“ประยุทธ์” แจงส่งตัว “โจชัว หว่อง” กลับฮ่องกง ไม่ใช่ละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่เป็น “หลักการอาเซียน” ไม่ให้ชาวต่างชาติใช้ดินแดนในการเคลื่อนไหวต้านประเทศอื่น วอนให้เชื่อถือกระบวนการตรวจสอบข้าราชการ อย่าใช้ความรู้สึกมาก่อน ขอโทษสื่อ - ประชาชน ที่โมโหบ่อย เพราะถูกจี้ถาม ลั่นไม่เคยคิดท้อแท้ในการทำงาน
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปกติ และกฎหมายพิเศษอะไรก็ตาม อย่ามองว่าตนอยากจะบังคับผู้คนหรืออยากจะมีอำนาจในการใช้กฎหมายไปทำร้ายคน หรือไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ตนก็รับฟังหลักการของโลก หลักการของอะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องมาปรับให้มันสอดคล้องกับประเทศของเราด้วย วันนี้อยากให้ประชาชนทุกคนคำนึงถึงบ้านเมืองกันด้วย ว่า เราอยู่ในสถานการณ์ใด ความขัดแย้งยังมีอยู่หรือไม่ มีผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์อยู่หรือไม่ ขณะเดียวกัน มีคนที่หวังดีอยากให้บ้านเมืองสงบสุข อยากให้มีการปฏิรูปอยากให้ตนทำงานมีจำนวนอีกเท่าไร ไม่งั้น 2 พวกนี้ตีกันทั้งคู่ ก็ขอบคุณทั้งคู่ที่สงบสุขกันไปได้เยอะแล้ว อย่าเกิดขึ้นอีกเลย ขอบคุณทั้ง 2 ฝ่าย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาล และ คสช. ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้ง ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีก หากมีการเคลื่อนไหวของชาวต่างประเทศคนใดในประเทศไทยในการที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศอื่น ๆ เขา มันเป็นหลักการของอาเซียน ว่าเราจะไม่ให้ดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนเป็นที่เคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านประเทศอื่น ๆ ในประเทศของพวกเรา อันนี้หลักการสำคัญ ขอให้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไร เดี๋ยวกลัวเขาจะมาพูดอะไรให้มันเสียหาย วันนี้มันเสียหายไม่พอหรือไง ประเทศมันก็พออยู่แล้ว คนของเราก็พูดกันเพียงพอแล้วนะที่มันมีปัญหาอยู่เนี่ย เอาคนอื่นเขามาพูดอีก แล้วไปว่าประเทศอื่นเขาไปอีก ยิ่งไปกันใหญ่ ความน่าเชื่อถือของเรามันก็หมดไป ตนก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนี้เอง
วันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอโทษประชาชนทุกคน อาจจะหงุดหงิดอยู่บ้าง อะไรบ้าง สังคมก็ไม่ชอบ ตนก็ไม่อยากจะแก้ตัวนะ แต่ก็ขอชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนาจะปิดบัง ใจตนมีแต่ทำงานทุกวัน เพราะฉะนั้นเมื่อมีเรื่องอะไรเข้ามา ก็ต้องให้หน่วยงานเขาตรวจสอบ ทีนี้พอเร่งรัดมาก ๆ ตนตอบไม่ได้ เพราะมันยังไม่ได้ตรวจสอบ ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วท่านก็ถามตลอดเวลา ถามแทบจะรายชั่วโมง แต่ยังไงท่านก็คงไม่ผิด ตนผิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย ทั้งในสื่อโซเชียล เมื่อมีข้อเท็จจริงออกมาแล้ว ตรวจสอบแล้ว มันไม่พบ ก็กรุณาชี้แจงให้เขาด้วย ให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย อย่าไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนที่ทำความผิดมากนักเลย ถ้าไม่ผิดมันก็ไม่มีเรื่องหรอกมั้ง คำว่ามีเรื่อง ในกระบวนการยุติธรรม ก็คือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไง แต่ถ้าพูดกันไปพูดกันมา มันยังไม่เข้า ก็คือ ไม่เข้า ถ้าเข้าแล้ว ตรวจสอบแล้ว มันก็จบ เรื่องดี ๆ หลายเรื่องเกิดขึ้น ลืมหมดแล้วหรือยัง วันนี้บ้านเมืองสงบสุข ทุกคนก็พอใจ วันนี้จะเริ่มขัดแย้งกันอีกแล้ว อย่าเลยนะครับ แยกกันให้ออก อย่ายึดไปโยงมา ประชาชนเขาสับสน ช่วยกันคิดดูนะหลาย ๆ คดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ทั้งที่เป็นคนไทยทั้งคู่ พอผลตรวจสอบออกมาก็ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับ ไม่เป็นธรรม แต่เวลาพวกเดียวกันแล้วคดีที่เห็นชัดว่ามันผิดแล้วมันหลุด ทำไมไม่บ่นล่ะ มันก็ศาลเดียวกันนั่นล่ะ ให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง เจ้าหน้าที่จะได้สบายใจ ตนยังไม่เคยไปกล่าวหากระบวนการยุติธรรมเลย ฉะนั้น เจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม เพราะหลายคนก็เป็นข้าราชการด้วย เพราะฉะนั้นกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม จะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเป็นธรรม คำว่าเป็นธรรมไม่ใช่หมายความว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีอำนาจมากกว่า ผมไม่ผิด