หัวหน้าประชาธิปัตย์ งง “จักรทิพย์” ขู่ฟ้องหมิ่น “วิทยา” ทั้งๆ ที่ “ประยุทธ์” เพิ่งขอบคุณ แนะถามข้อมูลดูแล้วแก้ไข โบ้ยตัดสินใจย้าย “เทศา” เอง รับข่าวซื้อเก้าอี้หนาหูจริง ด้านโฆษกวิป สปท.ยันที่ประชุมมติหนุน “สังศิต” สู้คดี จี้รัฐบาลปฏิรูปตาม 4 แผน
วันนี้่ (15 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธการซื้อขายตำแหน่งตำรวจในนครบาล และเตรียมฟ้องนายวิทยา แก้วภราดัย ฐานหมิ่นประมาท ทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายว่า ตนรู้สึกงงเพราะเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะออกมาขอบคุณนายวิทยา ตอนแรกเห็นนายกฯ ขอบคุณนายวิทยาก็นึกว่าจะได้เดินต่อไปด้วยความราบรื่น ถ้าข้องใจว่านายวิทยานำข้อมูลมาจากไหนก็สอบถามและดูว่ามีหรือไม่มีหลักฐาน และมีน้ำหนักเพียงใด จากนั้นจึงแก้ไขซึ่งเป็นทางที่ดีที่สุด แต่จากการติดตามนายวิทยาให้สัมภาษณ์นั้นไม่เคยบอกว่ามีปัญหาในพื้นที่ไหนอย่างไร แต่ทาง ผบ.ตร.ต่างหากที่ตัดสินใจย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับบัญชาภูธรภาค 8 และเรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องบุคคลหรือเป็นเรื่องขัดแย้งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธาน กปปส. ตนอยากเห็นบ้านเมืองช่วยกันทำงานอย่างสร้างสรรค์จะดีกว่า
“ข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนี้มันก็มีหนาหูจริง ถ้าเราสามารถสะสางเรื่องนี้ได้ก็ดี สมัยผมเป็นรัฐบาลเรื่องนี้ก็ถูกครหาเช่นกัน สุดท้ายเชิญท่าน พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร มาขอให้ช่วยแก้ปัญหา เราก็มาทำเรื่องของหลักเกณฑ์ เรื่องของระเบียบ วิธีการ และทำคู่มือว่าเวลาจะโยกย้าย แม้ปัญหามันไม่หมดไป แต่จะดีขึ้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า ร.ท.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ได้นำกรณีของนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สปท.เข้าหารือและมีมติในเบื้องต้นว่า การอภิปรายของนายสังศิตมีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการเพื่อให้เกิดการปฏิรูปกิจการตำรวจซึ่งเป็นจุดยืนที่แสดงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมีมุมมองที่แตกต่างออกไปจนเกิดการกล่าวโทษทางอาญาขึ้น จึงขอให้นายสังศิตใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ทางคณะกรรมาธิการฯ ขอเป็นกำลังใจให้และพร้อมสนับสนุนข้อมูลและการดำเนินการอื่นที่อยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ สปท.
“การปฏิรูปตำรวจเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศ ดังนั้นเราขอให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปกิจการตำรวจโดยเร็วตามขั้นตอนในรัฐธรรมนูญและแผนการปฏิรูปที่ได้เสนอไปแล้ว 4 แผน คือ การปฏิรูประบบงานบริการประชาชนในการรับแจ้งความและสอบสวน การปฏิรูปการวางแนวทางมาตรฐานการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ การปฏิรูปความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลของตำตรวจจากการแทรกแซงทางการเมือง และการปฏิรูปการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการตำรวจ” นายคำนูณกล่าว