สะเก็ดไฟ
พริบตาเดียว ปฏิทินศกใหม่ปี 60 จะนับหนึ่ง เหมือนเพิ่งผ่าน 7 ส.ค. วันประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับอรหันต์ทองคำมาเมื่อวานซืน
เหมือนเพิ่งได้เห็น กกต. “สมชัย ศรีสุทธิยากร” โชว์โยนกล่องหีบเลือกตั้งแตกขายขี้หน้าสื่อมาหยกๆ
ทุกเรื่องผ่านไปไวเหมือนโกหก เวลาไม่คอยใคร โดยเฉพาะฉากการเมืองที่เริ่มร้อนผ่าว ตอนนี้กำลังก้าวเข้าสู่กระบวนการ ร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งจำนวน 4 ฉบับ จังหวะขยับของฝ่ายการเมือง จึงเริ่มออกโรงออกเเขก เพราะกฎหมาย 4 ฉบับดังกล่าวที่กำลังเริ่มกระบวนการนั้น ประกอบไปด้วย ของเเสลงสำหรับฝ่ายการเมืองเต็มไปหมด ซึ่งจะเป็นกติกาไฟต์บังคับในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป
ไม่ว่าเรื่องยาเเรงโทษประหารชีวิต หรือตัดสิทธิ์คนโกงเลือกตั้งตลอดชีวิต
จนซือแป๋มั่นใจในฉบับปราบโกงล้ำหน้าอนาคต แก้ปัญหาจากประสบการณ์ไทยในอดีตที่ชาวโลกไม่เคยประสบพบเจอ ถึงขนาดแน่ใจว่า ต้นตำรับประชาธิปไตยโลกอย่างอเมริกัน จะมาลอกเลียนเเบบรัฐธรรมนูญฉบับวิเศษนี้
จะโดนของแรงมากำกับขนาดนี้ มีหรือแรงต้านจะไม่เร่งเร้ารัวกลองศึกดังถี่ทุกขณะ จากอาการของสองพรรคใหญ่ เริ่มจากพรรคเพื่อไทยไล่บี้ผู้มีอำนาจอย่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ปลดล็อกชนักคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวมาตลอดสัปดาห์
นัยยะคือขอปล่อยผี เปลื้องพันธนาการเตรียมเเต่งองค์ทรงเครื่องรับศึกเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับข้นคลั่กของ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
โยนข้อครหา ว่า เนื้อหาในร่างไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่อื้อ สลับหน้ากันมาเเขวะรายวันแบบไม่เกรงใจ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยขอร้องอย่าเตะถ่วง ดึงเกมกฎหมายลูก หรือทำตามออเดอร์ จนกระทบโรดเเมปเลือกตั้งจากเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ประกาศไว้
ส่วน ประชาธิปัตย์ ส่งตัวจี๊ดอย่าง “วัชระ เพชรทอง” ออกมาช่วยขย่ม รายนี้ด่าไม่เลี้ยง ไล่เรียงยัดข้อหา “ซือแป๋ กรธ.” ว่า เป็นหนังหน้าไฟ รับใบโพยร่างรัฐธรรมนูญตามธงผู้มีอำนาจ เนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย แถมจะเป็นระเบิดเวลาถล่มป่าช้าเเตก ปลุกผีการเมืองออกมาป่วนสถานการณ์ในอนาคตให้ลุกเป็นไฟ หากไม่หยุดการกระทำรังแต่จะเสียการใหญ่ สุดท้ายที่พยายามเนรมิตเสียดิบดี จะกลายเป็นเศษกระดาษใช้พับถุงกล้วยเเขกขายตามสี่แยก โดยเรื่องกฎหมายลูก ถ้าไม่จงใจหมกเม็ด ควรเปิดเผยให้รับรู้ หรือว่าต้องรอส่งให้ทหารเซ็นเซอร์ก่อน หือ !