คงไม่ใช่นะ ไปตรวจสอบมานะ อันไหนตรวจสอบได้ก็ตรวจสอบไป พิจารณาด้วยพยาน วัตถุพยาน หลักฐาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้เราชอบใช้ความรู้สึกมาก่อน ใครเขียนก่อน เชื่อก่อน ใครพูดก่อน เชื่อก่อน ไอ้คนที่เขาทำตามมา ก็ไม่อ่านแล้ว พอแล้ว ตัดทิ้งไปแล้ว สิ่งดี ๆ มันหายไปมากมาย ทุกคน หลายคนก็ไม่กล้าจะทำ ก็เพียงแต่ว่าชี้แจงหน่อยได้มั้ย มันเป็นยังไง มันถูกผิดตรงไหน ถ้าไม่พอใจก็ไปเข้ากระบวนการยุติธรรม มันก็แค่นี้ล่ะ มันก็จบทุกเรื่อง ผมก็ไม่ต้องมาตอบคำถามท่านทุกวัน ให้มันเหน็ดเหนื่อยทำไม ไม่อยากให้ประโคมข่าวกันไป ๆ มา ๆ ก่อนที่จะเข้ากระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นมันทำไม่ได้ ต้องช่วยกันแก้ไข ฟังเหตุฟังผล อย่าขยายความไปเร็วนัก แล้วตัดสินออกมา ไม่ยอมรับอีก จะอยู่กันยังไงล่ะครับ กติกาบ้านเมืองอยู่ตรงไหน
ข้าราชการเขาก็มีความผิดของเขา ผิดวินัยก็มี ผิดวินัย ภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง ไล่ออก ปลดออก มีตั้งหลายอย่าง แต่ละคดีก็มีผิดมาก ผิดน้อย อะไรต่าง ๆ ไม่ใช่เหมาเข่งทั้งหมด ผิดรวดเลย มันก็ไม่ใช่อีกนะ ตนพูดด้วยข้อกฎหมาย ไม่ใช่แก้ตัวทั้งสิ้น เพราะตนก็อยู่ในกระบวนการนี้ด้วย บางอย่างอาจจะไม่เหมาะสมบ้าง บางอย่างอาจจะผิดร้ายแรง บางอย่างผิดอาญา ผิดแพ่ง ก็ไปฟ้องกันมา ในกระบวนการ บ้านเมืองก็ไม่วุ่นวาย ขอให้เคารพกฎหมาย
“ผมก็ขอถือโอกาสนี้ขอโทษสื่อ สังคม ประชาชนด้วยนะครับ กับการแสดงออกของผมที่ไม่เหมาะสมบางเวลา ต่อไปผมก็จะพยายามระมัดระวังตัวให้มากที่สุด ก็ให้สื่อมวลชนไปติดตามข่าวเอาเองนะครับ จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่งั้นท่านไม่ฟังคนอื่นเลย ท่านมาฟังจากผม พอผมโมโห อารมณ์เสีย ก็กลายเป็นว่าผมไม่ลงกับท่านอีก ผมบอกให้ท่านไปถามคนอื่นเขา ที่เขาเกี่ยวข้อง ผมก็ตอบในหลักการเท่านั้นเอง ผมจะพูดในเชิงนโยบาย ผลงาน ปัญหา ของการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะผมไม่ได้ทำงานคนเดียว ทุกคนก็ทำด้วย รักผมก็ต้องรักคนอื่น ถ้าเกลียดผมก็รักคนอื่น เกลียดผมคนเดียว ไม่เป็นไร” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายนี้ หลายคนก็บอกว่า มีทั้งอยากให้ตนท้อแท้ กับบางคนก็ไม่อยากให้ตนท้อแท้ ตนไม่เคยคิดท้อแท้หรือยอมแพ้อะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสรรคต่าง ๆ ในการทำงาน ไม่ใช่แพ้คน ชนะคน ไม่ใช่ ไม่ยอมแพ้อุปสรรคเพราะชีวิตตนมาอย่างนั้น วันนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าเราอยู่กันตรงไหน เรากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังทำอะไรเพื่อวันนี้ วันหน้า ทุกคนจะได้ประโยชน์อะไรวันนี้อย่างไร วันหน้าอย่างไร ประเทศชาติจะมั่นคง มั่งคั่ง และแข็งแรงอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
สิ่งที่รัฐบาล และ คสช.ทำทั้งเขียนกฎระเบียบ คำสั่ง ที่ผ่านมา ทั้งพิเศษหรือไม่พิเศษก็ตาม เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกอยู่ในที่เรียกว่าทศวรรษที่หายไป ว่างเปล่า เหมือนประเทศไทยที่ไม่มีตัวตน 10 ปีที่ผ่านมา เพราะมันทะเลาะ ขัดแย้งมากมาย การพัฒนาเดินหน้าไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย นั่นล่ะเขาเรียกว่า ทศวรรษที่หายไป ไร้ค่า ปลอดจากการพัฒนา อ่อนแอ ขัดแย้ง ตนก็ไม่ยอมที่จะให้ทุกอย่างกลับไปเป็นอย่างเดิม แต่ทั้งนี้ตนทำคนเดียวไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะร่วมทำด้วยมั้ย ถ้าไม่ร่วมทำกับตนก็รอรัฐบาลหน้า ไปร่วมกับรัฐบาลต่อไปก็แล้วกัน บังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่อยากให้ทุกอย่างมันกลับมาทำร้ายประเทศชาติอีกต่อไป ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน
คำต่อคำ : รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันที่ 7 ตุลาคม 2559
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รัก เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ไปประชุมนะครับ รับทราบสถานการณ์น้ำและอุทกภัย ที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทด้วย ผมขอขอบคุณข้าราชการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และพี่น้องประชาชน ที่ได้มีโอกาสมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรวมกันเป็นพลังในการใช้สติปัญญาในการทำงานทั้งเชิงรุก และเชิงรับ เพื่อแก้ปัญหาในการบริหารจัดการน้ำ ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน เราได้มีการเตรียมการ ทั้งมาตรการเร่งด่วน การช่วยเหลือ มีมาตรการเสริมสำรองไว้ ในลักษณะที่ว่ามีการพัฒนาการตามสถานการณ์ แล้วก็สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะฝนตกหนักมาก หรือตกน้อยอะไรต่างๆ ก็ตาม ต้องทำทุกอย่าง เป็นแผนงานล่วงหน้า จะได้ไม่เสียเวลา เพราะว่าเราห้ามธรรมชาติไม่ได้มากนัก เราต้องระมัดระวังตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องมีการทำงานในเชิงรุก มากกว่าเชิงรับ ในปัจจุบัน
ผมได้มีโอกาสทำความเข้าใจซึ่งกันและกันทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาน ว่าในกรอบของราชการนั้นเขาก็รับผิดชอบตามภารกิจ ๆ ของเขาไป ด้วยอำนาจ หน้าที่เขาตั้งแต่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน คณะบริหารจัดการน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกคนก็ได้พยายามกันอย่างเต็มที่แล้ว ในการบริหารจัดการน้ำ ทั้งด้วยหลักการ ด้วยวิธีการ และแนวทางปฏิบัติเดิม ๆ ที่ผ่านมา รวมทั้งแนวทางใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตลอดจนผมก็ได้รับความเข้าใจจากประชาชนในพื้นที่มากขึ้น อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับเขานะครับ
การที่ผมลงไปครั้งนี้นั้น ผมต้องการไปให้กำลังใจกับทุกภาคส่วน แล้วก็มีการมอบนโยบายเพิ่มเติมในเชิงรุกให้มากขึ้น ประกอบด้วยเราจะต้องมีการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น ทุกอย่างอยู่ที่ความเข้าใจ จะทำอะไร เก่าใหม่อะไรก็ตาม วันนี้ประชาชนต้องเข้าใจ ทำอย่างไรเขาจะเข้าใจ ใช้ภาษายังไง ใช้คำพูดอย่างไรให้สั้น ให้กระชับ ได้ใจความ เราจะได้ทำความเขาใจกันทั้งประเทศสักทีว่าความเชื่อมโยงระบบทุกระบบ ไม่ว่าจะระบบใดก็ตาม
วันนี้เรามาพูดถึงการใช้น้ำของทุกกลุ่มนะครับทั้งน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อการการอุปโภคบริโภค เพื่อการอุตสาหกรรม และการรักษาระบบนิเวศน์ ซึ่งก็ต้องใช้น้ำอันเดียวกัน เพราะเราใช้สายน้ำเดียวกัน ที่ตกมาจากฝน เกิดจากป่า ไหลลงแม่น้ำลำคลอง หรือเป็นน้ำที่ขังท่วมอยู่ในแหล่งเก็บน้ำต่าง ๆ หรือเวลาฝนตกมากก็มีน้ำสะสม เพราะงั้นเราก็ต้องมาพูดกันถึงน้ำในระบบชลประทาน และนอกระบบชลประทาน อยู่ในเขต และนอกเขต แล้วพอวันนี้เราก็มีทั้งน้ำทุ่ง น้ำท่า น้ำสะสม เนื่องจากมีฝนตกมากขึ้นกว่าปกติ ในฤดูฝนนี้ แล้วก็ท่วมทั่วไป ทั้งหมดนั้น ข้อเท็จจริงก็คือว่าน้ำทุกน้ำ ไม่ว่าจะที่ใดก็ตามต้องไหลลงที่ต่ำ ไหลลงแม่น้ำ ลำคลอง ลงสู่ทะเล เราต้องมาคิดร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ และประชาชนว่า เราจะบริหารจัดการน้ำให้ยั่งยืนได้อย่างไร เราควรต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดไหม ที่เราเรียกว่าเป็นห่วงโซ่เดียวกัน ถ้าเราใช้น้ำกันอย่างพอดี ๆ เฉลี่ยแบ่งปัน ทุกคนก็มีความสุขถ้าเวลาน้ำแล้ง ถ้าพวกหนึ่งได้มาก พวกหนึ่งได้น้อย ก็จะเกิดความขัดแย้ง ระบายไม่ได้ ปล่อยไปที่อื่นไม่ได้ จะเก็บกักไว้ในพื้นที่ของตนเอง ก็ไม่สามารถจะไปช่วยพื้นที่หนึ่งได้ เพราะว่าอยู่ในสายน้ำเดียวกัน เราต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าวันนี้เราต้องแก้ใหม่แล้ว เหล่านี้เป็นปัญหาซ้ำซากของประเทศไทย หมายความว่าเราไม่ได้แก้ไขอะไรอย่างยั่งยืนมาโดยตลอดที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นหลักการสำคัญง่าย ๆ ที่ผมคิดก็คือว่า เราต้องเข้าใจตรงกัน ทั้งประเทศว่ามวลน้ำที่มีอยู่ปัจจุบันในประเทศไทยก็มีอยู่ 3 ก้อนด้วยกัน คือก้อนหนึ่งอยู่ภาคเหนือ อีกก้อนหนึ่งก็ลงมาภาคกลาง ใต้เขื่อนภาคเหนือลงมา แล้วก็ที่อยู่ด้านใต้ของเขื่อนเจ้าพระยา เพราะฉะนั้นทั้ง 3 ก้อนนี้มีกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ ที่ใช้น้ำจำนวนมหาศาล กลุ่มจังหวัด จังหวัด ชุมชน หมู่บ้าน มหาศาล แล้วทั้งหมด พื้นที่ของประเทศไทยก็ลาดลงสู่ทะเล เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารจัดการน้ำทั้ง 3 ก้อนได้อย่างไร ทั้งไม่ว่าจะการพร่องน้ำ การระบายน้ำ การส่งน้ำ หรือน้ำเกินจะไปเก็บไว้ที่ไหน อย่างไร จะเก็บในอ่างกักเก็บน้ำ ไว้ได้เพิ่มหรือไม่ ในเขื่อน ในเมื่อฝนตกเหนือเขื่อนลดลง จะเก็บน้ำใต้เขื่อนไว้ได้อย่างไร ในปัจจุบัน เพราะโลกเปลี่ยนแปลง อากาศเปลี่ยนแปลง เรามีพื้นที่แก้มลิงที่เตรียมไว้ ทั้งของเดิม ของใหม่เพียงพอหรือยัง ผมคำนวณดูแล้วว่าถ้าหากฝนยังตกในแบบนี้ เรายังพอจะรับมือไว้ได้ แต่เนื่องจากปรากฏการณ์ ลานีญาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเราอาจจะต้องเตรียมพื้นที่สำรองเพิ่มเติมไว้ล่วงหน้า
