ในการปาฐกถา เรื่อง “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก” ซึ่งจัดโดย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้น เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เถลิงราชสมบัติครบ 70 ปี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นองค์ปาฐก สรุป พระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตร ที่โดดด่น ในระหว่างการครองราชย์ 70 ปี ของพระองค์ว่า 1.ทรงเป็นพระราชาศรีสง่าแห่งแคว้น 2.ทรงเป็นที่พึ่งของประชาชน 3.ทรงเป็นต้นแบบคุณธรรม และ 4.ทรงเป็นรอยต่อโลกโบราณกับโลกสมัยใหม่
ทรงเป็นพระราชาศรีสง่าแห่งแคว้น
นาย.วิษณุ เล่าเหตุการณ์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จฯ ต่างประเทศ เมื่อ 50 ปีที่แล้วว่า ตอนนั้น ไม่มีใครรู้จักประเทศไทยว่า อยู่ตรงไหน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสหรัฐอเมริกา และยุโรป หนังสือพิมพ์รายงานอย่างตื่นเต้นว่า พระเจ้าอยู่หัวของไทยตรัสภาษาอังกฤษได้ เมื่อเสด็จเยอรมัน ตรัสภาษาเยอรมัน เสด็จฝรั่งเศส ตรัสภาษาฝรั่งเศส ในที่แถลงข่าว นักข่าวขอสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศส พระองค์ทรงตรัสตอบทุกภาษาในเวลาเดียวกัน ทำเอานักข่าวรู้สึกทึ่งและอัศจรรย์ใจ
นายวิษณุ เล่าประสบการณ์ของตน ในขณะเป็นตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ได้เข้าเฝ้าฯ พร้อมกับนายกรัฐมนตรี ที่นำประธานาธิบดีประเทศหนึ่งเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสกับประธานาธิบดีท่านนั้นซึ่งไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ด้วยภาษาเยอรมัน และฝรั่งเศส ทั้งยังทรงแปลให้นายกรัฐมนตรีไทยฟังด้วย นายกรัฐมนตรีไทยฟังแล้ว กราบบังคมทูลว่ามีประเด็นน่าสนใจ พระองค์ก็ทรงแปล ให้ประธานาธิบดีฟังเสร็จแล้วตรัสกับนายกรัฐมนตรีไทยว่า "พาเขามาเฝ้า หรือให้ฉันเป็นล่าม"
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแผ่ไพศาลอย่างไม่น่าเชื่อ
พระเจ้าอยู่หัวทรงแก้ปัญหาให้ประชาชนทุกอย่างตั้งแต่เรื่องน้ำ เรื่องจราจร ตลอดถึงการศึกษา และสาธารณสุข จึงเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประทับโดยไม่ถือพระองค์ เสด็จฯถิ่นทุรกันดาร พระเสโทไหลย้อย และเสด็จฯลุยในที่ดินโคลนจนฉลองพระบาทเต็มไปด้วยดินโคลน เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประชาชนคนไทยคุ้นเคยยิ่ง
ทรงเป็นต้นแบบคุณธรรม
นายวิษณุเล่า ว่า เคยรับซองสีน้ำตาลใช้แล้วนับร้อยซองที่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังส่งมาว่าเป็นของพระราชทาน ทั้งนี้เมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเอกสารเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย จะบรรจงใส่ซองสีน้ำตาลพร้อมทั้งพิมพ์หมายเลขออกหนังสือกำกับทุกซอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ไม่ต้องพิมพ์หมายเลขออกหนังสือที่ซอง ใช้ดินสอเขียนก็ได้ พระองค์จะลบตัวเลขแล้วส่งซองกลับคืนให้ใช้ใหม่
ครั้งหนึ่ง คณะรัฐมนตรีใหม่ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ แต่ติดวันเสาร์-อาทิตย์ พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งผ่านราชเลขาธิการลงมาว่า จะเข้าถวายสัตย์วันไหน เลขาธิการ ครม. กราบบังคมทูลผ่านราชเลขาธิการว่าวันจันทร์ แต่ราชเลขาธิการบอว่า ถ้าพร้อมให้เข้าเฝ้าฯ ได้เลย จึงเชิญ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์วันอาทิตย์ เมื่อเข้าเฝ้าฯ ทรงตรัสกับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่า ในหลวงไม่มีวันหยุดราชการ
ครั้งหนึ่ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 21 เข้าฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสถามว่า หนักใจไหมเวลาทำงาน นายบรรหาร กราบบังคมทูลว่า หนักใจเพราะไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน
พระองค์จึงตรัสว่าไม่ต้องหนักใจ เพราะพระองค์ก็ไม่เคยเป็นในหลวงมาก่อน ตอนไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำเมืองสุพรรณให้เจริญได้อย่างไร เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้ทุกจังหวัดให้เจริญเหมือนเมืองสุพรรณ พร้อมกันนั้น ทรงหยิบแผนที่แล้วทรงชี้ไปจุดหนึ่ง ตรัสถามนายบรรหารว่าอยู่ที่ไหน นายบรรหารกราบบังคมทูลว่า ไม่ทราบ พระองค์จึงเฉลยว่า อยู่หลังบ้านนายบรรหาร พร้อมทั้งทรงแนะนำให้ไปดูจะได้แก้ปัญหาการจราจรได้ส่วนหนึ่ง นายบรรหารสารภาพว่าไม่เคยไปตรงนั้น หลังจากนั้นจึงไปดูและสั่งแก้ไขตามพระราชดำริทุกประการ
ทรงเป็นรอยต่อให้โบราณราชประเพณี และความทันสมัยอยู่ด้วยกัน
ทรงไม่ละทิ้งประเพณีเดิม ในพระราชพิธี ที่มีพิธีพราหม์ ทรงให้คงไว้ เหมือนเดิม แต่ให้นำพระสงฆ์ เข้าทำพิธีด้วย พราหมณ์ทั้งหลายจึงต้องรับศีลก่อนทำพิธี เมื่อพระสงฆ์เสร็จศาสนพิธีกลับวัด พราหมณ์ก็ทำต่อจนจบ กษัตริย์จิกมี แห่งภูฏาน เคยตรัสถึงความประทับใจ ที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงเป็นต้นแบบแห่งพระมหากษัตริย์ ที่สามารถนำโบราณมากลมกลืนกับโลกสมัยใหม่ได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงหนังสือธรรม และศาสนาเสมอ เมื่อมีใครอ้างอิงถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ พระองค์ทรงระบุชื่อได้เลย ว่าเรื่องนี้ท่านปยุตฺโต (พระพรหมคุณาภรณ์) เคยเขียนแล้ว เป็นต้น
พระจริยวัตรที่งามสง่าเหล่านี้ จะจารึกอยู่ในหัวใจของพสกนิกรตราบนานเท่านาน