สองพรรคใหญ่ทำงานเป็นทีมเหมือน “นกรู้” กำลังถูกตีกรอบด้วยยาเเรง จึงออกมาจี้ทั้งเรื่องเวลา และเนื้อหาสาระที่เป็นกติกาใหม่ กำหนดทิศทางจะเลือกตั้งกันเมื่อไหร่ ออกหัว หรือก้อย
ทั้งนี้ เมื่อส่องปฏิทินตามกำหนดการในรัฐธรรมนูญ จะมีเลือกตั้งเริ่มเมื่อไหร่ ต้องดูจากแนวทางจัดทำร่างกฎหมายลูก 4 ฉบับสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยอธิบายด้วยภาษาของซือแป๋ มาประกอบการคาดการณ์
โดยจากนี้ กรธ. จะแบ่งการทำงานเป็น 2 ขยัก โดยขยักแรกจะทำกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายลูกว่าด้วย กกต. ล่าสุด กรธ. ยืนยัน พอร่างรัฐธรรมนูญประกาศใช้อย่างเป็นทางการ จะส่งขยักแรกให้ สนช. ทันที
ส่วนขยักที่ 2 จะทำร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
ทั้ง 2 ขยัก กรธ. ในฐานะผู้ยกร่างหลัก ต้องส่งให้ สนช. รับไม้ต่อ โดยตั้ง กมธ. วิสามัญมาพิจารณา
ล่าสุด ฟากรองประธาน สนช. “พีระศักดิ์ พอจิต” เเพลมไต๋สัดส่วน กมธ. วิสามัญกฎหมายลูกแต่ละฉบับจะประกอบด้วย 25 - 30 คน จะมีตัวเเทน กรธ. สนช. ครม. และ สปท. เข้าร่วม
เเว่วว่า จะส่งทีมแต่ละชุดเก็บตัวต่างจังหวัดสามวันสามคืนแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน เพื่อทำสมาธิเต็มที่ ยืนยันชั้นนี้ไม่มีเล่นเกมเอื่อยเฉื่อย ทุกอย่างเดินตามโรดแมป หรืออาจเสร็จทันก่อนกำหนดเวลา
แต่ทว่า ตามมาตรา 267 ของรัฐธรรมนูญฉบับผ่นประชามติ กรอบเวลาการผ่านกฎหมายสำคัญ 4 ฉบับ สนช. ในฐานะผู้รับไม้ต่อ มีเส้นตายขีดไว้ให้ทำกฎหมายลูก 60 วัน แต่ละฉบับพอทำเสร็จ จะต้องแช่น้ำรอละลายความคิดเห็นจากขั้วอำนาจที่เกี่ยวข้องกับร่างกติกาอีก 10 วัน เช่น องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง มีความเห็นแย้งหรือไม่ ถ้ายังมีข้องใจในเเต่ละฉบับ ต้องตั้ง กมธ. ร่วม มาร่วมกันมะรุมมะตุ้มอีก 15 วัน รวมแล้ว ถ้าใช้เวลาเต็มเหยียดจะเป็น 85 วัน
เช่นกันกับกฎหมายลูกขยักที่ 2 ถ้ามีขั้วอำนาจที่เกี่ยวข้องไม่พออกพอใจอีกละก็ การร่างกฎหมายลูก 4 ฉบับสำคัญ จะกินเวลารวมทั้งสิ้น 170 วัน
จากนั้น มาตรา 268 กำหนดให้จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน นับจากกฎหมาย 4 ฉบับสำคัญแล้วเสร็จ
สนามเลือกตั้งครั้งต่อไป จะคิกออฟเลือกตั้งจนจะเเล้วเสร็จในเวลาอีก 320 วัน หรือประมาณ 11 เดือน นับจากวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้
แต่มีปัจจัยน่าห่วงที่อาจทำให้โรดแมปเคลื่อนจากนี้ คือ หาก สนช. มีมติ 2 ใน 3 ตีตกร่างกฎหมายลูกของ กมธ. ร่วม ตามมาตรา 267 ทำให้จะต้องเริ่มกระบวนการร่างกฎหมายลูกใหม่ทั้งหมด
โดยหากยังอยู่ในระยะเวลา 8 เดือน “ซือแป๋” เคยบอกว่า จะรับหน้าเสื่อเริ่มกระบวนการใหม่เอง แต่หากพ้นเเปดเดือนราตรีกาลตามปฏิทินจันทรคติเเล้วละก็ ตัวใครตัวมัน รัฐบาลต้องเอาไปร่างใหม่เอง
หมายความว่า ถ้าเกิดติดล็อกในกระบวนการร่างกฎหมายลูก โดย สนช.- กรธ. หรือ กมธ. วิสามัญร่วมร่างกฎหมายลูกยังตกลงกันไม่ได้ คัดง้าง ล้ำเล้น ล้ำหน้าออฟไซด์กันเอง จนกฎหมายลูกถูกทำเเท้ง ไฟต์บังคับจะตกสู่มือรัฐบาล ถ้าเป็นตามนั้นจริงละก็ ไม่อยากคิด หรือจินตนาการ ว่าโรดเเมปจะเลื่อน หรือขยับขยายไปเท่าไหร่
แต่ฟันธงเลยเเล้วกัน เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ว่า ถ้ากฎหมายลูกถูกตีตก จะถูกตีตกในระยะเวลา 8 เดือน ดูได้จาก กรธ. ใช้เวลาเต็มเหยียดมาทุกขั้นตอนและอย่าลืมว่า ไม่ใช่เเค่พรรคการเมืองเท่านั้น ที่ออกมาตะโกนโหวกเหวก โวยวาย เรื่องยาเเรงในร่างกฎหมาย ก่อนหน้านี้ กกต. สมชัย โพสต์เฟซบุ๊กกระจายใส่ไม่เลี้ยง ตอกหน้าประธาน กรธ. ชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ เรื่องจะโละทิ้ง กกต. จังหวัด ยัดไส้กรรมการสอดเเนมเลือกตั้งมาทำหน้าที่เเทน รวมไปถึงเนื้อหาเกี่ยวกับการกำหนด คุณสมบัติกรรมการในองค์กรอิสระ ที่ กรธ. กำหนดสเปกเอาไว้ มันอาจมีผลทำให้ กกต. บางรายตกเก้าอี้ โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดเพิ่ม กกต. จาก 5 เป็น 7 คน
ขนาดเเค่ กกต. สมชัย ยังชิงหน้าสื่อ หลอกด่า ถอนหงอก ซื้อแป๋ เสียรังวัดมาเเล้ว ไม่อยากจะคิดถึงองค์กรอิสระอื่นๆ ที่ว่ากันว่า เป็นเสาหลักค้ำยันบ้านเมืองมายาวนาน ถ้ากลุ่มดังกล่าวมีความเห็นเเย้งต่อกติกาใหม่ จะเกิดเเรงกระเพื่อมเเค่ไหน
แม้ในราย “มีชัย” ยังใจดีสู้เสือ ไว้ลาย ยืนยันจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกองค์กรอิสระ เมื่อถึงคิวใคร จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับกฎหมาย กกต. โดยไม่เลือกปฏิบัติ คุณสมบัติกรรมการอิสระทุกองค์กร จะต้องเป็นไปตามของใหม่กำหนด ส่วนใครไม่ตรงสเปก ก็ช่วยไม่ได้
ท้ายที่สุดไม่มีอะไรง่ายดายภายใต้ดวงอาทิตย์ประเทศไทย นับนิ้วรออีกอึดใจ ได้เห็นสัญญานชัดเจน ทำให้ต้องเลื่อนโรดแมป หรือไม่ !
พริบตาเดียว ปฏิทินศกใหม่ปี 60 จะนับหนึ่ง เหมือนเพิ่งผ่าน 7 ส.ค. วันประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับอรหันต์ทองคำมาเมื่อวานซืน
เหมือนเพิ่งได้เห็น กกต. “สมชัย ศรีสุทธิยากร” โชว์โยนกล่องหีบเลือกตั้งแตกขายขี้หน้าสื่อมาหยกๆ
ทุกเรื่องผ่านไปไวเหมือนโกหก เวลาไม่คอยใคร โดยเฉพาะฉากการเมืองที่เริ่มร้อนผ่าว ตอนนี้กำลังก้าวเข้าสู่กระบวนการ ร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งจำนวน 4 ฉบับ จังหวะขยับของฝ่ายการเมือง จึงเริ่มออกโรงออกเเขก เพราะกฎหมาย 4 ฉบับดังกล่าวที่กำลังเริ่มกระบวนการนั้น ประกอบไปด้วย ของเเสลงสำหรับฝ่ายการเมืองเต็มไปหมด ซึ่งจะเป็นกติกาไฟต์บังคับในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป
ไม่ว่าเรื่องยาเเรงโทษประหารชีวิต หรือตัดสิทธิ์คนโกงเลือกตั้งตลอดชีวิต
จนซือแป๋มั่นใจในฉบับปราบโกงล้ำหน้าอนาคต แก้ปัญหาจากประสบการณ์ไทยในอดีตที่ชาวโลกไม่เคยประสบพบเจอ ถึงขนาดแน่ใจว่า ต้นตำรับประชาธิปไตยโลกอย่างอเมริกัน จะมาลอกเลียนเเบบรัฐธรรมนูญฉบับวิเศษนี้
จะโดนของแรงมากำกับขนาดนี้ มีหรือแรงต้านจะไม่เร่งเร้ารัวกลองศึกดังถี่ทุกขณะ จากอาการของสองพรรคใหญ่ เริ่มจากพรรคเพื่อไทยไล่บี้ผู้มีอำนาจอย่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ปลดล็อกชนักคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวมาตลอดสัปดาห์
นัยยะคือขอปล่อยผี เปลื้องพันธนาการเตรียมเเต่งองค์ทรงเครื่องรับศึกเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับข้นคลั่กของ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
โยนข้อครหา ว่า เนื้อหาในร่างไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่อื้อ สลับหน้ากันมาเเขวะรายวันแบบไม่เกรงใจ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยขอร้องอย่าเตะถ่วง ดึงเกมกฎหมายลูก หรือทำตามออเดอร์ จนกระทบโรดเเมปเลือกตั้งจากเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ประกาศไว้
ส่วน ประชาธิปัตย์ ส่งตัวจี๊ดอย่าง “วัชระ เพชรทอง” ออกมาช่วยขย่ม รายนี้ด่าไม่เลี้ยง ไล่เรียงยัดข้อหา “ซือแป๋ กรธ.” ว่า เป็นหนังหน้าไฟ รับใบโพยร่างรัฐธรรมนูญตามธงผู้มีอำนาจ เนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย แถมจะเป็นระเบิดเวลาถล่มป่าช้าเเตก ปลุกผีการเมืองออกมาป่วนสถานการณ์ในอนาคตให้ลุกเป็นไฟ หากไม่หยุดการกระทำรังแต่จะเสียการใหญ่ สุดท้ายที่พยายามเนรมิตเสียดิบดี จะกลายเป็นเศษกระดาษใช้พับถุงกล้วยเเขกขายตามสี่แยก โดยเรื่องกฎหมายลูก ถ้าไม่จงใจหมกเม็ด ควรเปิดเผยให้รับรู้ หรือว่าต้องรอส่งให้ทหารเซ็นเซอร์ก่อน หือ !
สองพรรคใหญ่ทำงานเป็นทีมเหมือน “นกรู้” กำลังถูกตีกรอบด้วยยาเเรง จึงออกมาจี้ทั้งเรื่องเวลา และเนื้อหาสาระที่เป็นกติกาใหม่ กำหนดทิศทางจะเลือกตั้งกันเมื่อไหร่ ออกหัว หรือก้อย
ทั้งนี้ เมื่อส่องปฏิทินตามกำหนดการในรัฐธรรมนูญ จะมีเลือกตั้งเริ่มเมื่อไหร่ ต้องดูจากแนวทางจัดทำร่างกฎหมายลูก 4 ฉบับสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยอธิบายด้วยภาษาของซือแป๋ มาประกอบการคาดการณ์
โดยจากนี้ กรธ. จะแบ่งการทำงานเป็น 2 ขยัก โดยขยักแรกจะทำกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายลูกว่าด้วย กกต. ล่าสุด กรธ. ยืนยัน พอร่างรัฐธรรมนูญประกาศใช้อย่างเป็นทางการ จะส่งขยักแรกให้ สนช. ทันที
ส่วนขยักที่ 2 จะทำร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
ทั้ง 2 ขยัก กรธ. ในฐานะผู้ยกร่างหลัก ต้องส่งให้ สนช. รับไม้ต่อ โดยตั้ง กมธ. วิสามัญมาพิจารณา
ล่าสุด ฟากรองประธาน สนช. “พีระศักดิ์ พอจิต” เเพลมไต๋สัดส่วน กมธ. วิสามัญกฎหมายลูกแต่ละฉบับจะประกอบด้วย 25 - 30 คน จะมีตัวเเทน กรธ. สนช. ครม. และ สปท. เข้าร่วม
เเว่วว่า จะส่งทีมแต่ละชุดเก็บตัวต่างจังหวัดสามวันสามคืนแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน เพื่อทำสมาธิเต็มที่ ยืนยันชั้นนี้ไม่มีเล่นเกมเอื่อยเฉื่อย ทุกอย่างเดินตามโรดแมป หรืออาจเสร็จทันก่อนกำหนดเวลา
แต่ทว่า ตามมาตรา 267 ของรัฐธรรมนูญฉบับผ่นประชามติ กรอบเวลาการผ่านกฎหมายสำคัญ 4 ฉบับ สนช. ในฐานะผู้รับไม้ต่อ มีเส้นตายขีดไว้ให้ทำกฎหมายลูก 60 วัน แต่ละฉบับพอทำเสร็จ จะต้องแช่น้ำรอละลายความคิดเห็นจากขั้วอำนาจที่เกี่ยวข้องกับร่างกติกาอีก 10 วัน เช่น องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง มีความเห็นแย้งหรือไม่ ถ้ายังมีข้องใจในเเต่ละฉบับ ต้องตั้ง กมธ. ร่วม มาร่วมกันมะรุมมะตุ้มอีก 15 วัน รวมแล้ว ถ้าใช้เวลาเต็มเหยียดจะเป็น 85 วัน