บางส่วนนั้นอาจจะต้องใช้พื้นที่ของรัฐ ของประชาชน อยู่บ้าง ของรัฐนั้นเตรียมให้อยู่แล้ว บางครั้งต้องใช้ของประชาชน ก็คือพื้นที่ที่แล้วซ้ำซาก หรือพื้นที่ที่มันท่วมซ้ำซาก ทำยังไงเราจะใช้ประโยชน์ได้ ช่วยกันเป็นพื้นที่รับน้ำได้บ้างไหม เราก็จะให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และมีมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ในกรณีที่หากน้ำลงไปแล้ว แล้วก็ไม่สามารถจะทำการเกษตรได้ มันมีวิธีการคิดใหม่ ๆ หลายอย่างด้วยกัน ซึ่งคงจะเล่าให้ฟังวันหลัง กำลังให้ทุกหน่วยงานไปหามาตรการเหล่านี้มาใหม่ ๆ ทำยังไงประชาชนจะร่วมมือกับเรานะครับ ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ประโยชน์ไปด้วย แล้วไม่ต้องไปเหน็ดเหนื่อยกับการปลูกพืชหลายครั้ง ปลูกแล้วก็เสีย ปลูกแล้วก็ตาย ปลูกแล้วก็ท่วม เพราะฉะนั้นถ้าเขาแปรสภาพเป็นที่เก็บน้ำไปก่อนได้ไหม ในบางระยะเวลา รัฐบาลก็จะช่วยเหลือให้ในช่วงเวลาเหล่านั้น ไม่ให้เขาสูญเสียรายได้
สิ่งสำคัญวันนี้ ก็คือว่า ในพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข้าวนั้น ทุกคนมักจะปลูกในเวลาเดียวกัน คือหน้าฝนใกล้เคียงกัน เพราะสัมพันธ์กับเรื่องของการใช้เครื่องมือในการเก็บเกี่ยว ในการเพาะปลูกใด ๆ ก็ตาม ไถ คราด อะไรก็แล้วแต่ เวลาเดียวกันหมด เพราะว่าใช้การบริการจากภาคเอกชน เช่าเขามาบ้าง อะไรเขามาบ้าง เพราะฉะนั้น จะเป็นพื้นที่ ๆ ไป ถ้าเราปลูกพร้อมกัน ใกล้เคียงกันมาก แล้วก็รอเก็บเกี่ยวด้วยกันทั้งหมด แล้วน้ำมาจะทำยังไง โดยเฉพาะพื้นที่ที่น้ำมันท่วมเป็นประจำอยู่แล้วนี่ ทุกหน้าฝน เราจะทำยังไง เราต้องบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เหล่านี้ให้ได้ ทำยังไงจะไม่เกิดความเสียหายในวงกว้าง ถ้าหากว่าน้ำระบายไม่ได้เลย ทุกคนให้กักเก็บไว้หมด มวลน้ำทางเหนือ ทางกลาง ก็ไปผสมกันลงมาทางใต้ พอดีก็มีฝนตกลงมาอีก มากขึ้นอีก ในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งบางครั้งก็ไม่เคยตกตรงนั้น ทั้งหมดก็สะสมลงมาทั้งน้ำในเขื่อน น้ำนอกเขื่อน น้ำในทุ่ง น้ำสะสม น้ำฝนตก ทั้งหมดก็ต้องไหลลงที่ต่ำทั้งสิ้น ถ้าไหลลงเขื่อน อาจจะเก็บน้ำไว้ได้ ปริมาณรับน้ำไว้ได้เพียงพอ ก็จบ ถ้าไม่เพียงพอ ล้นออกมาจะทำอย่างไร ก็อั้นน้ำทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารจัดการระบายน้ำ และกักเก็บน้ำอย่างเป็นระบบ ที่เกื้อกูลกัน เป็นขั้นเป็นตอน ไม่อยากให้สะสมมากขึ้น เป็นก้อน ๆ ไป ทุกที่ไป หากว่าถึงเวลานั้นแล้ว เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เราต้องระบายทุกพื้นที่พร้อม ๆ กัน ผมถามแล้วจะระบายไปที่ไหนล่ะ ถ้าเราไม่ทยอยระบาย ทยอยพร่องน้ำไปบ้าง เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารน้ำทั้ง 3 ก้อน ไม่ให้เกิดการความสมดุล ไม่ให้เกิดการอั้นน้ำ ตั้งแต่แต่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ไม่อย่างนั้นก็เกิดปัญหาดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา คือ ท่วมไปทั้งหมด
วันนี้เราจึงจำเป็นต้องมีมาตรการรองรับไว้ล่วงหน้า อะไรที่เป็นหน้าที่ของส่วนราชการ ข้าราชการ เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าผมต้องไปคอยสั่งว่าเปิดประตูน้ำ ปิดประตูน้ำ ระบายน้ำเท่าไร ยังไง ผมเอาเฉพาะหลักการนโยบาย แล้วก็มาตรการเร่งด่วน การช่วยเหลือประชาชน มาตรการเรื่องกักเก็บน้ำ พร่องน้ำ ควรจะเป็นยังไง การเตรียมที่สำรองพื้นที่สำรองไว้จะทำยังไง ชดเชยอะไร ใคร ยังไง นั่นคือหน้าที่หลักของรัฐบาล
ถ้าเราสามารถลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยามาได้ วันนี้ก็อยู่ในระดับประมาณ 1,900 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งก็ยังพอประคับประคองไว้ได้แต่ถ้ามันสูงไปกว่านี้จะทำยังไง ถ้าเรายังคงต้องกักเก็บไว้เพื่อรอการเก็บเกี่ยวทั้งหมด นั่นแหละครับ อยากให้เข้าใจตรงนี้นะ ก็จะมีผลกระทบไปทั้งสิ้น ถ้าเราลดมากมันก็ไปเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร แต่ไม่ทั้งหมดก็เฉพาะพื้นที่ที่จำเป็น ก็ดูแลตรงนั้นให้ ตรงไหนที่สามารถรอได้ เราจะไปปล่อยให้ท่วมทำไมล่ะ เราก็จะปล่อยเท่าที่จำเป็น เห็นใจเกษตรกร จำนวนมากกำลังเพาะปลูก แล้วกำลังรอเก็บเกี่ยว พวกนี้จะดูแลเป็นพิเศษ
