xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” พอใจปรับ ครม. ลั่นไว้ใจทุกคนทำงานร่วมกันตลอด ไม่เคยคิดถอด “บิ๊กป้อม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” เผย พอใจปรับ ครม.ประยุทธ์ 4 ยันเป็นไปตามความเหมาะสมและสถานการณ์ ระบุทุกคนทำงานร่วมกันตลอด เพียงเปลี่ยนหน้าที่ แจงโยก “สุวพันธุ์” คุมยธ.ไม่ได้ให้เจาะจงดูคดีใด ลั่นไว้ใจทุกคน สั่งเน้นคำนึงรายได้คน 3 ระดับบน กลาง ล่าง ขออย่ามองแง่การเมืองมากเกินไป ลั่นไม่เคยคิดปรับ “ประวิตร” เหตุทำงานดี

วันนี้ (20 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของ ครม.ประยุทธ์ 4 ซึ่งถือเป็นการประชุมวาระปกติ ที่มีเรื่องพิจารณาหลายวาระ สิ่งสำคัญที่ได้แจ้งในวันนี้คือ ได้กล่าวต้อนรับการเข้าร่วมเป็น ครม.ชุดใหม่ที่มีทั้งคนเก่าและคนใหม่ มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ทั้งหมดได้ทำงานมาด้วยกันตลอด เพียงแต่อยู่คนละสถานะกันเท่านั้น วันนี้เป็นการปรับเปลี่ยนบ้างตามความเหมาะสม เหตุผลในการปรับ ครม.ครั้งนี้เนื่องจากมี ครม.ว่าง เนื่องจากมีการแต่งตั้งองคมนตรี ที่ผ่านมาตนจึงเห็นถึงความจำเป็นจึงปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

“สถานการณ์ปัจจุบัน ผมได้มุ่งเน้นไปสู่การบริหารราชการแผ่นดินในระยะที่ 2 ที่ผ่านมาได้มีการวางพื้นฐาน ในระยะที่ 1 ไปแล้ว ซึ่งผมต้องวางการบริหารงานปี 2560-2561 ให้ได้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูป ในช่วง 5 ปีแรกให้ได้ ส่วนใครจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินต่อไปก็ว่ากันไปตามโรดแมป ตามกลไกที่มีอยู่ และขอว่าอย่าไปกังวลในจุดนั้นจุดนี้เลย เพราะทุกอย่างทำไปตามบทบาทภาระหน้าที่มีทั้งงานด้านฟังชั่น งานด้านนโยบาย ซึ่งทั้งหมดเป็นการหารือกันใน ครม. ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มงาน และในระดับของผู้ที่มีหน้าที่ขับเคลื่อน ซึ่งในส่วนของนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งงาน และมอบนโยบายเอง โดยนำนโยบายในส่วนของคสช. และรัฐบาล รวมทั้งงานด้านความมั่นคงมาประกอบด้วย ขอให้เชื่อมั่นในบุคคลากร ไม่ว่าจะเป็นทหาร ข้าราชการ พลเรือน เพราะทุกคนต้องบริหารราชการภายในกรอบแห่งความร่วมมือ ซึ่งผมไม่ได้ปิดกั้นใคร เพียงแต่ผมได้นำความคิดเห็นของประชาชน นักการเมือง ภาคเอกชน ทั้งหมดมาคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผลถึงออกมาเป็นการทำงาน เพราะฉะนั้นขอร้องว่าอย่าไปแบ่งแยก แล้วการทำงานจะได้ดีกว่ากัน การทำงานถ้ามีหลักการมีกรอบยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนก็จะไม่ยุ่งยาก ปัญหาสำคัญคือเรื่องของการรับรู้ รวมทั้งการสร้างความเข้าใจจะต้องให้มากขึ้น ผมให้ความสำคัญกับการทำงานที่มีผลสัมฤทธิ์ ตอบปัญหาสังคมให้ได้ โดยเฉพาะปัญหาใกล้ตัว ปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งหลายอย่างอาจจะต้องใช้เวลา การขับเคลื่อนในเชิงยุทธศาสตร์ นอกจากนี้การหารือวันนี้ได้มีการปรับความรับผิดชอบในการตรวจราชการ ให้รองนายกรัฐมนตรี ดูแลเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเหตุผลอะไรที่มอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้เจาะจงไปดูแลคดีใดเป็นพิเศษ และทุกๆ คดีเป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ทั้งหมดอยู่ที่กลไกการทำงาน ตั้งแต่ต้นทาง ตำรวจ อัยการ ศาล และตนได้บอกว่าในคดีเหล่านี้ มีคดีมโนสาเร่ คดีหลัก คดีรองบ้าง ก็เป็นเรื่องการทำงานของ กตช.ในการดำเนินการ ซึ่งการประชุมวานนี้ (19 ธ.ค.) จึงได้ยกตัวอย่าง คดีแบบนี้ทำให้ชัดเจนได้หรือไม่ เพราะมีเสียงเรียกร้องจากสื่อต่างๆ รวมทั้งโซเชียลมีเดีย ขอทำให้เกิดความชัดเจนได้หรือไม่ เพราะมีหลายคนที่ยังออกมาพูดจาให้เกิดความเสียหาย “ถ้าถามถึงเหตุผลที่เลือกคุณสุวพันธุ์ให้รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม เพราะผมมองเห็นอะไรบางอย่างในมุมมองของผม แล้วทำไมหรือ คุณสุวพันธุ์ ไม่สบาย สุขภาพไม่ดี ทั้งนี้ผมไว้ใจทุกคน และทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ตามกติกา ถ้าทำไม่ได้ก็ว่ากันอีกที ปรับใหม่ไม่เห็นยากเลย ส่วนคนที่จะมาเป็นประธานวิปรัฐบาลแทนก็คือคุณสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาทำหน้าที่แทน”

เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงานในปี 2557 รัฐบาลก็มองไปข้างหน้าตลอด ไม่เคยมองไปข้างหลัง ซึ่งภาพรวมทางเศรษฐกิจมุมมองของธนาคารโลกชี้ว่า ในปี 2560 ประเทศไทยน่าจะมีตัวเลขทางเศรษฐกิจโตร้อยละ 3.2 ซึ่งในความเป็นจริง เราหน้าจะมีประสิทธิภาพมากกว่านั้น ถ้าสามารถทำโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ได้ในปี 2560-2561 ซึ่งมีหลาย ๆ โอกาสทั้งเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างต่างๆ ถ้าไม่มีการต่อต้านทุกอย่างก็ดำเนินการได้ เงินก็จะเกิดการหมุนเวียนเป็นประโยชน์ต่อประเทศ คนก็จะกล้าเข้ามาลงทุน แต่ถ้ามัวไปต่อต้านสร้างความขัดแย้งในเรื่องที่ไม่จำเป็นความเชื่อมั่น ระบบเศรษฐกิจก็จะไม่เกิด ตนจึงได้เน้นไปว่าการทำงานของรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงระดับรายได้ของคน 3 ระดับ คือข้างบน ตรงกลาง และข้างล่าง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด

“ผมบอกไว้เลยว่า ผมไม่ได้ทำงานการเมือง ผมทำเพราะเห็นใจพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งต้องเห็นใจอย่างแท้จริง ด้วยใจบริสุทธิ์ถึงจะทำงานได้ ถ้าทำงานเพื่อหวังผลก็จะไม่ได้อะไร วันหน้าทุกอย่างก็จะกลับมาสู่ที่เดิม ดังนั้นต้องช่วยเหลือ และสร้างความเข้าใจ การช่วยเหลือถ้าทำแบบหว่านแหไปเรื่อยก็เหมือนการทิ้งของลงแม่น้ำ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า พอใจภาพรวมการปรับ ครม.มากน้อยแค่ไหน และจะมีการปรับในช่วงเวลาที่เหลืออีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าถามตนก็ตอบว่าพอใจ เพราะตนเป็นคนปรับเองคนเดียว และตนคงต้องถามกลับว่า แล้วทุกคนพอใจหรือไม่ อย่างไรก็ตามอย่าไปมองที่ตัวบุคคลมากนักเลย ถ้าทุกคนเชื่อมั่นว่าตนกำลังทำอะไร ให้กับประชาชน และประเทศก็ขอให้เชื่อมั่นคนของตนด้วย และหากมีปัญหาอะไรก็ขอให้บอกมา ตนก็พร้อมที่จะรับไปแก้ไขและดูแลให้ดีขึ้น

“วันนี้อย่ามองในแง่ของการเมืองมากเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นจะทำงานกันไม่ได้ เพราะต้องคอยคิดว่าจะต้องเลือกคนนั้นคนนี้ แล้วก็ทำงานกันไม่ได้สักที อย่าเลือกคน แต่ขอให้เลือกวิธีการ เลือกการบริหารจัดการ เลือกแนวความคิดใหม่ เลือกกฎหมายใหม่ขึ้นมา แล้วทำให้อยู่ในกรอบ โดยต้องมีผลกระทบโดยรวมประเทศชาติ และประชาชนได้ประโยชน์ ที่ผ่านมาถ้าเลือกแต่ตัวบุคคลแล้วผลเป็นอย่างไรก็เห็นอยู่ เปลี่ยนมากี่คนแล้ว ผมเองเพิ่งเปลี่ยนมา 3 ครั้งเอง ที่ผ่านมา 20 ปีเปลี่ยนรัฐมนตรีมากี่คนก็ไม่เรียบร้อย”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งว่า “พวกคุณเป็นคนเสนอหรือเปล่า ผมไม่เคยคิด วันนี้ท่านก็ทำงานดี ไม่มีข้อบกพร่องตรงไหน หาข้อบกพร่องมาให้เห็น แล้วจะไปว่าท่านอย่างโน้นอย่างนี้ ไปหาข้อบกพร่องมาให้ผม ถ้าหาไม่ได้อย่ามาพูด ผมไม่เคยคิดจะปรับท่านอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว





กำลังโหลดความคิดเห็น