รองหัวหน้า ปชป.มองแก้กฎหมายคณะสงฆ์ต้องมั่นใจไม่สร้างปัญหาในอนาคต ข้องใจรีบแก้โดยไม่ถาม มส.ก่อน สวนทางยุทธศาสตร์ชาติ ชี้กฎหมายปรับเร็วตามอารมณ์สังคม
วันนี้ (29 ธ.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ 3 วาระรวด ว่าเรื่องการออกกฎหมายต้องมองให้ไกล เพราะว่ากฎหมายต้องใช้งาน ในประเทศไทยกฎหมายบางฉบับใช้มานาน บางฉบับใช้สั้น แต่ส่วนใหญ่กฎหมายที่ออกมาจะออกมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่กฎหมายบางฉบับออกมาแล้วใช้ได้ 9-10 ปีก็ต้องแก้ เช่น พ.ร.บ.สงฆ์ ที่มีการแก้ล่าสุดเมื่อปี 2535 จากเดิมในปี 2505 เป็นพระราชอำนาจในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช และปี 2535 แก้ให้เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคมซึ่งกลับไปกลับมาแบบนี้ ทั้งที่โดยหลักการแล้วการแก้กฎหมายนั้นคนแก้ต้องมั่นใจว่าจะไม่สร้างความขัดแย้งในอนาคตอีก
“การแก้กฎหมายถวายคืนให้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจในครั้งนี้ อาจจะมองได้ว่าพอมีปัญหาเรื่องการแต่งตั้งเกิดความขัดแย้งบางกันซึ่งเกิดจากฝ่ายศาสนจักรตกลงกันไม่ได้ จึงแก้และโยนอำนาจให้เป็นของฝ่ายอาณาจักร อีกทั้งคนที่ออกกฎหมายนี้ต้องมั่นใจว่าพอกฎหมายผ่านและประกาศใช้ ในมหาเถรสมาคมต้องไม่มีความขัดแย้งเหมือนในอดีตอีก เพราะการบริหารองค์กรสงฆ์เกือบ 20 ปีที่ผ่านมาต้องผ่านมหาเถรสมาคมโดยกรรมการเถรสมาคม ดังนั้น หลักการแก้ไขกฎหมายที่เคยเป็นอำนาจของมหาเถรสมาคมอยู่เดิมก็ควรจะถามหาเถรสมาคมก่อน แต่ครั้งนี้เห็นว่าไม่ได้ถาม รีบแก้โดย สนช.เลย ตรงนี้ก็แปลก สวนทางกับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ไม่ควรวางไว้นาน เพราะจะไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่กลับเรื่องคณะสงฆ์ซึ่งเป็นเรื่องความเชื่อ เรื่องศาสนา กฎหมายนี้จึงไม่ควรเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่ก็เปลี่ยนกันเร็ว คงเป็นเพราะคนไทยเปลี่ยนความคิดเร็ว มีนิสัยใช้กฎหมายไม่นานและปรับไปตามอารมณ์ของสังคม” นายนิพิฏฐ์กล่าว