MGR Online - ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำสั่งสหกรณ์ฯ คลองจั่น ถอนฟ้องคดี “ศุภชัย” ยักยอกทรัพย์ 22 ล้าน 28 มิ.ย.นี้ แต่ยังเหลืออีกเพียบ คาดพ้นคดีนี้เจอะคดีอื่น ถึงขนาดมีคนมารอคิวอายัดตัวจากหน้าเรือนจำเป็นโหล หมดโอกาสรอดคุก
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายวันชัย บุญนาค ทนายความของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 60 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำเลยในคดีดำที่ อ.1739/2558 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภชัยเป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริต ในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 353 และ 354 ได้เปิดเผยว่า วันที่ 28 มิ.ย.นี้ศาลอาญาได้นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สหกรณ์ฯ คลองจั่นขอถอนฟ้องนายศุภชัย จำเลยคดียักยอกทรัพย์หมายเลขดำที่ 1739/2558 ดังกล่าว
คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่าวันที่ 10 เมษายน - 8 ตุลาคม 2556 นายศุภชัยจำเลยให้เจ้าหน้าที่บัญชี เบิกเงินสดของสหกรณ์ฯคลองจั่น ผู้เสียหาย หลายครั้งหลายหนรวม 8 ครั้งๆ ละระหว่าง 184,000-6 ล้านบาท รวม 22,132,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ต่อมานายศุภชัยให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุก 8 กระทง รวมเป็นเวลา 14 ปี 24 เดือน
โดยระหว่างที่มีการอุทธรณ์คดีนั้น ปรากฏว่านายศุภชัยจำเลยได้มอบหมายให้ตนนำเงิน 34,752,150 บาท มาชดใช้เป็นค่าเสียหายให้สหกรณ์ฯ คลองจั่น ผู้เสียหาย ต่อมาหลังจากนั้นสหกรณ์ฯ คลองจั่นจึงได้ยื่นคำร้องเพื่อประสงค์จะขอถอนฟ้องคดี โดยศาลอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งให้ศาลอาญาสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การสอบถามคู่ความในครั้งนั้นอัยการโจทก์ได้แถลงยืนยันคัดค้านการถอนฟ้องคดีระบุว่า สหกรณ์ฯ คลองจั่น ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจทำบันทึกตกลงยอมความในคดีอาญากับนายศุภชัย เนื่องจากสหกรณ์ฯ คลองจั่นอยู่ระหว่างคดีขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลายในศาลล้มละลายกลาง ซึ่งตนก็ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านคำร้องของพนักงานอัยการเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาที่ยอมความได้ก่อนที่คดีจะสิ้นสุดตาม ป.วิอาญามาตรา 35 ไม่ใช่เป็นคดีแพ่งและไม่ใช่คดีขอฟื้นฟูกิจการ ฉะนั้น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยกรรมการการดำเนินงานและผู้บริหารสหกรณ์ย่อมสามารถตกลงรับเงินเยียวยาและทำบันทึกยอมความกับนายศุภชัยจำเลยได้ และหากที่สุดแล้วหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตถอนฟ้องได้คดีอาญาดังกล่าวก็จะเป็นที่ระงับตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลอนุญาตถอนฟ้องคดีนี้แล้ว นายศุภชัยมีสิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวเลยหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า นอกจากคดีนี้แล้ว นายศุภชัยยังมีคดีอยู่ที่ศาลอาญาอยู่อีก 3 คดี ซึ่งมีคดีที่ร่วมกับ น.ส.ศรัณยา มานหมัด นางทองพิน กันล้อม ร่วมกันฟอกเงินวัดพระธรรมกาย ที่มีผู้ต้องหาเป็นพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องด้วย และนอกจาก 3 คดีในชั้นศาลแล้วยังมีคดีที่อยู่ในการทำสำนวนของดีเอสไออีก 10 กว่าคดี
เมื่อถามว่า หากศาลอนุญาตถอนฟ้องคดีนี้จะยื่นประกันตัวนายศุภชัยที่ยังมีคดีค้างอยู่ในศาลหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า ต้องพิจารณาในเรื่องการหาเงินทุนเนื่องจากนายศุภชัยยังมีคดีค้างอยู่ในชั้นดีเอสไอและอัยการจำนวนมาก หากถึงได้รับการปล่อยชั่วคราวจาก 3 คดีในชั้นศาล เชื่อว่าจะมีพนักงานสอบสวนมารออายัดตัวหน้าเรือนจำ และหลังจากนั้นคงต้องนำมาฝากขังและคงต้องมีการยื่นประกันซ้ำอีก คาดว่าหากจะยื่นประกันตัวนายศุภชัยคงต้องใช้หลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท