“ประยุทธ์” เผยปี 60 เป็นปีแห่งการเตรียมปฏิรูปใต้ยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมตั้งคณะทำงานเดินหน้า ขอสังคมเข้าใจปฏิรูปคือการทำใหม่ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมแก้ปัญหา อย่าคิดแต่ล้างผิด-ห้ามมาพึ่ง ม.44 ซัดการเมืองอย่าไล่ซักโรดแมป บอกอยากเลือกตั้งไวต้องร่วมมือเดินตามปฏิทินการเมือง ย้อนถามจะทำอะไรหากเป็น รบ. ยินดีตั้งคณะทำงานรับฟัง ลั่นทำความดีไม่กลัวตาย
วันนี้ (4 ม.ค.) เวลา 13.00 น. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 ประจำปี 2560 ตนเองบอกไปแล้วว่าปี 2560 เป็นปีแห่งการเตรียมการปฏิรูปซึ่งอยู่ภายใต้ร่มของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยรัฐบาลจะต้องสร้างกระบวนการการรับรู้ การมีส่วนร่วม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการร่างยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมา โดยคณะทำงานซึ่งเป็นเบื้องต้นเพื่อให้ได้ตัวเค้าโครงออกมา จากนี้ไปก็จะเป็นขั้นตอนการรับรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นกรอบใหญ่ สิ่งที่จะตามมาคือแผนการปฏิรูปประมาณ 128-138 กิจกรรม หรือ 37 วาระ ก็จะดำเนินการขับเคลื่อนมีหลายอย่างที่ทำไปบ้างแล้ว แต่ก็ต้องสร้างความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตนได้มีดำริที่จะตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูป เตรียมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติที่จะประกอบด้วยงานทั้งด้านการปฏิรูป ยุทธศาสตร์ชาติ การปรองดองรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องเดินหน้าในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยที่ผ่านมาก็ทำอยู่แล้ว แต่เมื่อชี้แจงเป็นรายกิจกรรมอาจไม่เข้าใจว่ามีการดำเนินการบูรณาการ กฎหมายบางตัวออกมา และใช้ประโยชน์ไปบ้างแล้ว ประชาชนบางส่วนอาจไม่เข้าใจ จึงมีการตั้งคำถามว่าได้มีการปฏิรูปแล้วหรือยัง
“ความจริงการปฏิรูปต้องเริ่มมาจากกระบวนการเตรียมการปฏิรูปมาก่อน โดยเอาปัญหาทั้งหมดทั้งปัญหาทางด้านฟังก์ชัน ปัญหาซ้ำซากที่ทับซ้อนกัน จะต้องแก้ปัญหาในเชิงบูรณาการ ทั้งหมดทำมาหมดแล้วเพียงแต่ยังไม่ไปสู่จุดหมายที่ต้องการ ซึ่งมันต้องมีระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่าน จึงอยากให้สังคมและทุกคนเข้าใจว่าการปฏิรูปคือการทำใหม่ในส่วนที่เป็นปัญหาทั้งหมด ทางพระเรียกว่าอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ขั้นตอนใน 2 ปีแรกคือการหาปัญหามา คือ ทุกข์ สมุทัย คือการหาว่าสาเหตุของการเกิดทุกคืออะไร ทั้งกับประชาชน ธุรกิจ เศรษฐกิจ ปัญหาของประเทศ จากนั้นก็นำมาสู่นิโรธ คือการดับทุกข์ ในการสร้างกลไกต่างๆ ออกมา ทุกอย่างก็ต้องเดินไปตามขั้นตอนทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา ส่วนมรรค คือหนทางที่จะเดินไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน มั่นคง และมั่งคั่ง ทุกคนน่าจะเข้าใจกันแล้ว เพราะได้สวดมนต์ข้ามปี ผมเองก็คิดแทบตายเพื่อจะสร้างการรับรู้แบบง่ายๆ ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันได้ง่ายๆ อย่างไร แต่ขอให้เห็นใจบ้างว่าผมเองก็คิดมาเยอะ วันหยุดราชการก็ไปนั่งคิดและเขียนเรื่องมากมายว่าจะทำงานอย่างไรเพื่อให้เกิดความรับรู้มากที่สุด ในช่วงของปี 2560 ซึ่งเป็นปีแห่งการเตรียมการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยกระบวนการมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน ถ้าออกมาแล้วไม่มีส่วนร่วม ยังคงตีรันฟันแทง ทะเลาะ ขัดแย้งกันอยู่ทุกเรื่องมันก็เดินไม่ได้ การปรองดองก็สร้างไม่ได้ เพราะคนไม่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการปรองดอง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และเดินหน้าประเทศ ไม่ใช่คิดแต่ยื่นนำหน้าในเรื่องของนิรโทษกรรม ยกโทษ ใช้มาตรา 44 ตนถามว่าสังคมทั้งประเทศรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ก็ค่อยมาว่ากัน แต่หากยังรับไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แล้วจะไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการได้อย่างไร ในเรื่องการเดินหน้าประเทศ ไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มันไปไม่ได้หากทุกคนไม่ร่วมมือ วันนี้หลายคนหลายฝ่ายออกมาพูดว่าจะไปสู่การเลือกตั้ง โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ถามว่าแล้วเคยพูดกันบ้างหรือยังว่าจะปฏิรูปประเทศอย่างไร
“สำหรับข้อเสนอให้ใช้มาตรา 44 นิรโทษกรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องของผม ใครอยากเสนออะไรก็เสนอไป อย่ามายุ่งกับมาตรา 44 ของผม ไปหาวิธีการ สิ่งสำคัญคือสังคมประเทศไทยยอมรับกันหรือไม่” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีการเดินหน้าตามโรดแมปจะมีการเลื่อนออกไปหรือไม่ว่า เรื่องนี้ทุกคนถามและตนได้พูดมาตลอด มันมีขั้นตอนอะไรบ้าง ทุกคนต้องเข้าใจขั้นตอนของโรดแมปคืออะไร 1. ต้องมีรัฐธรรมนูญ 2. ต้องทำกฎหมายลูก จะกี่ฉบับตนไม่รู้ แต่มีกรอบเวลาอยู่แล้ว ถ้าทำเกินเวลาก็แสดงว่าไม่ทัน ถ้าทำเร็วกว่านั้นก็แสดงว่าทำทัน เมื่อทำกฎหมายลูกเสร็จก็จะมีขั้นตอนดำเนินการในทางการเมืองเรื่องการเตรียมเลือกตั้ง จัดผู้สมัคร หาเสียง และการหาเสียงจะวุ่นวายขนาดไหนก็รู้อยู่แล้ว ซึ่งควรจะทำช่วงไหน ก็ต้องดูเรื่องการเริ่มต้นหาเสียง แต่เมื่อถึงเวลาหาเสียงก็เป็นเรื่องของท่าน ตนไม่ยุ่ง หาเสียงเสร็จเลือกตั้งเสร็จ ใช้เวลาเท่าไหร่ ประมาณ 150 วัน จากนั้นก็มีขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาลในระยะเวลา 90 วัน นี่คือสิ่งที่เกิดมาตลอด
