คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหาราชการฯ เร่งเดินหน้าระยะเร่งด่วน ด้านมั่นคงเตรียมทำเอ็มโอยูเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ด้านการเกษตรรัฐบาลไม่ทิ้ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันนำเทคโนโลยี งานวิจัยเข้าช่วย ลุยแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ และประมงผิดกฎหมาย ขอสื่ออย่าเสนอข่าวบิดเบือน
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่า คณะกรรมการมีเป้าหมายมุ่งขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในระยะเร่งด่วนตามขอบเขตและอำนาจของรัฐบาลปัจจุบันในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้สังคมเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ทรัพยากรได้อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม และเน้นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๙ เรื่องความพอเพียง เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา
ทั้งนี้ ในส่วนของการปฏิรูปขับเคลื่อนด้านความมั่นคง มีความคืบหน้าหลายเรื่อง ในส่วนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีการรวบรวมข้อมูลเรื่องความมั่นคง และภัยคุกคาม และจะทำเอ็มโอยู ร่วมกันระหว่างหน่วยงานของความมั่นคง เพื่อบริหารจัดการข้อมูลทั้ง 2 ส่วน ซึ่งคาดว่า จะปฏิบัติการทดลองในเดือน ธ.ค. และจะเดินหน้าเต็มระบบในเดือน มี.ค. 2560 ซึ่งผลการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล จะทำให้ทุกส่วนข้าราชการมีข้อมูลที่เข้าถึงกัน และใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
พล.ต.คงชีพ กล่าวอีกว่า ขณะที่ส่วนของกระทรวงกลาโหม ได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติป้องกันประเทศ 20 ปี และจัดทำร่างแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกลาโหมปี 2560 - 2569 ขณะที่ตำรวจก็กำลังเดินหน้าจัดการบริการปฏิรูปกันอยู่ ซึ่งทางตำรวจคงให้ข้อมูลเป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ งานด้านความมั่นคงมีความสำคัญ และเป็นปัจจัยที่จะทำให้การพัฒนามิติอื่น ๆ เดินหน้าได้ต่อไป
ส่วนการขับเคลื่อนปฏิรูปด้านการเกษตร ได้มียุทธศาสตร์ปฏิรูปปาล์มน้ำมัน 20 ปี เน้น เรื่องการแข่งขัน เพื่อให้เราสามารถแข่งขันได้ในอาเซียน และพัฒนาไปสู่ผลผลิตเคมีที่ได้จากพืช รวมถึงแผนปฏิรูปการเกษตร 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560 - 2564 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร และสถาบันการเกษตรในระยะยาว เพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยนำเทคโนโลยีและงานวิจัยพัฒนาเข้ามาใช้ นอกจากนี้ ยังมีการหารือเรื่องการพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำ การจัดการที่ดิน การบริหารจัดการภาครัฐเพื่อรองรับแผนปฏิรูปการเกษตรให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ซึ่งจะเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ทิ้งเกษตรกร และให้ความสำคัญอยู่เสมอ
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ขณะที่การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ รัฐบาลพยายามทำให้เกิดความถูกต้อง และเป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันการแก้พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ซึ่งปัจจุบันร่างกฎหมายแล้ว 127 มาตรา จาก 148 มาตรา รวมทั้งการแก้ไข พ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 และพิจารณาร่างพ.ร.บ. ควบคู่สมานฉันท์ไปด้วย เมื่อยกร่างเสร็จ จะนำร่างนี้ไปฟังความคิดเห็นจากองค์กรนายจ้างและลูกจ้าง รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และองค์กรแรงงานระหว่างประเทศเพื่อให้ครบทุกมิติ กฎหมายไทยจะได้เป็นสากลได้รับการยอมรับมากขึ้น และจะเสนอให้ ครม. ให้ความเห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ รัฐกำลังผลักดันพนักงานตรวจแรงงานของไทยให้ได้ตามเกณฑ์ที่สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ให้คำแนะนำ เพื่อไม่ให้พนักงานตรวจแรงงานของไทยมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น จึงจะให้กระทรวงแรงงานเพิ่มจำนวนพนักงานตรวจแรงงานไทยอีก 255 คน จะทำให้ไทยมีพนักงานตรวจแรงงานครบถ้วนตามที่ 2 องค์กรให้การรับรอง ซึ่งจะมีผลต่อเรื่องของการแก้ปัญหาค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวด้วย
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยเรื่องการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย วันที่ 4 พ.ย. ผู้แทนสหภาพยุโรปจะเข้าพบ พล.อ.ประวิตร เพื่อติดตามความคืบหน้า และอีกเรื่องคือ การปฏิรูปความมั่นคง โดยเฉพาะภาคการเกษตร และการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เรากำลังดำเนินการทวงคืนผืนป่าและบริหารจัดการน้ำ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงการจัดระเบียบสังคมที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง หลายจุดมีระเบียบมากขึ้น ประชาชนเริ่มเข้าไปใช้พื้นที่ที่ได้มีการจัดระเบียบ ถือเป็นพื้นที่สาธารณะมากขึ้น โดยต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับประชาชน เพราะทุกอย่างจะต้องขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน โดยสื่อมวลชนขอให้ใช้วิจารณญาณในการนำเสนอข่าวไปในทางที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์กับประชาชน หลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวที่บิดเบือน และคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะสถานการณ์ประเทศไทยในขณะนี้ ไม่ควรที่จะถอยหลังกลับไปเหมือนในอดีต