เมืองไทย 360 องศา
“เรื่องนี้ทุกคนถาม และตนได้พูดมาตลอด มันมีขั้นตอนอะไรบ้าง ทุกคนต้องเข้าใจขั้นตอนของโรดแมปคืออะไร 1. ต้องมีรัฐธรรมนูญ 2. ต้องทำกฎหมายลูก จะกี่ฉบับตนไม่รู้ แต่มีกรอบเวลาอยู่แล้ว ถ้าทำเกินเวลาก็แสดงว่าไม่ทัน ถ้าทำเร็วกว่านั้นก็แสดงว่าทำทัน”
“เมื่อทำกฎหมายลูกเสร็จ ก็จะมีขั้นตอนดำเนินการในทางการเมืองเรื่องการเตรียมเลือกตั้ง จัดผู้สมัคร หาเสียง และการหาเสียงจะวุ่นวายขนาดไหนก็รู้อยู่แล้ว ซึ่งควรจะทำช่วงไหน ก็ต้องดูเรื่องการเริ่มต้นหาเสียง แต่เมื่อถึงเวลาหาเสียงก็เป็นเรื่องของท่าน ผมไม่ยุ่ง หาเสียงเสร็จเลือกตั้งเสร็จใช้เวลาเท่าไร ประมาณ 150 วัน จากนั้นก็มีขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล ในระยะเวลา 90 วันใช่ไหม นี่คือสิ่งที่เกิดมาตลอด”
“ผ่านมาเคยรู้ไหมว่าเขาจะทำอะไร รู้ทีเดียวเมื่อเขาจะทำ แล้วก็ต่อต้านแล้วทำไม่ได้ ไม่เคยทำได้ในสิ่งที่ควรจะต้องทำ แล้วก็เป็นปัญหามาถึงทุกวันนี้ แล้วผมถามว่าประชาชนในประเทศนี้ต้องการให้ปัญหาเหล่านั้นมันกลับมาอีกทีหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ผมไม่ว่าหรอกถ้าท่านอยากได้ก็เอามา แต่ถามว่าคนที่จะมาเดินหน้าประเทศต่อจากผมคือใคร ไปหามา ใครที่จะสมัครมาขอให้มาพูดอย่างที่ผมพูด มาพูดกับผม เดี๋ยวจะเปิดคณะทำงานขึ้นมาเพื่อฟังว่าจะพูดอะไร การปฏิรูปจะทำอย่างไร ผมจะถามนักการเมือง ตอบผมบ้าง อย่ามาไล่ให้ผมทำนั่นนี่ให้เสร็จ วันหน้าถ้าไม่มีมาตรา 44 มันก็ทำไม่ได้ แล้วทำไมเขามาปัดความรับผิดชอบให้ผมแบบนี้ ท่านต้องไปไล่เขาว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ในวันหน้า”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ขอให้ทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ 6 ข้อคืออะไร ไปเปิดให้เขาดู เขาเขียนอย่างไร จะต้องเป็นประเทศที่หลุดพ้นจากรายได้ปานกลาง ต้องมีการศึกษานำไปสู่สังคม 4.0 นี่คือ หัวข้อที่รัฐบาลหน้าต้องเดินในกรอบพวกนี้ใน 5 ปี 20 ปี ถามว่ารัฐบาลไหนที่ไม่ต้องทำเรื่องนี้แล้วกลัวอะไรกัน แต่ถ้าเขาไม่ทำก็เรื่องของเขา ก็ต้องไปตรวจสอบตามกระบวนการ”
“วันนี้อาจเสียงดังหน่อย เพราะไม่ได้พูดมา 4 วัน ได้แต่เขียนออกมา และวันนี้ถ้ามาไล่ล่าผมทุกวันคงทำอะไรให้ไม่ได้ บรรดาที่ฟังตนวันนี้แล้วจะมาต่อต้าน ต้องตอบคำถามให้ได้ก่อน ไม่ว่าจะใครก็แล้วแต่ที่ออกมาพูดในวันนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ตอบมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ อย่ามาไล่ตนว่าปฏิรูปหรือยัง แล้วท่านเคยปฏิรูปไหม เคยทำอะไรที่เป็นกอบเป็นกำระยะยาวมีไหม คอยแต่แก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ทุกปีๆ การแก้ปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลนี้ทำมา มีใครทำหรือไม่ เลือกเอาจะเอาแบบไหน ไปถามประชาชนมา อย่ามาถามตนว่าเมื่อไรอยู่นั่น มันเป็นขั้นตอนตามโรดแมป เขาเรียกปฏิทินทางการเมือง”
นั่นเป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ย้ำว่าไม่เลื่อนหรือขยายเวลาที่กำหนดเอาไว้ตามโรดแมปออกไป ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายลูก การเลื่อนการเลือกตั้งทุกอย่างจะเป็นไปตามกำหนดทุกประการ