เช่นกันกับกฎหมายลูกขยักที่ 2 ถ้ามีขั้วอำนาจที่เกี่ยวข้องไม่พออกพอใจอีกละก็ การร่างกฎหมายลูก 4 ฉบับสำคัญ จะกินเวลารวมทั้งสิ้น 170 วัน
จากนั้น มาตรา 268 กำหนดให้จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน นับจากกฎหมาย 4 ฉบับสำคัญแล้วเสร็จ
สนามเลือกตั้งครั้งต่อไป จะคิกออฟเลือกตั้งจนจะเเล้วเสร็จในเวลาอีก 320 วัน หรือประมาณ 11 เดือน นับจากวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้
แต่มีปัจจัยน่าห่วงที่อาจทำให้โรดแมปเคลื่อนจากนี้ คือ หาก สนช. มีมติ 2 ใน 3 ตีตกร่างกฎหมายลูกของ กมธ. ร่วม ตามมาตรา 267 ทำให้จะต้องเริ่มกระบวนการร่างกฎหมายลูกใหม่ทั้งหมด
โดยหากยังอยู่ในระยะเวลา 8 เดือน “ซือแป๋” เคยบอกว่า จะรับหน้าเสื่อเริ่มกระบวนการใหม่เอง แต่หากพ้นเเปดเดือนราตรีกาลตามปฏิทินจันทรคติเเล้วละก็ ตัวใครตัวมัน รัฐบาลต้องเอาไปร่างใหม่เอง
หมายความว่า ถ้าเกิดติดล็อกในกระบวนการร่างกฎหมายลูก โดย สนช.- กรธ. หรือ กมธ. วิสามัญร่วมร่างกฎหมายลูกยังตกลงกันไม่ได้ คัดง้าง ล้ำเล้น ล้ำหน้าออฟไซด์กันเอง จนกฎหมายลูกถูกทำเเท้ง ไฟต์บังคับจะตกสู่มือรัฐบาล ถ้าเป็นตามนั้นจริงละก็ ไม่อยากคิด หรือจินตนาการ ว่าโรดเเมปจะเลื่อน หรือขยับขยายไปเท่าไหร่
แต่ฟันธงเลยเเล้วกัน เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ว่า ถ้ากฎหมายลูกถูกตีตก จะถูกตีตกในระยะเวลา 8 เดือน ดูได้จาก กรธ. ใช้เวลาเต็มเหยียดมาทุกขั้นตอนและอย่าลืมว่า ไม่ใช่เเค่พรรคการเมืองเท่านั้น ที่ออกมาตะโกนโหวกเหวก โวยวาย เรื่องยาเเรงในร่างกฎหมาย ก่อนหน้านี้ กกต. สมชัย โพสต์เฟซบุ๊กกระจายใส่ไม่เลี้ยง ตอกหน้าประธาน กรธ. ชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ เรื่องจะโละทิ้ง กกต. จังหวัด ยัดไส้กรรมการสอดเเนมเลือกตั้งมาทำหน้าที่เเทน รวมไปถึงเนื้อหาเกี่ยวกับการกำหนด คุณสมบัติกรรมการในองค์กรอิสระ ที่ กรธ. กำหนดสเปกเอาไว้ มันอาจมีผลทำให้ กกต. บางรายตกเก้าอี้ โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดเพิ่ม กกต. จาก 5 เป็น 7 คน
ขนาดเเค่ กกต. สมชัย ยังชิงหน้าสื่อ หลอกด่า ถอนหงอก ซื้อแป๋ เสียรังวัดมาเเล้ว ไม่อยากจะคิดถึงองค์กรอิสระอื่นๆ ที่ว่ากันว่า เป็นเสาหลักค้ำยันบ้านเมืองมายาวนาน ถ้ากลุ่มดังกล่าวมีความเห็นเเย้งต่อกติกาใหม่ จะเกิดเเรงกระเพื่อมเเค่ไหน
แม้ในราย “มีชัย” ยังใจดีสู้เสือ ไว้ลาย ยืนยันจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกองค์กรอิสระ เมื่อถึงคิวใคร จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับกฎหมาย กกต. โดยไม่เลือกปฏิบัติ คุณสมบัติกรรมการอิสระทุกองค์กร จะต้องเป็นไปตามของใหม่กำหนด ส่วนใครไม่ตรงสเปก ก็ช่วยไม่ได้
ท้ายที่สุดไม่มีอะไรง่ายดายภายใต้ดวงอาทิตย์ประเทศไทย นับนิ้วรออีกอึดใจ ได้เห็นสัญญานชัดเจน ทำให้ต้องเลื่อนโรดแมป หรือไม่ !