xs
xsm
sm
md
lg

พลังจงรักภักดีกดดันตื่นตัวจัดการขบวนการหมิ่น-จาบจ้วงสถาบันฯ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย360 องศา

ต้องยอมรับความจริงกันเหมือนกันว่า ที่ผ่านมามีขบวนการและกลุ่มบุคคลที่ให้ร้ายจาบจ้วง หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมานาน เพียงแต่ว่ามีจำนวนน้อย หรือเป็นเพราะไม่อาจแสดงให้เห็นได้ เนื่องจากถูกพลังแห่งความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยกดเอาไว้ ทำให้ไม่อาจปรากฏตัวหรือเคลื่อนไหวให้เห็นได้นัก

อย่างไรก็ดี ในช่วงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา กลุ่มคนพวกนี้เริ่มเติบใหญ่อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่ม “ขบวนการล้มเจ้า” ดังกล่าวมีบทบาทระดับสูงในวงการเมือง ถึงขั้นเคยมีการสืบเสาะพบว่าพวกเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในศูนย์กลางอำนาจรัฐกันเลยทีเดียว

สำหรับพฤติกรรมจาบจ้วงให้ร้าย บิดเบือนสถาบันเบื้องสูง มีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยพูดจา เคลื่อนไหวกันแบบหลบซ่อน จนมาในยุคปัจจุบันนี้มีพฤติกรรมให้เห็นในแบบเปิดเผยมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้สื่อสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆ เป็นช่องทางในการโจมตีให้ร้าย

ดังจะเห็นในยูทูป หรือตามเว็บหมิ่นที่ปรากฏให้เห็นมากมายในขณะนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่มาทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดี จะพบว่าในรัฐบาลยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีกวาดล้างจับกุมอย่างจริงจังมากกว่าในยุคใด จนมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันการดำเนินคดีกับกลุ่มคนดังกล่าวในประเทศก็มักถูกบิดเบือนไปอีกแบบหนึ่ง เช่น กล่าวหาว่าประเทศไทยปิดกั้นในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น

ทั้งที่ในความเป็นจริงการบัญญัติมาตรา 112 ในกฎหมายอาญา ก็เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องพระมหากษัตริย์ที่เป็นพระประมุขของชาติ และราชวงศ์ อันเป็นที่รักเทิดทูนของประชาชนคนไทย และการดำเนินคดีตามกฎหมายล้วนมีที่มาที่ไป มีการกระทำผิดอย่างชัดเจน ว่าคนพวกนั้นมีการดูหมิ่นจาบจ้วงบิดเบือนอย่างไรบ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐาน ซึ่งแต่ละประเทศก็มีวิธีการปกป้องคุ้มครององค์พระประมุข และประมุขแตกต่างกัน แต่ถือได้ว่ามีกฎหมายคุ้มครองทั้งสิ้น สำหรับประเทศไทยถือว่าการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็คือการทำลายความมั่นคงของชาติอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับบรรยากาศโศกเศร้าอาลัยของพสกนิกรต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่กลายเป็นคลื่นมหาชนไหลเข้ามาไม่ขาดสาย จนไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วว่าคนไทยรัก และเทิดทูนพระองค์มากมายล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ความรักความภักดีดังกล่าวได้แสดงออกมาเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นพลังขับเคลื่อนอันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อบรรยากาศที่ประชาชนหลั่งไหลออกมาแสดงความอาลัยมากมายมหาศาล ขณะเดียวกัน เมื่อยังปรากฏความเคลื่อนไหวจาบจ้วงออกมาให้เห็นก็ยิ่งกลายเป็นพลังกดดันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเหมือนกัน ทำให้ทุกฝ่ายตื่นตัวโดยเฉพาะฝ่ายทางการ มีการเรียกประชุมคณะทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น

การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงการติดตามตัวผู้กระทำผิด มาตรา 112 ว่า หลังจาก คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการฯ ดูแลเกี่ยวกับผู้ที่กระทำผิด ม.112 ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ได้ลงนามไปถึงเอกอัครราชทูตประเทศนั้นๆ ประจำประเทศไทย จำนวน 7 ประเทศ ว่ามีประมาณ 19 ราย ที่มีการเคลื่อนไหวและกระทำผิดเพื่อแจ้งให้เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ทั้ง 7 ประเทศ ได้รับทราบ

“ผมส่งหนังสือเพื่อขอร้องให้เข้าใจถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และในต่างประเทศควรเข้าใจประเทศไทย โดยเราไม่ได้ไปละเมิดอธิปไตยกฎหมายของประเทศนั้นๆ แต่ความเป็นมหามิตรย่อมเข้าใจความรู้สึกกันว่าประเทศไทยอยู่ในความรู้สึกอะไร ณ ขณะนี้ พร้อมบอกที่อยู่ตำแหน่งที่พักของผู้กระทำผิดในประเทศนั้นๆ เรียบร้อย ถึงแม้ว่าประเทศนั้นๆ ไม่มีกฎหมายดูแลเรื่องพวกนี้ แต่ก็ควรจะกำกับดูแลไม่ให้สิ่งเหล่านี้มากระทบจิตใจของคนไทยและไม่ควรเกิดขึ้น ผมอยากจะใช้คำว่ามันมากเกินไปที่จะทนเห็นสิ่งเหล่านี้ได้”

“ผมได้เรียนพี่น้องประชาชนคนไทยไปแล้วว่า เราไม่สามารถไปละเมิดอธิปไตยพราะไม่มีกฎหมายดูแลเรื่องนี้ แต่เราควรพูดกันให้เข้าใจเรื่องดังกล่าวและผมทำมาตลอด รวมทั้ง ได้ส่งหนังสือเป็นระยะผ่านกระทรวงต่างประเทศ โดยมี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเลขานุการคณะกรรมการ ทำหน้าที่สรุปรวบรวมเอกสารจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งให้เอกอัครราชทูตประจำประเทศนั้นๆ เป็นระยะ และทำสุดความสามารถมาตลอด”

นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งก็คือ รายงานข่าวว่า รัฐบาลได้ส่งตัวแทนเข้าพบกับบริษัทเสิร์ชเอนจิน ชื่อดังอย่าง กูเกิล เพื่อขอให้ลบเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการโพสต์จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากพบว่ามีประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยเว็บไซต์ที่ยังเข้าไปดูได้ทั่วโลก ถือว่ากระทบความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ดี ทางกูเกิลได้ยอมรับที่จะนำเว็บโพสต์หมิ่นและจาบจ้วงออกจากการค้นหาเฉพาะเซิร์ฟเวอร์กูเกิลไทยเท่านั้น ความหมายก็คือ คนไทยในประเทศไทยจะเข้าไปค้นหาไม่ได้เท่านั้น

นี่คือปรากฏการณ์ล่าสุดที่ทุกฝ่ายตื่นตัวอย่างเป็นรูปธรรมกับการจัดการกับพวกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นสถาบันเบื้องสูง แม้ว่าในต่างประเทศยังไม่อาจดำเนินการอะไรได้มากนักเนื่องจากยังติดที่กฎหมายระหว่างประเทศ แต่ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวร่วมกันระหว่างคนไทย และทางการไทยอย่างเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน!
กำลังโหลดความคิดเห็น