อย่างไรก็ดี มันก็มีคำว่า “แต่” ซ่อนอยู่เหมือนกัน เช่น “ทุกคนต้องเข้าใจขั้นตอนของโรดแมปคืออะไร 1. ต้องมีรัฐธรรมนูญ 2. ต้องทำกฎหมายลูก จะกี่ฉบับผมไม่รู้ แต่มีกรอบเวลาอยู่แล้ว ถ้าทำเกินเวลาก็แสดงว่าไม่ทัน ถ้าทำเร็วกว่านั้นก็แสดงว่าทำทัน” คำว่าแต่ดังกล่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดออกมาให้รับทราบกันล่วงหน้านั้นความหมายก็คือ “มันสุดวิสัย” ไม่ใช่เป็นเจตนาของฝ่ายรัฐบาลหรือว่า คสช. ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะหากกฎหมายลูกเสร็จไม่ทันมันก็เป็นเรื่องคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณา
ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตากันก็คือ “บรรยากาศ” ในช่วงการหาเสียงการเลือกตั้ง ที่แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้พูดออกมาแบบตรงๆ ว่า มันจะต้องมีรายการ “น้ำเน่า” ขึ้นมาซ้ำรอยเดิมอีก แต่เมื่อนึกภาพตามมันก็มองเห็นบรรยกาศแบบนั้นผุดขึ้นมาหลอกหลอนอีก หรือคำพูดของเขาที่พูดให้คิดอีกว่า ให้ไปหามาว่า “ใคร” ที่จะมา “เดินหน้าประเทศต่อจากผม” เป็นใครให้ไปหามา มันก็ต้องบอกว่านาทีนี้ “ยังมึนตึ้บ” มองไม่ออกว่าเป็นใคร เพราะเรียงหน้ากันสลอนในเวลานี้แค่นึกก็สยองพองขนจนนอนไม่หลับแล้ว
ดังนั้น หากพิจารณาจากบรรยากาศนับจากวันนี้ต่อเนื่องไปถึงวันเลือกตั้งมันก็ยิ่งน่าเบื่อน่ารำคาญกับพวกนักการเมืองกระจอกพวกนั้นขึ้นมาแบบไม่มีทางเลือก ซึ่งอาการแบบนี้แหละที่จะกลายเป็นพลังกดดันให้ต้องขยายเวลาโรดแมปและเลื่อนการเลือกตั้งออกไปสักระยะหนึ่งก่อน
ยิ่งเมื่อพิจารณาจากในช่วงปลายปีเป็นช่วง “พระราชพิธีสำคัญ” นั่นคือ เป็นช่วงถวายพระเพลิงพระบรมศพ มันก็น่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่า และไม่สมควรที่เป็นช่วงของบรรยากาศของการหาเสียงของพวกนักกการเมือง อย่างไรก็ดี เมื่อถึงตอนนั้นอาจมีการพิจารณากันถึงความเหมาะสมกันอีกครั้ง ซึ่งสำหรับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจยังไม่ต้องพูดอะไรในตอนนี้ และว่าไปตามโรดแมปตามน้ำไปก่อน เพราะหากพูดมากอาจจะเสียหายและตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจับผิดกันอยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นแรงกดดันจากพลังสังคมภายนอกเป็นฝ่ายเรียกร้องจะดีกว่า ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นยังมีเวลาอีกหลายเดือน
ดังนั้น หากพิจารณาตามรูปการณ์แบบถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือแต้มต่อเหนือกว่ามาก อย่างที่เข้าใจกันก็คือไม่ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกไปหรือไม่ก็ตาม เพราะถ้าเลื่อนก็คาดเดาได้ล่วงหน้าเลยว่าน่าจะเป็นเสียงเรียกร้องจากสังคมให้เลื่อนด้วยเหตุผลจากงานพระราชพิธีสำคัญ แต่นาทีนี้เขายืนยันหลักการคือต้องทำตามโรดแมปยังไม่มีเหตุผลให้ขยายเวลาออกไป แต่หากจำเป็นต้องเลื่อนความหมายก็คือมาจาก “คนอื่น” ที่ต้องทำตามข้อเรียกร้อง เรียกว่ามาแบบ “หล่อ” มาก !!