ในส่วนของ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล วันนี้ก็หนักอยู่แล้ว เจอปัญหาฝนตกในกรุงเทพฯ มากกว่าปกติ การระบายน้ำ ระบบระบายน้ำเรายังแก้ไขไม่ได้ครบทั้งหมด ก็มีการท่วมอยู่บ้าง แต่เราก็เห็นนะครับ ว่าเราก็เร่งรัดระบายให้เร็วที่สุด เท่าที่เราสามารถทำได้ เราปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ วันหน้าก็ต้องไปแก้ไขในเรื่องของระบบการระบายน้ำใหม่อีกที เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนคิดร่วมกัน ทั้งรัฐ ข้าราชการ ประชาชน ทุกหมู่เหล่า อยากจะเรียนว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมไว้ สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาก หรือมากเป็นพิเศษ ก็ต้องดูว่าอันไหนท่วมมาก ท่วมน้อย ท่วมจากธรรมชาติ หรือท่วมจากการบริหารจัดการน้ำ พร่องน้ำ ระบายน้ำของรัฐบาล ก็มีความแตกต่าง เราก็กำลังจะเร่งหารือใน คณะรัฐมนตรีโดยด่วน ในมาตรการเหล่านี้ ปกติแล้วในพื้นที่ประกาศภัยน้ำท่วม ได้รับความช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่จำนวนไม่มากนัก ก็ต้องไปหาความแตกต่าง มาตรการ จำนวน วิธีการ ข้อสำคัญคือ วันนี้ต้องเก็บข้อมูลตั้งแต่วันนี้ แล้วก็รักษาสิทธิ์ อย่าให้ใครเขามาหาช่องทางทุจริตได้เวลาเงินช่วยเหลือลงไปแล้ว บอกฝากทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่าง ๆ ที่ใกล้ชิดประชาชนนั้น จะต้องเป็นหัวเรือให้กับประชาชน ไม่ใช่เป็นหัวเรือในการต่อต้านอย่างเดียว เป็นหัวเรือในการรักษาสิทธิ์ให้กับเขา โดยไม่ให้เกิดการรั่วไหล เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากให้ประชาชนชาวเกษตรกรต้องช่วยเรา เข้าใจว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่ารักคนกรุงเทพฯ แต่ให้น้ำท่วมอยุธยาไม่ใช่เลย เพราะผมบอกไปแล้วว่าน้ำมีกี่ก้อน ต้องระบายไปทางไหนบ้าง ไม่ลงข้างล่างก็ไปทางซ้ายทางขวา ถ้าไม่ไปไหนเลยก็เอ่อท่วมทั้งหมด ทั้งประเทศ นั่นแหละคือหลักการง่าย ๆ เราอาจจะต้องใช้คำว่าเสียสละกันบ้าง ผมไม่อยากให้ใครต้องเสียสละหรอกครับ แต่ก็จำเป็นนะ
ขอให้ติดตามแล้วก็เข้าใจ ติดตามสถานการณ์น้ำด้วย วันนี้ก็คาดว่าอาจจะมีลมมรสุม อาจจะมีมรสุมหลายลูก เข้าพัดผ่านในด้านอาเซียน แล้วก็ประเทศไทยด้วย ก็ขอให้ระมัดระวังในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเรื่องการปลูกพืช การสัญจรไปมา อุบัติเหตุ อุบัติภัย ต่าง ๆ มาด้วยกันทั้งหมด ข้อสำคัญคือถ้าเราเข้มแข็งเพียงพอ รวมกลุ่มกันได้ ก็ต่อสู้ได้ทั้งหมดทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันนะครับ ให้ความร่วมมือ
เรื่องแรกอยากจะขอร้อง เราสามารถทำได้กันไหม ในการกำหนดห้วงเวลาในการปลูกพืชต่าง ๆ แต่ละพื้นที่ซึ่งทางกระทรวงเกษตร กระทรงมหาดไทยก็แนะนำไปแล้ว อาจจะแล็ปกันบ้าง เป็นรายสัปดาห์ คงไม่ใช่เป็นเดือน ๆ หรอก เพื่อให้มีการทยอยใช้น้ำกันตามลำดับตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ท้ายน้ำ ทำนองนี้ ถ้าเราสามารถแล็ปกันได้บ้าง ก็แบ่งเบาในเรื่องของการขาดแคลนน้ำ แล้วก็สามารถระบายน้ำได้ ไม่ใช่พอหน้าแล้งก็ข้างบนไม่ให้ระบายลงมา เพราะข้างบนจะปลูกพืช ข้างล่างก็แล้ง เพราะไม่มีน้ำจะลงมา ถึงเวลาน้ำท่วมมาก ๆ ข้างบนก็เร่งปล่อยลงมา กลัวท่วมข้างบน แต่ก็ปล่อยมาท่วมข้างล่าง นี่แหละครับคือ การบริหารจัดการน้ำ ที่ไม่ได้ง่ายนะ ถ้าเราไม่เข้าใจกัน เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนเข้าใจในประเด็นนี้นะครับ ทำประชาคมกันกับผู้ว่าฯ กับนายอำเภอ กับท้องถิ่น เราจะตกลงกันได้อย่างไร ว่ากลุ่มนี้จะปลูกเมื่อไร กลุ่มนั้นจะปลูกเมื่อไร น้ำจะพอไหม ถ้าทุกคนจะเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้เอง แล้วปลูกหลาย ๆ รอบ หลาย ๆ เที่ยว ทำนากันหลาย ๆ ครั้ง ผมว่าก็คือปัญหานั่นแหละ เพราะน้ำไม่พอยังไง ในเรื่องการทำเกษตรแปลงใหญ่ การปลูกพืชเสริม หรือเปลี่ยนการปลูกพืชบ้าง ปลูกพืชผสมผสาน ที่เรียกว่าไร่นาส่วนผสม หรือให้กำหนดพื้นที่ดู ว่าตรงนี้เหมาะสมจะปลูกข้าว ก็สนับสนุนการปลูกข้าวที่มีคุณภาพ เป็นเกษตรอินทรีย์ หรือปลูกพืชชนิดใดก็ตามที่มีมูลค่า แลกเปลี่ยนกันได้ นี่ปลูกข้าวไว้ขาย นี่ปลูกข้าวไว้กิน แล้วก็ขายได้บ้าง แล้วก็เสริมด้วยอาชีพอื่น ๆ ที่มีรายได้ที่เพียงพอ ต้องคิดแบบนี้ ไม่ใช่ปลูกข้าวก็ตามกันไปหมด เวลาข้าวเสีย น้ำท่วม ข้าว ฝนแล้ง ก็ไม่มีผลผลิตออกมา แล้วทำยังไง รัฐบาลก็ต้องหาเงินจำนวนมากไปอุดหนุน เราต้องช่วยกันทั้งคู่ รัฐบาลเป็นหน้าที่ต้องช่วยอยู่แล้ว ท่านก็ต้องช่วยของท่านเองด้วย สำหรับการปลูกพืชในพื้นที่ที่เหมาะสม ที่ดินดี น้ำดี ไม่เคยแล้ง ไม่เคยท่วม ตรงนี้ต้องส่งเสริม แล้วจะได้ลดความเสียหายให้มากที่สุด ลดการใช้น้ำให้มากที่สุด ในพื้นที่ที่ใช้น้ำน้อย ตอนนี้เราน้ำมาก ในการทำนา หลายเท่าของต่างประเทศเขา เพราะเราไม่ได้ติดตามเรื่องการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ
