“สมคิด” เผย “แจ็ก หม่า” ยืนยันเข้ามาไทยเพื่อช่วย SM Es เติบโตผ่านระบบขายออนไลน์ ไม่ต้องการเข้ามาครอบงำกิจการในไทย แต่ประทับใจคำพูด “บิ๊กตู่” เราจะก้าวไปด้วยกันและไม่ทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลัง
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงที่ประชุมถึงการที่นายแจ็ก หม่า ประธานกลุ่มบริษัท อาลีบาบา เข้าพบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า นายแจ็ก หม่า ระบุว่าในอดีตที่ผ่านมาเขาไม่เคยมองประเทศไทย เนื่องจากวิธีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอาจไม่ตรงกับใจของเขา แต่เขามองในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายที่มีส่วนสนับสนุนส่งเสริมเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ทำโดยเฉพาะเรื่องคมนาคมขนส่ง สาธารณูปโภค อี-เพย์เมนต์ หรือการใช้จ่ายผ่านระบบบัตรเครดิต สิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์กับสิ่งนายแจ็ก หม่าคิด จึงเริ่มหันมามองไทย โดยนายแจ็ก หม่าพยายามมองอนาคต พยายามฝึกฝนคนรุ่นใหม่ จึงได้มีการพูดคุยกันหลายประเด็นกับนายสมคิด
ประเด็นแรกคือ นายแจ็ก หม่า ยืนยันว่าไม่ต้องการเข้ามาครอบครองหรือฮุบเศรษฐกิจไทย แต่จะเป็นการเข้ามาเชื่อมโยงรูปแบบการค้าขายออนไลน์ของอาลีบาบาที่กระจายไปทั่วโลก กับรูปแบบการค้าขายออนไลน์ของไทยที่ยังอยู่ในวงจำกัด ดังนั้น การค้าขายสินค้าของไทยจากที่คนในตลาดทั่วไปจะเห็นแค่ไม่กี่คนก็จะกระจายไปทั่วโลก นั่นคือเราจะทำรูปแบบของเราให้แข็งแรงขึ้น
ประเด็นที่ 2 นายแจ็ก หม่า ยินดีสนับสนุนการฝึกอบรม เรื่องการค้าขายในตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งเขายกตัวอย่างว่าเฉพาะที่เมืองหางโจว ประเทศจีน เขาฝึกอบบรมคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตเพื่อสามารถค้าขายออนไลน์ได้ถึง 35,000 ราย เขาจึงเชื่อมั่นว่าถ้ามีส่วนช่วยฝึกอบบรมให้เอสเอ็มอีไทยจะสามารถสร้างผู้ประกอบการรายใหม่บนโลกออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น
ประเด็นที่ 3 นายแจ็ก หม่า อยู่กับการค้าขายบนโลกออนไลน์มาหลายปี ทราบดีว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะมีลูกเล่นคิดมิชอบ คิดทุจริตที่จะโกงคนอื่น เขาจึงมีประสบการณ์ในช่องโหว่เหล่านี้ และเขาพร้อมที่จะถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ให้ประเทศไทยเพื่อให้มีมาตรการรองรับ ป้องกัน นอกจากนี้ นายแจ็ก หม่ายินดีที่จะมีส่วนช่วย สนับสนุนส่งเสริมให้ความร่วมมือกับไทยเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายธุรกิจเอสเอ็มอีและเชื่อมโยงไปประเทศโดยรอบ
“เขาเน้นย้ำว่าไม่ได้ต้องการเข้ามาครอบงำธุรกิจของเมืองไทย แต่ต้องการมาช่วยเพราะเขาเติบโตมากเกินพอแล้ว ไม่ต้องการอะไรอีก แต่อยากจะพาคนอื่นๆ ไปด้วย ซึ่งเห็นว่านายกฯ เคยพูดว่าเราจะก้าวไปด้วยกันและไม่ทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลัง เขาบอกว่าตรงใจ ก็เลยพยายามเข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริมสนับสนุนให้แก่ประเทศของเรา และยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ต้องการเขามาฮุบ หรือควบรวมธุรกิจในประเทศไทย” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
