใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการที่ รัฐบาลมาขอนแก่น ไม่ใช่ต้องการให้รักตนเพียงจังหวัดเดียว เพราะเป็นรัฐบาลของทั้งประเทศ บรรดานักการเมือง และ ส.ส. ก็ต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ การเป็นประชาธิปไตย ต้องเป็นแบบนี้ ถ้ารัฐบาลใดเข้ามา แล้วบอกว่าจะยกหนี้ให้ทั้งหมด ให้เอาไปฆ่าทิ้ง เพราะมันทำไม่ได้ แต่คนมีหนี้ เป็นคนมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ เพราะถ้าไม่ให้กู้ยืม แสดงว่าไม่มีเครดิต ซึ่งเรื่องหนี้ จะให้ใช้ ม.44 ยกหนี้ให้ประชาชนหมด คงไม่ได้ เพราะ ม.44 ใช้ได้แค่บางเรื่อง
**ย้ำไม่เลิก 30 บาทรักษาทุกโรค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องมีความจริงใจ เหมือนที่ตนมีให้มา 3 ปี ที่ไม่เคยนอนตาหลับได้สนิทเลย เพราะนึกถึงทุกคน จึงอยากขอให้ทุกคนร่วมมือ และคิดไปด้วยกัน และยืนยันว่า ไม่ยกเลิกโครงการ 30 รักษาทุกโรค พูดเป็นร้อยครั้งว่าไม่ยกเลิก แต่จะทำให้ดีขึ้น รวมทั้งเรื่องรถไฟ หรือรถเมล์ฟรี ที่แต่ละปีใช้งบประมาณ 2-3 พันล้านบาท เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอะไรที่เคยได้ ก็ยังได้เหมือนเดิม และอาจจะได้มากกว่าเดิม ซึ่งวันนี้รัฐบาลกำลังตัดเสื้อให้คนทั้งประเทศใส่ โดยต้องตัดให้พอดีตัว ช่างตัดเสื้อที่ผ่านมา ตัดเสื้อให้ แต่พอใส่แล้วรัดติ้ว เพราะเอาผ้าไปทำอย่างอื่น แต่สิ่งที่ตนพูดมาไม่ได้เกิดในระยะเวลาอันสั้น ไม่เหมือนการไปหาเสียง ที่บอกว่าจะทำโน่น ทำนี่ให้
"เป็นนายกฯ พูดไปหลายเรื่องก็เหนื่อย พูดทั้งวัน แต่ยังไงก็สู้ เพลงผู้สาวขาเลาะไม่ได้ หนุ่มๆคงชอบกัน แต่สาวๆคงไม่ชอบ ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร เป็นเรื่องของสังคม แต่อย่าให้เลยเถิด ขอพูดแค่นี้ เพราะแตะอะไรไม่ได้เลย โดนหมด ส่วนเรื่องของ 4 คำถาม ก็ขอให้ไปตอบกันหน่อย ไม่เสียสตางค์ ไปตอบ เขียนให้กำลังใจผมหน่อย ผมไม่ได้บังคับ แต่รำคาญ พวกที่บอกว่า ไม่มีใครสนใจมาตอบคำถามผมหรอก ผมล่ะเกลียดจริงๆ "
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยังกล่าวเตือนคอหวย ที่คอยจ้องดูทะเบียนรถนายกฯ ว่า อย่าไปเล่นมาก เอาแค่จิ๊บๆ อย่าหวังอะไรมากมาย บางคนถึงขั้นไปถูต้นไม้ แต่ก็เป็นความสุขของท่าน เล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องของท่าน แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย อย่าให้ตำรวจเจอ โดยเฉพาะเจ้ามือหวย หากผิดก็ต้องดำเนินคดี
"จะรักใครก็ต้องดูด้วยว่าเขารักเราหรือเปล่า เราอย่าไปรักเขา จนเขาไม่รักเราแต่ก็ยังรักเขาอยู่ได้ ไม่ใช่แบบผมที่ไม่ใช่ไม่รักผม แล้วผมจะไม่รักท่าน ผมไม่รังเกียจใครทั้งสิ้น ไม่เคยไปค่าใคร แต่พวกที่มาคอยด่าผมบ่อยๆ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน"
จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ ประกอบด้วย ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร ผลงาน Young Smart Farmer การบริหารจัดการน้ำ การ Zoning by Agri–map และการทำเกษตรแปลงใหญ่ ดูโครงการผักปลอดสารพิษ รวมทั้งชมการจัดตั้งบริษัทประชารัฐสามัคคีขอนแก่น จากนั้นเวลาประมาณ 16.10 น. นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางกลับกรุงเทพฯ
**เล็งประชุมครม.สัญจรให้ประชาชนอุ่นใจ
ผู้สื่อข่างรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการจัดการประชุม ครม. อย่างเป็นทางกนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)ว่า คิดเอาไว้แล้ว เป็นการไปเพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ ไม่ได้ไปหาเสียง ไปกันทั้งครม. ให้เจอ และได้พูดคุยกัน พร้อมเยี่ยมเยียนประชาชน อย่างน้อยไปให้ครบใน 18 กลุ่มจังหวัดก็ยังดี ไปเพื่อให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาล ไม่ใช่มองแต่เรื่องการเมือง รัฐบาลชุดนี้ไม่มีการเมืองทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่ได้เล่านิทานให้ที่ประชุมครม.ฟัง เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนเห็นมาจากโซเชียล จึงอยากนำมาเล่าให้เห็นว่า ระบบราชการเป็นอย่างไร แบ่งเป็นระดับบน และระดับปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดการทบทวนระบบในการทำงาน