เมืองไทย 360 องศา
นับว่างวดเข้ามาทุกทีแล้วสำหรับกรณีของ “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหมายจับรวมกัน 3 คดี นั่นคือ คดีร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติที่จังหวัดเลย และ จังหวัดนครราชสีมา
ล่าสุด พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่รับผิดชอบดูแลคดีฝ่ายตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย รวมไปถึงได้รับคำสั่งให้ประสานงานอำนวยความสะดวกช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอในคดีที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า เวลานี้ได้มีการดำเนินคดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอีก 43 คดี โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่ม อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ผิดพระราชบัญญัติจราจร พระราชบัญญัติป่าไม้ และประมวลกฎหมายอาญา เป็นต้น
แต่คดีที่ต้องจับตา ก็คือ 3 คดีแรกที่จนถึงบัดนี้ แม้ว่าจะมีหมายจับออกมาแล้วก็ยังไม่สามารถจับตัวมาดำเนินคดีได้เลย
ล่าสุด ตามรายงานที่ออกมาระบุว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหมายค้นที่ได้รับอนุมัติจากศาลรวม 4 ใบ สามารถเข้าค้นภายในวัดพระธรรมกายแบบต่อเนื่องได้ถึง 4 วัน นั่นคือ ตั้งแต่วันที่ 13 - 16 ธันวาคมนี้ ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากวันเวลาที่ศาลอนุมัติหมายค้นดังกล่าว ก็ต้องบอกว่าเวลามันกระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว เพราะหากรายงานข่าวที่ออกมาระบุว่า ศาลได้อนุมัติหมายค้นในวันเวลาที่ว่าแล้ว เมื่อครบกำหนดแล้วยังไม่ได้ทำอะไร นั่นคือ ไม่ได้เข้าไปตรวจค้นไม่ได้จับกุม หากคราวหน้ามีความจำเป็นต้องไปขอหมายค้นจากศาลอีกก็อาจลำบากใจที่ต้องไปอธิบายเหตุผลกับศาลก็ได้
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากวันเวลา มองในอีกมุมหนึ่งมันก็พอเข้าใจได้ว่าภายในวันที่ 14 ธันวาคม มันก็คืออีกหนึ่งเส้นตายที่กำหนดเอาไว้สำหรับการจับกุม ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังจากก่อนหน้านี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้กำหนดเส้นตายมาแล้วหลายเส้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นการกำหนดเส้นตายให้มอบตัวก็ตาม
อย่างไรก็ดี คราวนี้ถือว่าทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายธัมมชโย และฝ่ายเจ้าหน้าที่ มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมืออีกฝ่ายกันอย่างเต็มที่ เหมือนกับว่า มี “เดิมพันสูง” กันทั้งสิ้น อย่างที่รู้กันตามขั้นตอนของกฎหมาย ย่อมมองออกว่า นาทีนี้สำหรับธัมมชโยถือว่าเลยขั้นตอนการมอบตัว หรือการประกันตัวไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่พวกเขากำลังเคลื่อนไหวอยู่ ก็คือ หาทางขัดขวางป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมเท่านั้น และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้กำลังมีการระดมมวลชน ทั้งพระ ฆราวาส เข้าไปตั้งเป็นกำแพงมนุษย์ ปิดทางเข้าออก ทำให้หลายฝ่ายหวั่นว่าจะเกิดเหตุรุนแรง เนื่องจากฝ่ายธัมมชโยไม่ยอมให้มีการจับกุม เพราะรู้ดีว่าหากถูกจับเมื่อใด นั่นก็ย่อมมีโอกาสสูงที่จะต้องถูก “จับสึก” ตามพระราชบัญญัติปกครองสงฆ์
ส่วนฝ่ายทางการ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ต้องร่วมมือกัน มีการสนธิกำลังกับฝ่ายทหาร ตามรายงานระบุว่า มีการเตรียมกำลังเอาไว้กว่า 3 พันคน พร้อมอุปกรณ์อย่างครบครัน เรียกว่า เต็มพิกัดเหมือนกัน
เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวดังกล่าว มันก็เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีความกดดันกันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หากคราวนี้เมื่อถึงกำหนดเวลา (ตามหมายค้น) มันก็น่าห่วงเหมือนกัน เพราะเท่ากับว่า อีกหนึ่ง “เส้นตาย” ได้ล่วงเลยไปอีกเส้นไปอย่างไร้ความหมาย และก็แสดงให้เห็นว่ากฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้กับทุกคนในบ้านเมืองนี้
แต่ถึงอย่างไรมาถึงวันนี้ก็ยังไม่ครบเส้นตายตามเวลาในหมายค้นที่กำหนดจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม เอาเป็นว่าเป็นการนับถอยหลังอีกหนึ่งเส้นตายก็แล้ว หลังจากนั้นค่อยมาพิจารณาปฏิกิริยาจากสังคมกันต่อไปว่าจะออกมาแบบไหน !!