“แล้วผมไปเลื่อนโรดแมปของท่านตรงไหน หรือถ้าทุกคนจะเอาเร็ว เอาเลือกตั้งตอนนี้ ผมถามว่าแล้วอย่างอื่นจะไปอย่างไร เร่งตรงนู้นตรงนี้ ผมถามว่าไอ้คนเร่งคือใคร และเขาต้องการอะไร เขาได้พูดอย่างที่ผมพูดหรือไม่ ว่าจะปฏิรูปอย่างไร เขาเคยพูดคำนี้กับท่านไหม แล้วท่านก็มาถามว่าผมปฏิรูปหรือยัง แล้วที่พูดโครมๆ ทุกวันไม่ใช่ปฏิรูปหรือ หลายเรื่องทำออกมาได้โดยที่ไม่เคยทำได้ นี่ไม่ใช่ปฏิรูปเหรอ อะไรที่ผมพูดไปล่วงหน้าแล้วทำ มันไม่ใช่ปฏิรูปเหรอ ที่ผ่านมาเคยรู้ไหมว่าเขาจะทำอะไร รู้ทีเดียวเมื่อเขาจะทำ แล้วก็ต่อต้านแล้วทำไม่ได้ ไม่เคยทำได้ในสิ่งที่ควรจะต้องทำ แล้วก็เป็นปัญหามาถึงทุกวันนี้ แล้วผมถามว่าประชาชนในประเทศนี้ ต้องการให้ปัญหาเหล่านั้นมันกลับมาอีกทีหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ผมไม่ว่าหรอก ถ้าท่านอยากได้ก็เอามา แต่ถามว่าคนที่จะมาเดินหน้าประเทศต่อ จากผมคือใครไปหามา ใครที่จะสมัครมาขอให้มาพูดอย่างที่ผมพูด มาพูดกับผม เดี๋ยวจะเปิดคณะทำงานขึ้นมาเพื่อฟังว่าจะพูดอะไร การปฏิรูปจะทำอย่างไร ผมจะถามนักการเมือง ตอบผมบ้าง อย่ามาไล่ให้ผมทำนั่นนี่ให้เสร็จวันหน้าถ้าไม่มีมาตรา 44 มันก็ทำไม่ได้ แล้วทำไมเขามาปัดความรับผิดชอบให้ผมแบบนี้ ท่านต้องไปไล่เขา ว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ในวันหน้า” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ 6 ข้อคืออะไร ไปเปิดให้เขาดู เขาเขียนอย่างไร จะต้องเป็นประเทศที่หลุดพ้นจากรายได้ปานกลาง ต้องมีการศึกษานำไปสู่สังคม 4.0 นี่คือหัวข้อที่รัฐบาลหน้าต้องเดินในกรอบพวกนี้ใน 5 ปี 20 ปี ถามว่ารัฐบาลไหนที่ไม่ต้องทำเรื่องนี้แล้วกลัวอะไรกันตรงนี้แต่ถ้าเขาไม่ทำก็เรื่องของเขา ก็ต้องไปตรวจสอบตามกระบวนการ หากคิดว่าทำใหม่แล้วดีกว่าก็ทำไป ไม่เช่นนั้นประเทศชาติก็จะหยุดอยู่ที่เดิม จะกลับมาด้วยคะแนนเสียง ด้วยแรงต่อต้าน ด้วยการไม่ทั่วถึง แผนงานพัฒนาต่างๆก็ลงพื้นที่ที่ได้คะแนนมา แต่ตนได้ทำเพื่อให้เกิดการทั่วถึงไว้ ทั่วภูมิภาค กลุ่มจังหวัด แต่วิธีการเปลี่ยนได้ เพียงแต่ต้องเกิดความชัดเจนว่าจะทำอะไร ไม่ใช่ทำแบบไม่มีรายได้มาทำ ถ้าไม่ทำโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จะเอาเงินที่ไหนมาทำตามที่หาเสียงไว้ ถามว่าจะเกิดปัญหาไหมวันหน้า หากไม่ร่วมมือในวันนี้การปฏิรูปเศรษฐกิจไม่เกิดขึ้น ซึ่งภายใน 5 ปีแรก เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มและตีกรอบทุกอย่างไว้ให้ ไม่เช่นนั้นท่านเข้ามาก็ทำแบบไม่มีหลักการ ข้าราชการคิด รัฐบาลเลือกจะทำอันไหน โดยขึ้นอยู่กับคะแนนเสียง