ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.มีมติสั่งอายัดที่ดิน “บรรณพจน์ ดามาพงษ์” อ.คลองหลวง 11 ไร่ พ่วงอาคารบุญรักษา ข้างวัดพระธรรมกาย หลังพบเอี่ยว “ศุภชัย” ทุจริตสหกรณ์คลองจั่น
วันนี้ (13 มิ.ย.) พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 11/2560 ว่า ตามที่ ปปง.ได้รับการประสานงานจากกรมสอบสวคดีพิเศษในคดีพิเศษอย่างต่อเนื่อง ให้ตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก เกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด นำไปลงทุนซื้อสิทธิในการซื้อขายที่ดินในอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี และหุ้นของ บ.เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด โดยผิดข้อระเบียบ ข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ นั้น
จากการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวพบว่า เมื่อปี 2552 นายศุภชัยในฐานะประธานกรรมการสหกรณ์ฯ ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ นำไปลงทุนซื้อสิทธิในการซื้อขายที่ดินใน อ.คลองหลวง และหุ้นของ บ.เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด โดยผิดระเบียบ ข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ ด้วยวิธีสั่งจ่ายเช็คจำนวน 11 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 321,400,000 บาท โดยในปี 2554 บ.เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ได้แบ่งขายโฉนดที่ดินให้แก่นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งนายบรรณพจน์ได้ทำสัญญาให้นิติบุคคลภายนอกเช่าที่ดินเมื่อปี 2559 ดังนั้นที่ดินดังกล่าวรวมทั้งสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าที่ดิน จึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ถูกเปลี่ยนสภาพมาหลายครั้ง เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติอายัดทรัพย์สินที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 2 รายการ ได้แก่ 1. ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 165233 เนื้อที่ดิน 11 ไร่ 1 งาน 93.1 ตารางวา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าว 2. ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 161424 เนื้อที่ดิน 3 งาน 32.5 ตารางวา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.ต.อ.ชัยยะกล่าวว่า ต่อมา บ.เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ได้ทำสัญญาขายที่ดินให้กับนายอนันต์ จากนั้น นายอนันต์ได้ขายที่ดินให้แก่บุคคลภายนอก ในราคา 492,320,250 บาท และได้นำเงินไปชำระหนี้ให้กับ บ.เอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด และหนี้อื่นบางส่วน โดยได้นำเงินส่วนใหญ่จำนวน 303,000,000 บาท ไปบริจาคให้มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เพื่อนำไปก่อสร้างอาคารบุญรักษา ซึ่งหมายความว่า อาคารดังกล่าวถูกปลูกสร้างโดยใช้ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่เปลี่ยนสภาพมาหลายครั้ง ดังนั้น อาคารดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติอายัดทรัพย์สินที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 2 รายการ ได้แก่ 1. สิ่งปลูกสร้างอาคารบุญรักษา อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 6 ชั้น พื้นที่อาคาร 15,634 ตารางเมตรและพื้นที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเข้าออกของรถ จำนวน 1 อาคาร ซึ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 101461 และโฉนดที่ดินเลขที่ 101462 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 2. สิ่งปลูกสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้น พื้นที่ 297 ตารางเมตร จำนวน 1 อาคาร ซึ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 101461 และโฉนดที่ดินเลขที่ 101462 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ การอายัดอาคารบุญรักษาดังกล่าว เป็นการอายัดทรัพย์สินต่อเนื่องจากคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.57/2560 เรื่องอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว เป็นทรัพยสินประเภทอสังหาริมทรัพย์ และที่ดินตามโฉนดที่ดิน กรณี น.ส.อลิสา อัศวโภคิน ซื้อที่ดินจาก นายศุภชัย จำนวน 8 แปลง รวมมูลค่ากว่า 114 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ปรากฏหลักฐานและเชื่อได้ว่านายศุภชัยกับพวกเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
พล.ต.อ.ชัยยะกล่าวต่อว่า ปปง.ดำเนินการทุกอย่างด้วยความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ปปง.จะใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการดำเนินการคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างรอบคอบรัดกุม บนพื้นฐานของความยุติธรรมตามปรัชญาในการทำงานที่ว่า ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยกฎหมายฟอกเงิน