“บิ๊กป้อม” ประชุมสภากลาโหม ย้ำเหล่าทัพสนับสนุนงานพระราชพิธีพระบรมศพให้เต็มที่อย่างสมพระเกียรติ พร้อมกำชับติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มไอเอสที่กระจายหลบหนีมายังภูมิภาคต่างๆ เน้นงานด้านการข่าว เพิ่มมาตรการเข้าออกประเทศ จับตาโรฮีนจาหวั่นลักลอบเข้าไทยผิด กม. ขณะเดียวกันสั่งเดินหน้าร่างแผนแม่บทการปฏิรูปและการบริหารจัดการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม 2560-2569 แบ่ง 2 ช่วง เร่งดำเนินการ
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ว่า พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมสนับสนุนงานพระราชพิธีอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้สมพระเกียรติสูงสุด และให้การสนับสนุนศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความปลอดภัยบริเวณพระบรมมหาราชวัง รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ประชาชน
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรยังได้กำชับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมติดตามสถานการณ์ภายนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์การสู้รบและติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสและกลุ่มหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในพื้นที่สู้รบทั้งอิรัก และซีเรีย ที่มีแนวโน้มว่ากลุ่มไอเอสและกลุ่มหัวรุนแรงจะกระจายหลบหนีเข้าไปตามภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสถานการณ์ของชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ด้วย ที่มีแนวโน้มว่าจะมีผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อไปประเทศปลายทาง
“พล.อ.ประวิตร กำชับว่าต้องให้ความสำคัญงานด้านการข่าว เพิ่มมาตรการดูแลการเข้าออกในมีความเข้มข้นทั้งทางบกและทางน้ำ อีกทั้งติดตามความเคลื่อนไหวและความเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและภูมิภาค”
พล.ต.คงชีพแถลงอีกว่า พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพนำทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ 35 จังหวัดอย่างเร่งด่วน ตั้งแต่ ส.ค.เป็นต้นมา และประสานกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้กำชับให้มีการขุดลอกคูคลอง กำจัดผักตบชวา และการสร้างพนังกั้นน้ำเพื่อลดผลกระทบ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำและการปลูกป่าอย่างถาวรตั้งแต่ช่วงก่อนฤดูฝน เมื่อฝนตกแล้วก็ได้ดำเนินการเร่งด่วนอย่างทันท่วงที เพราะกระทรวงกลาโหมต้องการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
พล.ต.คงชีพแถลงว่า ในเรื่องร่างแผนแม่บทการปฏิรูปและการบริหารจัดการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2560-2569 ยังคงเดินหน้า โดยยึดโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม ซึ่งในช่วง 5 ปีแรกจะมุ่งเรื่องการบริหารจัดการประสิทธิภาพของวิธีการทำงานเน้น 3 ระบบ คือ ระบบงานกำลังพล ระบบงานข่าวกรอง และระบบอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
นอกจากนี้จะปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหมบางส่วนเพื่อตอบสนองนโยบายเร่งด่วน รวมถึงการสนับสนุนงานรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญภัยคุกคามเร่งด่วน ดำเนินการแบบยุบรวม ปรับเกลี่ย แปรสภาพและยกระดับเพื่อให้เกิดความคล่องตัว สามารถปฏิบัติภารกิจการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชน เช่น การจัดตั้งศูนย์ไซเบอร์กระทรวงกลาโหม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถการรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ของกองทัพ การปรับปรุงโครงสร้างศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากลให้มีความพร้อมเผชิญเหตุและรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า สำหรับระยะ 5 ปีต่อไปจะพัฒนากองทัพให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมและปฏิบัติภารกิจได้หลากหลายมากขึ้น เช่น การปรับโครงสร้างสรรพกำลังทางทหารกระทรวงกลาโหมตาม พ.ร.บ.กำลังสำรอง พ.ศ. 2558 การแปรสภาพศูนย์รักษาสันติภาพ ให้เป็นหน่วยรับผิดชอบการรักษาสันติภาพและบูรณาการการทำงานด้านความมั่นคง เช่น กองทัพบกปรับปรุงหน่วยทหารราบและทหารม้าให้มีกำลังรบผสมระดับกรมร่วมกัน กองทัพเรือปรับปรุงหน่วยกำลังรบเพื่อรับรองการทำสงครามใต้น้ำ และขยายขีดความสามารถทางเรือป้องกันฝั่งอันดามัน
ส่วนกองทัพอากาศปรับปรุงขีดความสามารถรองรับเทคโนโลยีด้านอวกาศมากขึ้น นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมยังปรับลดอัตรากำลังพลตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและนายทหารปฏิบัติการตามเป้าหมาย และยุบหน่วยงานที่ไม่จำเป็นออก และจะประเมินผลต่อไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรยังให้ความสำคัญกับข้าราชการพลเรือนกลาโหมเพื่อไม่ให้เป็นภาระของงบประมาณด้วย
