xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : เปิดโผ “อภิมหาเศรษฐีไทย” รวยกันหูดับตับไหม้ “เจ้าสัววิชัย” พุ่งพรวดติดท็อปไฟว์-วีรกรรม “แก๊งอีเปรี้ยว” กระชากหน้ากากสังคม “พริตตี้ - โมเดล”- ดีเอสไอ” เตรียมเด็ดหัว “นักการเมืองใหญ่ - นักเลงมีชื่อ” เอี่ยวค้ารถเถื่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



ประสาคนหาเช้ากินค่ำ ได้ “ตาร้อนผ่าวๆ” กันอีกแล้วกับ “โผอภิมหาเศรษฐีไทย” ของทางนิตยสารฟอร์บส์ประเทศไทย ที่จัดเป็นประจำทุกปี สำหรับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2560 เบอร์หนึ่งยังคงเป็น “ตระกูลเจียรวนนท์” เครือซีพี กับมูลค่าทรัพย์สิน 7.418 แสนล้านบาท ตามมาด้วยอันดับ 2 “เจ้าสัวช้าง” เจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่าทรัพย์สิน 5.313 แสนล้านบาท ขณะที่ “ตระกูลจิราธิวัฒน์” แห่งเครือเซ็นทรัล มาเป็นอันดับ 3 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 5.278 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 18% จากปีก่อน ขณะที่เครือกระทิงแดง “ตระกูลอยู่วิทยา” อยู่อันดับ 4 มูลค่าทรัพย์สิน 4.312 แสนล้านบาท มีข้อมูลว่าแค่ปีเดียวเพิ่มขึ้นมาถึงเกือบแสนล้าน แสดงว่า ไม่ได้สะเทือนกับวีรกรรมของ “ลูกบอส ตีนผี” เลย .. อันดับ 5 “เจ้าสัวจิ้งจอก” วิชัย ศรีวัฒนประภา แห่งอาณาจักรคิง เพาเวอร์ มูลค่าทรัพย์สิน 1.621 แสนล้านบาท แน่นอนว่า ต้องได้รับอานิสงส์จาก “สิทธิพิเศษ” ร้านค้าปลอดภาษี ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อปีก่อน ขยับติดท็อปไฟว์แบบสบายๆ

แล้วก็ยังมีเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งขึ้นมาติด 1 ใน 50 ครั้งแรก ถึง 3 ราย ด้วยกัน วินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ผู้ก่อตั้ง “ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป” เมื่อปี 2530 จากฟาร์มเลี้ยงไก่เพียง 20,000 ตัว และสามารถสร้างตัวจนมีทรัพย์สินถึง 2.587 หมื่นล้านบาท “เถ้าแก่น้อย” อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ เจ้าของสาหร่ายอบแห้งชื่อดัง อายุแค่ 32 ปี แต่มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ 2.104 หมื่นล้านบาท และ ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ แห่งคาราบาวแดง สหายผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจกับ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ - แอ๊ด คาราบาว จนมีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 2.035 หมื่นล้านบาท .. รายงานของ “ฟอร์บส์” บอกด้วยว่า 2 ใน 3 ของ 50 มหาเศรษฐีเมืองไทย ล้วนมี “ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น” รวมแล้ว 50 กลุ่มนี้ที่ติดโผมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกัน 4.26 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% .. ก็อย่างคำเขาว่า คนรวยมันก็รวยเอารวยเอา คนจนมันก็จนเอาจนเอา.

ยังคงเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ตามติดกันอย่างต่อเนื่อง กับการไล่ล่า “เปรี้ยว - เอิร์น - แจ้” ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ “น้องแอ๋ม” วริสรา กลิ่นจุ้ย อย่างโหดเหี้ยม โดยทั้งหมดได้หลบหนีออกไปทางชายแดนประเทศเมียนมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า “แก๊งอีเปรี้ยว” มีพฤติกรรมพัวพัน “แก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติ” อาจจะได้รับการช่วยเหลือจากเครือข่ายยาเสพติด ทั้งกลุ่มว้าแดง หรือกองกำลังอิสระกลุ่มชาวเขาเผ่ามูเซอ มี “พ.ท.ยี่เซ” เจ้าพ่อค้ายาเสพติดดูแลอยู่ แต่บางกระแสข่าวก็ระบุว่า “แก๊งอีเปรี้ยว” แค่มีพฤติกรรมเป็นผู้เสพ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ร่วมแก๊งอัลคาโปนอะไรทำนองนั้นหรอก โดยเฉพาะสุ่มเสียงของ พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 ที่ยังเชื่อว่า “น้องแอ๋ม” ถูกฆ่าโหด เพราะแค้นส่วนตัว ที่ไปชี้เป้าให้ตำรวจจับ “ผัวยัยเปรี้ยว” เข้าคุกในข้อหายาเสพติด แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันว่า “ผัวยัยเปรี้ยว” เป็นใครและถูกจับกุมจริงหรือไม่