อยากให้ทุกคนได้พิจารณา ผมไม่บังอาจไปบังคับใครได้นะ เป็นเรื่องที่จะดีขึ้น เปลี่ยนแปลงของท่านเอง ของเกษตรกรเอง ท่านต้องใช้ทุกอย่างนะครับนอกจากประสบการณ์แต่เพียงอย่างเดียวไม่พอแล้ว
สิ่งเหล่านี้นั้นกระทรวงเกษตรฯ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เขาก็แนะนำไปมากแล้ว หลายคนก็ทำเป็นผลสำเร็จแล้ว มีรายได้มากขึ้น จากไร่ละ 3,000 เป็นไร่ละ 30,000 ลองไปดูซิว่าเขาทำยังไงกัน ถ้าไม่ดูกันเลย เราจะปลูกข้าวแบบเดียวไปทั้งหมด แล้วก็มีคุณภาพบ้าง ไม่มีคุณภาพบ้าง พอน้ำจะท่วมก็ต้องรีบเก็บเกี่ยว ข้าวยังไม่สุกดี ข้าวมีความชื้นก็ถูกลดราคาอีก แล้วรัฐบาลจะต้องไปอุดหนุนอีก มันจะได้ไหมล่ะครับแบบนี้ ต่อไปจะไปไม่ไหว ดังนั้นเพื่อความง่าย เราจะได้รู้ปริมาณที่สอดคล้องต้องกันระหว่างดีมานด์ ซัพพลาย เราผลิตเท่าไร ขายในประเทศเท่าไร ขายต่างประเทศเท่าไร ในการผลิตของภาคการเกษตรแต่ละชนิด ๆ มันจะได้หาตลาดง่ายขึ้น มันจะได้แข่งขันเขาได้ง่ายขึ้น ข้อสำคัญคือคุณภาพต้องดีกว่าเขา ถ้าราคาจะสูง ต้องมีคุณภาพ ต้องไร้สารเคมี เกษตรอิทรีย์ทำนองนี้ หรือพัฒนาคุณภาพไปสู่ข้าวคุณภาพ หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ตาม ไปเป็นเครื่องสำอางบ้าง ไปเป็นครีมอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ข้าวก็มีทั้งนั้น ทำได้ทั้งนั้น วันนี้ก็ทำเยอะแล้วนะครับ เพียงแต่ว่าตลาดเข้าถึงได้หรือยังล่ะ นวัตกรรมเพียงพอไหม
เหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ ในเรื่องการใช้เครื่องมือทันสมัย รัฐบาลพยายามจะหาทางช่วย เราคงต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ถ้าให้ทุกพื้นที่มีความเท่าเทียมกันทั้งหมดคงยังไม่ได้ในตอนนี้ เพียงแต่ว่าอาจจะไปรวมเป็นพื้นที่ที่ไป ในท้องถิ่นดูแลกัน ให้ไปแล้วซ่อมแซมกันเอง มีค่าใช้จ่ายบ้าง ที่มันถูกกว่าที่ต้องไปเช่าเขามาในวันนี้ จะได้มีอำนาจต่อรองกับคนที่เขาให้เช่าเครื่องมือเหล่านี้ด้วย ที่ผมห่วงอีกอันหนึ่งก็คือ เรื่องรายได้จากการเช่านา ในเมื่อข้าวเสียหาย ผู้ให้เช่านาอย่าไปเก็บเขาเลยนะครับ
ประชาชนที่เขาทำการเกษตรที่เขาเสียหาย แล้วจะไปเก็บเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาปลูกข้าวไม่ได้ อันนี้แหละเป็นน้ำใจ เป็นสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรเขาเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นหนี้เขาก็สะสมไปเรื่อย วันหน้าเขาต้องขายนา ท่านก็เอานาเขาไปอีก แล้วให้เขาเช่าอีก มันก็เป็นอยู่อย่างนี้แหละครับ นี่คือ วงจรที่เกิดขึ้นในภาคการเกษตรของเรา เห็นใจเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยบ้างนะครับ
อีกอันหนึ่งก็อยากให้มาร่วมกัน คือ ขอให้มาขึ้นทะเบียนนะครับ ผู้มีรายได้เท่าไร รายได้น้อยกว่า 1 แสนบาท มันก็มีมาตรการมีแรงจูงใจ มีสิทธิประโยชน์ที่รัฐบาลกำลังคิดว่าจะทำอย่างไร สำหรับคนเหล่านี้ได้มากขึ้น วันนี้มาขึ้นแล้วประมาณ 8 ล้านเศษ 8 ล้านกว่าคน เรามีตั้งหลาย 10 ล้าน เพราะฉะนั้นมันก็ต้องทยอยเป็นปี ๆ ไป รัฐบาลจะหามาตรการช่วยเหลือให้ ได้ตรงตามข้อเท็จจริง ตามที่เดือดร้อนจริงๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ก็อยากเรียกร้องเลยนะครับ เพราะมีรายได้สูงกว่าคนเหล่านี้แล้ว รัฐบาลต้องบริหารงบประมาณอย่างนี้
เรื่องต่อไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนะครับ ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพเลี้ยงนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ขอขอบคุณนักกีฬาทุกคน และหน่วยงานส่วนราชการ และภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุน เราได้ตั้ง 18 เหรียญ 6-6-6 นะครับ มากกว่าที่ประมาณการไว้ ซึ่งตั้งไว้ก่อนไป เขาสัญญากับผมไว้ว่า 4 เหรียญทอง นี่ได้มา 6 ไง และมีเหรียญเงิน เหรียญทองแดงมาด้วย ถือว่าได้มากที่สุดจากห้วงที่ผ่านมานะครับ รัฐบาลจะพยายามสนับสนุนดูแลให้มากขึ้นทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม มันต้องใช้เวลา ใช้งบประมาณ ปรับกฎหมาย แหล่งเงิน ที่มาต่าง ๆ สัดส่วนการดูแล ทุกคนก็ขอผมว่า ให้รัฐบาลให้ข้าราชการทุกคนให้กำลังใจแก่คนเหล่านี้ ผมให้ตลอดเวลาอยู่แล้วแหละ รัฐบาลก็ให้กำลังใจเขาต่อไป และให้กำลังใจว่า เออเราจะทำให้มันดีขึ้น
