รายงานพิเศษ ลึกทันใจ ตอน ธาริต-สวัสดิ์ กับ ธรรมกาย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม NEWS1 วันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2560
ความเกี่ยวข้องของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เริ่มขึ้นในช่วงที่กำลังมีปัญหาระหว่างการตรวจสอบคดียักยอกทรัพย์กว่าหมื่นล้านบาทในปี 2556 ขณะนั้น นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ส่งหนังสือสอบถามนายธาริต เพื่อขอทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ยืนยันผลการร้องเรียนกล่าวหาสหกรณ์ฯ ที่อยู่ในการสอบสวนของดีเอสไอ แต่นายธาริตใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำหนังสือตอบกลับนายศุภชัยว่า ไม่พบการกระทำความผิดตามข้อร้องเรียน จนกระทั่งต่อมานายธาริตก็ถูกตรวจสอบเสียเองจากกรณีเข้าไปเกี่ยวข้องกับการขายที่ดินของนายศุภชัย 1,822 ไร่ วงเงิน 477 ล้านบาท เพื่อไปใช้คืนสหกรณ์ แต่มีการคืนเงินให้เพียง 100 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นนาย ธาริต ในฐานะที่เป็นผู้อนุมัติให้ขายที่ดินดังกล่าว จึงถูกสำนักนายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และถูกป.ป.ช.ลงมติร่ำรวยผิดปกติจนถูกไล่ออกจากราชการในที่สุด
ส่วนรายของ ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ที่ตำรวจกองปราบปรามพบว่า มีพฤติกรรมหลอกลลวงให้เหยื่อหลงเชื่อ ลงทุนซื้อโควตาลอตเตอรี่แลกผลตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท ขณะนี้ได้หอบเงินหลบหนีไปหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง
จากการสืบค้นประวัติของดร.สวัสดิ์ พบว่า เคยเป็นประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ได้ใช้เงินของสหกรณ์จุฬาฯ ให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกู้ยืม 1,431 ล้านบาท ฝากเงินกับสหกรณ์มงคลเศรษฐี 200 ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ทั้ง 2 แห่ง มีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นประธานในขณะนั้นและยังเป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกายอีกด้วย และยังมีสหกรณ์เคหสถาน นพเก้ารวมใจมีการฝากเงินในครั้งแรก 100 ล้านบาทและฝากเพิ่มอีกเป็น 915 ล้านบาท
ในเวลานั้นทั้ง 3 สหกรณ์นี้มีปัญหา เพราะไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ให้สหกรณ์จุฬาฯ ได้ จนมีการฟ้องร้องกัน ดร.สวัสดิ์ จึงออกมาชี้แจงว่าการปล่อยเงินกู้ให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นโฉนดที่ดินกว่า 28 ไร่พร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารยูทาวเวอร์ และศูนย์ประชุมติดถนนศรีนครินทร์ โดยมีกระบวนการฟื้นฟูและทยอยชำระหนี้ให้ ส่วนสหกรณ์มงคลเศรษฐี กำลังอยู่ในกระบวนการฟ้องร้องและเจรจา ขณะที่สหกรณ์นพเก้ารวมใจ อ้างว่ามีหลักประกันเป็นโฉนดที่ดินกว่า 218 ไร่ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำมาจำนองเป็นประกัน อยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องเช่นกัน
น่าสังเกตว่าเหตุใด ดร.สวัสดิ์จึงไปหาผลตอบแทนจากสหกรณ์ที่มีความเสี่ยงอย่างสหกรณ์คลองจั่นและสหกรณ์มงคลเศรษฐี เช่นเดียวกับการฝากเงินกับสหกรณ์นพเก้าจาก 100 ล้านบาทเพิ่มเป็น 915 ล้านบาท ทั้งที่สถานะของสหกรณ์นพเก้าฯ มีสถานะขาดทุน และเป็นหนี้เงินฝากชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทยราว 4,865 ล้านบาท ขณะที่สหกรณ์ธนกิจไทยก็มีปัญหาค้างดอกเบี้ยเงินฝากกับสหกรณ์จุฬาฯ ในวงเงิน 550 ล้านบาทด้วย แต่ก็ยังสามารถนำเงินจำนวนมากไปฝากกับสหกรณ์นพเก้าฯ อีก และหากย้อนกลับไปก็พบว่า ดร.สวัสดิ์ เคยเป็นประธานคนแรกของสหกรณ์ธนกิจไทย แม้เราไม่พบว่า ดร.สวัสดิ์เป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกายหรือไม่ แต่ก็น่าจะสนิทสนมกับนายศุภชัย เพราะอยู่ในวงการสหกรณ์ด้วยกัน หลายธุรกรรมก็เกี่ยวข้องกันอีก
สรุปง่ายๆ เรื่องของดร.สวัสดิ์และนายธาริต เป็นเรื่องของต่างกรรมต่างวาระ แต่มีจุดร่วมที่น่าสนใจก็คือ การเข้ามาเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเหมือนกัน ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคดียักยอกทรัพย์และเกี่ยวข้องกับธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นั่นเอง กรรมล่าโกงได้เริ่มขึ้นแล้ว.....
ทีมข่าวลึกทันใจ รายงาน