สวนทางขวับกับทาง ป.ป.ส. ที่เช็กแล้วว่า “เปรี้ยว” เป็นทั้งผู้ค้า - เสพ มีการติดต่อกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แล้วนำยาเสพติดเข้ามาขายในพื้นที่ให้กับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานกลางคืนด้วยกัน แต่ก็ไม่ฟันธงว่า การตายของ “น้องแอ๋ม” มาจากใบสั่งตายของ “เจ้าพ่อยาเสพติด” .. เป็นอุทาหรณ์ที่สะท้อนว่า สังคมไทยขณะนี้ฟอนเฟะเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสังคมของ “พริตตี้ - นางแบบ” ที่ภายนอกดูสวยใส มีชีวิตหรูหรา ใช้ของแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ แต่เบื้องหลังชุลมุนอยู่กับ “แก๊งค้ากาม - สิ่งเสพติด - อบายมุข” ศัพท์แสงในวงการสังคมเล่นยา - พริตตี้เล่นที่คุ้นๆ หู “สายน้ำ - สายหนม - สายดม - สายควัน” พูดกันเป็นเรื่องโก๋เก๋ทั้งในที่ลับ - ในที่สาธารณะ แต่ถ้าไม่เกิดเรื่อง “เจ้าหน้าที่” ก็หูหนวกตาบอด เช่นเดียวกับ “สาวเปรี้ยว” ที่นับวันวีรกรรม - วีรเวร จะถูกขุดออกมาไม่หยุดหย่อน แต่กลับไม่เคยอยู่ในสายตาเจ้าหน้าที่หรืออย่างไร .. ก็เหมือนกับสถานบันเทิงยามราตรีที่เปิดเกินเวลา ส่วนใหญ่ก็ไว้รองรับ “ลูกค้าสายเทค” แทบทั้งสิ้น แต่ก็ยังเปิดท้าทายกฎหมาย ไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ ไว้รอมีเรื่องแล้วค่อยมา “ล้อมคอก” กันทีหลัง

มาแล้วตัวละครสำคัญ ที่ถูกต้องสงสัยว่าร่วมขบวนการนำเข้ารถยนต์หรูสำแดงเท็จหลีกเลี่ยงภาษี “บอย ยูนิตี้” ภานุศักดิ์ เตชธีรสิริ เจ้าของเอสทีที ออโต้คาร์ ที่ถูก “ดีเอสไอ” อายัดรถไป 34 คันถ้วน ในจำนวนนี้มีทั้งรถที่สำแดงเท็จและถูกโจรกรรมมาจากอังกฤษ โดย “บอย ยูนิตี้” ถึงกับเปิดห้องโรงแรม เอสซี ปาร์ค แถลงข่าวขอความเป็นธรรมจาก “ดีเอสไอ” พร้อมยืนยันว่า รถที่ถูกกล่าวหามีการนำเข้าอย่างถูกต้อง แล้วก็ยังโอดครวญว่าเกิดเล่นเรื่องนี้เข้าไปทำธุรกิจเสียหายหลายร้อยล้านเลยทีเดียว .. ถ้ามีหลักฐานยืนยันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็น่าสงกะสัยว่า แล้วไฉนก่อนหน้ามีเรื่อง Mercedes-Benz G350 Bluetec ที่มีชื่อ “บอย ยูนิตี้” เป็นผู้ครอบครอง และอยู่ในฟรีโซนกรมศุลฯ ซึ่งทาง “ดีเอสไอ” ได้เคยทำหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ “กรมศุลกากร” ระงับการดำเนินการใดๆ กับรถยนต์ในเขตปลอดภาษี แต่ Benz G350 Bluetec คันที่ว่า ซึ่งทางอังกฤษระบุชัดว่าเป็นรถขโมย หลุดรอดขึ้นเรือตีตั๋วปลายทางฮ่องกงได้ยังไง แถมขยับก่อนที่ “ดีเอสไอ” จะเปิดฉากกวาดล้างขบวนการรถหรูเถื่อนเสียด้วยซ้ำ .. แสดงว่า “การข่าวดี” ถึง “นกรู้” รีบส่งของร้อนออกไปให้พ้นตัวก่อน

บอกแล้ววงการนี้อยู่ยาก 160 คันที่ “ดีเอสไอ” อายัดไว้ มีเจ้าเข้าเจ้าของทั้งสิ้น แต่ละคนเอ่ยชื่อแล้วต้องร้องซี๊ดซ๊าด “ไฮโซ - เซเลบ” ดังๆ ทั้งน้านนน .. จึงไม่แปลกที่มีข่าวว่า “นักการเมืองดัง สังกัดพรรคใหญ่” ที่เป็นเจ้าของรถบางคันที่ “ดีเอสไอ” ไปยึดมา ต่อสายขอรถคืนกันดื้อๆ ทั้งที่ไม่ได้มีการชี้แจงด้วยว่าซื้อขายถูกต้องหรือไม่อย่างไร อ้างแค่ว่า “กูใหญ่” พอไม่คืนยังจะเอาเรื่องเอาราวขู่จะฟ้องพนักงานสอบสวนทั้งชุดเสียอีก .. จับตาดูให้ดียังมีรถโจรกรรมสำคัญอีกคันหนึ่ง เห็นว่าเป็น BMW รุ่น M4 ซึ่งก็อยู่ในความครอบครองของ “นักการเมืองพรรคใหญ่” แถมเป็น “หัวหน้าแก๊งมีชื่อ” เสียด้วย .. แว่วว่า “ดีเอสไอ” เตรียมไปตะครุบเร็วๆ นี้ แล้วเห็นว่าท่าทางจะไม่โดนแค่เรื่องรถเถื่อนซะด้วยซิ!!.

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น