ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 29 “สุรยุทธ์” และ ผบ.เหล่าทัพตบเท้าร่วมงาน ย้ำเยาวชนรักใคร่ สามัคคี คำนึงผลประโยชน์บ้านเมือง
วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 ต.ค. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 29 โดยในรุ่นนี้มีเยาวชนเข้าร่วมจำนวน 318 คน เป็นเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวน 261 คน เยาวชนนับถือพุทธศาสนาจำนวน 57 คน และครอบครัวอุปถัมภ์ 160 ครอบครัว เป็นเยาวชนจากจังหวัดใช้แดนภาคใต้มาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์และชุมชนสังคมพหุวัฒนธรรมทำให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ตรงและมีความเข้าใจบริบทของสังคมไทยมากยิ่งขึ้นจนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวอุปถัมภ์และครอบครัวเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเปิดโครงการครั้งนี้มี พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และตัวแทน ผบ.สว., ผบ.ทร., ผบ.ตร.เข้าร่วม
พล.อ.เปรมกล่าวเปิดงานในตอนหนึ่งว่า หากสังเกตจะเห็นว่ากองทัพทุกเหล่าทัพจะมีผู้แทนในระดับสูงมาร่วมงานในวันนี้ด้วย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าเราทำในสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ขอบคุณทุกคนที่ให้ความเมตตา ให้ความช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับโครงการ ขอชมเชย โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานโครงการที่ได้พัฒนาโครงการนี้ไปมาก ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไปในภายภาคหน้า ขอชมเชยและขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามที่เริ่มต้นด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ปีนี้ถือเป็นรุ่นที่ 29 ตนอยากบอกเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกมาทั้งคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธ หรือศาสนาคริสต์ บางคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและบางคนก็เพิ่งมารู้จักกันในโครงการนี้ สิ่งที่หวังมาที่สุดคือการมอบความรักมห้แก่กัน รู้จักร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อความมุ่งหมายคือการเป็นคนดีของชาติบ้านเมือง ขอให้ทุกคนรู้ตัวเองว่าเราเป็นสมบัติที่มีค่าของชาติ ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ มีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร เรามีหน้าที่ดูแลประเทศของเราให้มั่นคง แข็งแรง มีความเจริญก้าวหน้า และมีความรักความสามัคคี
ทั้งี้ ขอเรียกเยาวชนที่ร่วมโครงการว่าหลานๆ เพราะตนอายุมากเกินกว่าที่จะเรียกว่าลูก ขอให้ตั้งใจรับความรู้ที่เรายังไม่รู้ในเรื่องสิ่งมีค่าของบ้านเมือง รับรู้ว่าความรัก ความสามัคคีเป็นสิ่งที่จะต้องรักษาไว้ให้ได้ ขอให้ทุกคนช่วยกัน ร่วมมือกัน รักกัน และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง อย่างน้อย เเสดงให้เห็นถึงความเป็นคนไทย ที่นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์ ว่าจะทำทุกอย่างให้กับประเทศมีคงามรักความสามัคคี ตนปรารถนาที่จะได้เห็นจากโครงการนี้ ขอฝากความเคารพและขอบคุณอีกครั้งกับทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ เช่น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.มาร่วมโครงการตั้งแต่สมัยเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.จนได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผบ.ทบ. นับว่าเป็นเกียรติแก่โครงการของเรามาก ทั้งนี้ ขออวยพรให้ทุกคนสำนึกในความเป็นไทย รักใคร่กัน นำประเทศให้เจริญก้าวหน้า ทุกคนถือเป็นพี่น้อง ญาติมิตรกันและต้องร่วมมือกันทำประโยชน์ให้ประเทศ เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดิน
สำหรับโครงการดังกล่าวเริ่มขึ้นในปี 2549 ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 29 รุ่น มีเยาวชนเข้าร่วม 7,791 คน โดยจะมีการนำเยาวชนแต่ละรุ่นเข้าร่วมกิจกรรมในระหว่างปิดภาคเรียนปีละ 2 รุ่น คือช่วงเดือน เม.ย.และเดือน ต.ค. โดยจะเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปีที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการโดยมีภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่จังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี สตูล และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา อีกทั้งเป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน หรือศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะมีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียนต่อ มีพฤติกรรมเรียบร้อย สุขภาพแข็งแรง และไม่มีโรคเรื้อรัง และประวัติไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด