นิตยสารมหาเศรษฐีชื่อดัง จับ “แอ๊ดบาว” ขึ้นปก ชูเป็นศิลปินนักร้องที่ร่ำรวยที่สุดของไทย จากคนจนผู้ยิ่งใหญ่ สู่อาณาจักรคาราบาวแดงหมื่นล้าน เผย กำลังจะขยายธุรกิจเครื่องดื่มไปต่างประเทศอีก 30 กว่าประเทศ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine ของนิตยสารฟอร์บส์ภาคภาษาไทย ในเครือบริษัท โพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย จำกัด โพสต์ภาพปกนิตยสารฟอร์บส์ฉบับภาษาไทย ประจำเดือนเมษายน 2560 เป็น นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว พร้อมกับโปรยปกว่า “The Richest Musician ยืนยง โอภากุล คนจนผู้ยิ่งใหญ่ สู่อาณาจักรคาราบาวแดงหมื่นล้าน”
“จากตำนานเพลงเพื่อชีวิตต่อยอดสู่ความสำเร็จหมื่นล้านของ “คาราบาวแดง” พบกับเรื่องราวเบื้องลึกของศิลปินวัย 62 ปี ยืนยง โอภากุล ที่จับมือกับอีก 2 แม่ทัพใหญ่ด้านการบริหารเพื่อก่อตั้ง บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยเน้นกลยุทธ์ Music Marketing และ Sports Marketing ชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจนก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของไทย แซงหน้าเจ้าตลาด คาราบาวกรุ๊ปยังขยายธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งสินค้าเครื่องดื่ม อุปโภคบริโภค และ ร้านค้าปลีก พร้อมก้าวไกลสู่ตลาดนานาชาติตั้งแต่ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ยุโรป และตะวันออกกลาง เพื่อทวีคูณรายได้เท่าตัวในอนาคต” นิตยสารชื่อดังระบุ ขณะที่โดยปกติแล้วนิตยสารฟอร์บส์จะจับเฉพาะมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจหลักหมื่นล้านบาทขึ้นปกเท่านั้น
ขณะที่อีกหนึ่งวันต่อมา 6 เมษายน 2560 เฟซบุ๊กเจ้าเดิม ก็โพสต์คลิปโปรโมตความยาว 3.36 นาที เป็นบทสัมภาษณ์บางส่วนของ แอ๊ด คาราบาว ความว่า
“ธุรกิจนี่มันแข่งกับความไวของเทคโนโลยี หมายถึงว่า จากเทปกลายมาเป็นซีดี จากซีดีกลายมาเป็นดีวีดี กลายมาเป็นออนไลน์ (หัวเราะ) กลายมาเป็นฟรีก๊อบปี้ บริษัทกล้องปิดตัว บริษัทฟิล์ม บริษัทแผ่นเสียง ซีดีใหญ่ๆ ของโลกปิดตัว บังเอิญผมโชคดีที่มี คุณเสถียร (เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหารคาราบาวกรุ๊ป) คุณใหญ่เนี่ย เขาเป็นนักธุรกิจที่เป็นเพื่อนกัน เขาก็ถามว่าแอ๊ดจะไปทำอะไรดี ถ้าเกิดว่าอนาคตวงการเพลงเป็นอย่างนี้ หาธุรกิจทำกันดีกว่า นะครับ คุณเสถียร ชวน พอผมรู้ว่ามีเพื่อนที่เก่งทางธุรกิจ เอาก็เอา ตราคาราบาวมันจะเหมาะกับพวกเอนเนอร์ยี ดริงก์ อย่างนี้มันจะไปกันได้ เพราะมันเป็นเรื่องพาวเวอร์ เรื่องของแรงงาน เรื่องของมวลชนตรงนี้คาราบาวปึ๊ก ก็เลยเกิดคาราบาวแดง
“แผนการตลาด อย่างเช่น เรากำหนดเรื่องเดินทัพทางไกลออกเยี่ยมลูกค้า เพื่อทำความรู้จักลูกค้า ผมก็ต้องไปเล่นดนตรี ไปร้องเพลงกล่อม ตอนนั้นทำกับเป๊ปซี่ ก็หิ้วกีตาร์ไปตั้งคอนเสิร์ตเล่นในโรงงานเป๊ปซี่ ตระเวนไปทั่วหมดทั้งประเทศ เพื่อปลุกขวัญให้พวกเขาออกมาเข็นลังขายคาราบาวแดงให้ได้ ต้องแต่งเพลงคนเข็นลังขึ้นมา แต่งเพลงสาวบาวแดงขึ้นมา ปลุกเร้าทุกอย่าง ใช้ทุกอย่างที่มีให้เป็นประโยชน์” นายยืนยง ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว และว่า กำลังจะขยายตลาดไปอีก 30 กว่าประเทศ
ทั้งนี้ ในช่วงกลางปี 2559 นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด เคยเปิดเผยว่า ในปี 2559 ทางบริษัทน่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้น 10% จากเดิมที่มียอดขาย 8,300 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าว่า ทางบริษัทจะต้องเพิ่มรายได้ในตลาดต่างประเทศให้ได้ร้อยละ 50 ภายในสองปี โดยเน้นกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เกตติ้ง ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายน 2559 บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG dH ได้เข้าเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรือ EFL Cup และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ” เป็นระยะเวลานาน 3 ปี (เริ่มฤดูกาลหน้า คือ 2017/2018, 2018/2019 และ 2019/2020) ด้วยงบลงทุนรวม 18 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 800 - 900 ล้านบาท
ขณะที่ข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ณ วันที่ 7 เมษายน 2560 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 64,250 ล้านบาท โดย นายยืนยง โอภากุล ถือหุ้นในบริษัทมากเป็นลำดับที่ 3 ด้วยจำนวน 70,480,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 7.05 รองจาก บริษัท เสถียรธรรมโฮลดิ้ง จำกัด และ น.ส.ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