อีกเรื่องหนึ่ง ขอแสดงความยินดีกับคณะหุ่นละครเล็กนาฏยบูรพา อาจารย์เด่น หาเลิศ ที่พาเยาวชนไทย อายุ 7 - 25 ปี จำนวนกว่า 30 คน ไปคว้ารางวัล Grand Prix ชนะเลิศหุ่นโลกมาครองได้เป็นผลสำเร็จ จากเวทีการประกวด World Puppet Carnival 2016 เรียกว่า หุ่นเชิดโลกนะครับ จัดขึ้นปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่เมืองวูช ประเทศโปแลนด์ ด้วยการแสดงในชื่อภาษาไทยว่า “หนึ่งในโลกา” ที่มีทั้งคติสอนใจ เป็นแบบอย่างในการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ซึ่งจะต้องประกอบด้วยความกตัญญูรู้คุณ ความเสียสละ ความมีระเบียบวินัย และมีความอดทนอดกลั้น ซึ่งเหมาะสมกับบ้านเราในเวลานี้กับโลกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น คณะหุ่นละครเล็กนาฏยบูรพา เป็นเพียงตัวแทนหนึ่งเดียวของไทย ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 54 ทีมสุดท้ายจากการคัดเลือก 900 ทีมทั่วโลก เยอะนะครับ จำนวนมาก เราก็น่าภูมิใจนะ เพื่อเข้าทำการแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากนั้น เรายังได้รับเกียรติให้เป็นการแสดงหลักในการพิธีเปิด และปิดอีกด้วย เป็นที่น่าสนใจ
ขอขอบคุณนะครับ ทุกคน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จของคนไทย รวมทั้งขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความสำเร็จของคณะนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ที่ผ่านมาด้วยนะครับ ช่วงที่ผ่านมากีฬาเป็นสิ่งที่นำความสุขมาสู่สังคมไทย ทำให้บ้านเมืองมีความสุขสงบ มีความรักความผูกพันกันมากขึ้น เราจะได้ประกาศศักยภาพของคนไทยในเวทีโลกให้มากยิ่งขึ้นต่อไปในทุกสนามการแข่งขันด้วยนะครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลทำมาเกือบ 2 ปีแล้ว คือ การปฏิรูปการจัดทำงบประมาณของประเทศ เพื่อเป็นการวางรากฐานของการบริหารประเทศให้สามารถขับเคลื่อนประเทศในระยะยาว ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนปฏิรูปนโยบายรัฐบาลนี้ และต่อ ๆ ไปนะครับ ตลอดจนแผนพัฒนาหลักอื่น ๆ ของประเทศอีกด้วย
ในการปฏิรูปงบประมาณของรัฐบาลนี้ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ การผลักดันกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ 1. พ.ร.บ. วิธีการงบประมาณ (ฉบับใหม่) โดยสำนักงบประมาณ และ 2. พ.ร.บ. การเงินการคลังของรัฐ โดยกระทรวงการคลัง ปัจจุบันนั้นอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประเด็นที่สำคัญมีดังนี้
1. ประเด็นที่มาของงบประมาณรายจ่าย ที่จะต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินการคลังของประเทศ ที่จะต้องพิจารณาจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งความจำเป็นในการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาลเร่งด่วน เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทุก 5 ปี ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐได้สูงสุดมีประสิทธิภาพ โดยมี 4 หลักงานหลักที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังร่วมกันจัดทำงบประมาณประจำปีอยู่นะครับ ทั้งนี้ ต้องมีการกำหนดนโยบายงบประมาณประจำปี ประกอบด้วย ประมาณการรายได้ และยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะโลกมันเปลี่ยนแปลง
2. ประเด็นหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งเพิ่มเติมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายได้โดยตรง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ให้มากที่สุดนะครับ ไม่มีการรั่วไหล
3. ประเด็นการจำแนกงบประมาณแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ งบประมาณฟังก์ชันนะครับ คือ ตามภารกิจของหน่วยงานเดิม เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากร และการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ
งบประมาณต่อไป คือ งบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ตามนโยบายรัฐบาล เช่น ในการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านลอจิสติกส์ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์ ยาเสพติด การพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัย การยกระดับคุณภาพการศึกษา และให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็งประชารัฐ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาที่ต้องนำสู่การผลิตและจำหน่าย และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล เหล่านี้เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น
