xs
xsm
sm
md
lg

“มีชัย” จ่อถกสภาพัฒน์ร่าง กม.ยุทธศาสตร์ฯ ชี้ คสช.ดูกำหนดปลดล็อกพรรคการเมืองดีแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (แฟ้มภาพ)
ประธาน กรธ.เผยเตรียมถกสภาพัฒน์ร่าง กม.ยุทธศาสตร์ชาติ แจงฟังความเห็นทุกภาคส่วนแล้ว ย้ำ รบ.หน้าไม่ทำ ส่อผิด รธน. ยันแก้ไขได้ต้องถาม ปชช.ก่อน ชี้ รธน.กำหนดไว้ กม.ลูก ไม่ออกมาพรวดเดียว เชื่อ คสช.ดูกำหนดเวลาปลดล็อกพรรคการเมืองดีแล้ว แต่เรื่องเวลายังพูดไม่ได้

วันนี้ (30 พ.ย.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการหารือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ณ ขณะนี้ได้มีการหารือถึงเรื่องการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ โดยตนจะร่วมหารือกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในนามกฤษฎีกาด้วย ทั้งนี้ หลังจากร่างรัฐธรรมนูญถูกประกาศใช้แล้ว กฎหมายว่าด้วยวิธีจัดทำยุทธศาสตร์และกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดทำการปฏิรูปจะต้องออกมาภายในระยะเวลา 120 วันเช่นกัน ดังนั้นคงต้องรีบจัดทำให้เสร็จ และจากนั้นก็จะนำไปสู่การมียุทธศาสตร์และวิธีการปฏิรูปภายในระยะเวลา 1 ปีหลังจากนั้น

นายมีชัยกล่าวต่อว่า ส่วนที่ฝ่ายการเมืองกลัวกันว่าตรงนี้จะเหมือนกับสิ่งที่จะไปบังคับการทำงานของรัฐบาลชุดถัดๆ มา ตนขอเรียนว่าเวลาเขียนวิธีจัดทำกฎหมายต่างๆ รัฐบาลจะต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน จากหลายๆ ฝ่าย และต้องคำนึงถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ยุทธศาสตร์ชาตินั้นก็เปรียบเสมือนกับการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาถูกทอดทิ้งพอสมควร เวลาจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ถ้าหากรัฐบาลถัดๆ มาไม่ทำตามก็เท่ากับว่าเสียของ ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่อยู่เรื่อยๆ

นายมีชัยกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่กำลังจะถูกกำหนดขึ้นมาใหม่นั้นระยะเวลายาวถึง 20 ปี เพื่อกำหนดว่าอนาคตของประเทศไทยในภายภาคหน้า หน้าตาจะเป็นอย่างไร ซึ่งการกำหนดยุทธศาสตร์ก็ไม่ได้คิดขึ้นมาได้เองแต่เกิดจากการที่แม่น้ำสายต่างๆ เช่น สภาขับเคลื่อนการการปฏิรูปประเทศ (สปท.) หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ไปรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มา แล้วนำมาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์อนาคต

“สมมติว่ารัฐบาลนี้เขามีแผนกำหนดว่าประเทศไทยวันข้างหน้าต้องเป็นแบบ 4.0 แต่พอรัฐบาลใหม่มา เขากลับกำหนดว่าไม่เอา กลับไปขี่เกวียนดีกว่า เอาแค่ 1.0 พอ เขาก็ต้องไปทำกระบวนการถามความเห็นชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านเขาเห็นด้วยว่าขี่เกวียน จะได้ไม่เหม็นน้ำมัน รัฐบาลก็ต้องไปปรับยุทธศาสตร์ว่าให้ขี่เกวียนแทน แล้วถ้าชาวบ้านเอาก็ไม่มีใครเขาห้าม” นายมีชัยกล่าว

เมื่อถามถึงสภาพบังคับของกฎหมายเหล่านี้ นายมีชัยกล่าวว่า นี่เป็นกระบวนวิธีการ ไม่มีบทลงโทษ แต่ถ้ารัฐบาลไม่สนใจจะทำตามยุทธศาสตร์ เขาก็จะได้ชื่อว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญซึ่งแม้กฎหมายจะไม่มีโทษอะไร แต่ในรัฐธรรมนูญก็ได้กำหนดโทษของการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เว้นแต่ว่ารัฐบาลนั้นได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ชาติโดยผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนมาก่อน

เมื่อถามต่อถึงขั้นตอนและกำหนดการเวลาจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.ได้ทำตามกำหนดการที่กำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ และต้องระมัดระวัง ไม่ควรออกกฎหมายมารวดเดียว เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะดูเหมือนว่าเป็นการกลั่นแกล้งพรรคการเมือง ส่วนเรื่องการปลดล๊อคให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น ตนขอเรียนว่าไม่ใช่บทบาทของ กรธ. แต่ขึ้นอยู่กับ คสช.และรัฐบาลจะเป็นผู้ปลดล็อก ดังนั้น กรธ.ก็ต้องนึกถึงเขาว่าจะมีกำหนดเวลาทำงานได้เมื่อไหร่ จะสามารถทำงานได้นานเท่าไหร่ด้วย ถ้ากำหนดระเวลาสั้นไป เขาคงลำบาก

ส่วนที่มีความกังวลว่าการปลดล็อกห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองทำได้หลังจาก พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งออกมาครบทั้ง 4 ฉบับ อาจจะมีปัญหาได้ เพราะจะเข้าสู่ระยะเวลาการเลือกตั้งภายใน 150 วันแล้ว นายมีชัยกล่าวย้ำว่า พ.ร.ป.ทั้ง 4 ฉบับคงออกมาพรวดเดียวไม่ได้ คงต้องออกมา 2 ฉบับก่อน คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองและว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากนั้นจึงจะรู้ว่าควรจะต้องใช้เวลากี่วัน แล้ว กรธ.ก็จะคำนวณเวลาที่จะต้องออก พ.ร.ป.อีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และที่มา ส.ว. ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าทางรัฐบาลและ คสช.นั้นคงจะดูแลในเรื่องกำหนดเวลาที่เหมาะสมตรงนี้อยู่แล้ว คงจะไม่เกิดปัญหาตรงนี้

นายมีชัยกล่าวต่อว่า เรื่องเวลานั้น ณ ขณะนี้ยังพูดในวันนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าเมื่อส่งร่าง พ.ร.ป.ไปให้ สนช.พิจารณาแล้ว สนช.จะแก้เป็นอย่างไร กรธ.ก็ยังไม่รู้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะมีการปรับกำหนดเวลาที่เหมาะสมกันอีกทีหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น