นี่แหล่ะประชาธิปไตยไทยยังเป็นแบบนี้อยู่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ตนอาจเสียงดังหน่อยเพราะไม่ได้พูดมา 4 วัน ได้แต่เขียนออกมา และวันนี้ถ้ามาไล่ล่าตนทุกวันคงทำอะไรให้ไม่ได้ บรรดาที่ฟังตนวันนี้แล้วจะมาต่อต้านต้องตอบคำถามของตนให้ได้ก่อน ไม่ว่าจะใครก็แล้วแต่ที่ออกมาพูดในวันนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ตอบมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ อย่ามาไล่ตนว่าปฏิรูปหรือยัง แล้วท่านเคยปฏิรูปไหม เคยทำอะไรที่เป็นกอบเป็นกำ ระยะยาวมีไหม คอยแต่แก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ทุกปีๆ การแก้ปัญหาต่างๆที่รัฐบาลนี้ทำมา มีใครทำหรือไม่ เลือกเอาจะเอาแบบไหน ไปถามประชาชนมา อย่ามาถามตนว่าเมื่อไรอยู่นั่น มันเป็นขั้นตอนตามโรดแมปเขาเรียกปฏิทินทางการเมือง
“ผมไม่ได้ไปลดขั้นตอน ถ้าผมลดขั้นตอนไอ้นี่ก็ไม่ต้องทำ เพื่อให้เลือกตั้งเร็วๆ แล้วมันหมดไหม กฎหมายยังไม่ออกอีกเท่าไร แล้วท่านก็มาบอกว่าผมไม่ทำอะไร ก็ร่วมมือกับผมสิจะได้ลดงานให้เร็วขึ้น ถ้าไม่ร่วมมือก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ถ้าทำไม่ได้ยุทธศาสตร์ ปฏิรูปก็จะเดินไม่ได้ ก็เหมือนเดิม ป่วยการ ที่ผมจะมาทะเลาะกับท่านอยู่ทุกวัน ไม่ไหว แต่ผมก็อดทนเพราะผมเป็นสะพาน ให้คนก้าวข้ามเหยียบไป และผมก็ลุกขึ้นใหม่ทุกครา ผมไม่เคยท้อแท้ ผมบอก ครม.ไปแบบนี้ หลายคนบอกต้องสร้างสีสันทางการเมือง แล้วการเมืองที่มีสถานการณ์ไม่สงบสุข อย่างวันนี้มันควรไหม มันมีอะไรเกิดขึ้นกับประเทศบ้าง ขณะที่เวทีโลกมีอะไรบ้าง ถ้าเอาอันนั้นมาตีอันนี้จะเดินไม่ได้สักอัน เพราะสับสนอลหม่านไปหมด ต้องให้ผมเดินปฏิรูปของผม แก้ปัญหาเร่งด่วนไป กฎหมายต้องให้ผมออกไป ปฏิทินการเลือกตั้งก็เป็นไปตามขั้นตอน ถ้าจะเกิดการเลือกตั้งต้องมีกระบวนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต้องมีกระบวนการดำเนินการทางการเมือง แต่ถ้าให้หาเสียงวันนี้ก็ด่ากันตั้งแต่วันนี้ เคยมีไหมไม่ด่ากัน ถามทุกสื่อว่าจะเอาอะไร ผมไม่ได้โมโห ถ้าอารมณ์เสียไม่พูดแบบนี้ ผมอารมณ์ดี แต่อธิบายเสียงดังเพราะไม่ค่อยได้ยิน หูอื้อหวัดยังไม่หาย แต่ทำงานได้ ไม่มีตายหรอก ไม่ต้องกลัว ทำความดีถ้าตายจะเป็นไรไปเว้นแต่ไม่ทำความดีแล้วมันไม่ตาย และทำแต่ความไม่ดี”
นายกฯ กล่าวด้วยว่า หวังว่าปีใหม่จะเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้นกว่าเดิม คงรู้อยู่แล้วว่าใครทำดีไม่ดี ไม่อาจว่าใครแต่ทุกคนรู้ตัวหมด ถ้าไม่รู้สติตัวเองก็บ้าแล้วถามว่าแล้วปัญหามันแก้หมดแล้วหรือยัง แก้ได้หรือยัง
“ผมก็สัญญากับประชาชนว่าจะคืนความสุขให้ แต่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอน โรดแมป เพราะโรดแมปคือโรดแมป ไม่ต้องไปฟังใครพูดอย่างนั้นอย่างนี้” นายกฯ กล่าว