นอกจากนั้นก็คือ งบประมาณที่ 3 คือ งบประมาณบูรณาการเชิงพื้นที่ Area based ที่ว่าของจังหวัด กลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจำเป็นต้องปรับจากแผนงานเดิม ที่ผ่านมาเราทำมาตลอด บางอย่างก็ทำเสร็จแล้ว บางอย่างก็ยังทำไม่เสร็จ แต่พื้นที่มันเปลี่ยนแปลงไปแล้วไง อาจจะเคยทำถนน มันอาจจะต้องเป็นยกระดับ มันอาจจะต้องเป็นทางข้าม ทางลอดเหล่านี้ มันต้องปรับให้ทันสถานการณ์ วันนี้รถมันติด การจราจรแออัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล ในช่วงวันทำงานก็ตาม
งบต่อไปคือ งบกลาง ทั้งนี้ มีไว้เพื่อให้เกิดความอ่อนตัว ในการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น เป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน ภัยแล้ง ภัยภิบัติอะไรต่างก็แล้วแต่ หรือเหตุการณ์สำคัญที่จำเป็น ตลอดจนงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ ทั้งนี้สามารถโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหล่านี้ได้ข้ามหน่วยงาน จากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานได้ ภายใต้แผนงานบูรณาการเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การบริหารราชการมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับหน่วยงาน โครงการที่มีความพร้อมจะได้ไม่เสียโอกาสนะครับ
ส่วนที่ 2 คือ การปฏิรูปการจัดทำงบประมาณควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมานั้นมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายทั้งหมด แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้ มีผลการเบิกจ่ายร้อยละ 92.35 จากในปีงบประมาณ 58 เป็นร้อยละ 94.29 ในปีงบประมาณ 59 ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณ 56 และ 57 ที่ผ่านมาในการใช้จ่ายงบประมาณ โดยมีการกำหนดให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณจะต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า การดำเนินการต้องเป็นไปตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งระบบเก่า ระบบใหม่อะไรก็แล้วแต่ มีการตรวจสอบตั้งแต่ก่อนเริ่มปีงบประมาณ 60 นี้ และปีต่อๆ ไปด้วย ถ้าเราแบบนี้ได้ มันจะทำให้เราสามารถเซ็นสัญญาได้เร็วขึ้น อาจจะทำได้ในไตรมาสแรก ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ตามลำดับ ไม่อย่างนั้นมันไปกองอยู่ไตรมาส 4 ทั้งหมด เพราะมันทำไม่ได้ ใช้เวลาในการอะไรล่ะ กว่าจะผ่านขั้นตอน อะไรอีกเยอะแยะไปหมด จาก 1 กลายเป็น 3 กลายเป็น 4 หรือไม่ก็ผูกพันเป็นปีหน้าใหม่ และอันเก่าก็เข้ามาใหม่อีก แบบนี้ไม่ได้นะครับ วิธีที่ดีทีสุดก็คือกิจกรรมที่มันร่วมกันหลายกระทรวงคิดพร้อม ๆ กัน ประชุมพร้อมกัน จะทำถนนมันเดือดร้อนใครบ้างล่ะ มหาดไทย ผังเมือง เกี่ยวกับเรื่องของการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจ 2 ข้างทาง หรือแม้แต่การจะหาที่อยู่ให้ประชาชนใหม่ หาที่ประกอบการค้าให้เขาใหม่ รวมความไปถึงรองรับเศรษฐกิจใหม่ด้วย นักลงทุนใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มันต้องคิดซะทีเดียว ไม่อย่างนั้นมันจะมาทีละกระทรวง สร้างรถไฟคือสร้างรถไฟ แล้วต้องมาแก้ปัญหา 2 ข้างทางทำประโยชน์ไม่ได้ ต้องไปเคลื่อนย้ายประชาชน อีกทีก็มาขอเร่งว่าจะดูแลเขาอย่างไร ปรากฏว่า ประชาชนไปหมดแล้ว แล้วเขาก็ร้องเรียนกันอยู่แบบนั้น
เพราะฉะนั้นนี่เป็นการยกตัวอย่างง่าย ๆ ท่านคงเข้าใจนะครับ เราจะต้องคำนึงถึงผู้ที่มีรายได้น้อยด้วย หรือผู้ที่เดือดร้อนจากการที่แล้วทำแผนพัฒนาประเทศ แต่ไม่ทำมันก็ไม่ได้ แต่ถ้าทำแล้วต้องดูแลเขา อันนั้นแหละเป็นหลักการของรัฐบาลนี้ เราจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจังให้ทันตามกรอบเวลา เบิกจ่ายให้ได้ สำหรับหน่วยงานใดที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ ในกรอบเวลาตามกฎหมาย ตามระเบียบได้ จะต้องส่งคืนงบประมาณดังกล่าว มาตั้งไว้ที่งบกลาง ไปทำอย่างอื่น หรือปรับไปให้โครงการอื่นที่สำคัญกว่า ผมจะทำตั้งแต่ปีงบประมาณ 60 คือปีนี้เป็นต้นไปนะครับ
ทั้งนี้ เพื่อจะจัดสรรให้กับภารกิจที่มีความเร่งด่วนจำเป็นมากกว่า เพื่อจะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าไม่พร้อมอย่าเสนอขึ้นมา สำหรับการปฏิรูปงบประมาณที่ได้กล่าวมานั้น มันจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ความจริงใจจากทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารตามลำดับชั้นลงมา ประธานบอร์ด บอร์ดกรรมการในรัฐวิสาหกิจจะต้องร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนปฏิรูป นโยบายรัฐบาล และแผนพัฒนาหลักอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนเกี่ยวกับด้านความมั่นคง การแก้ปัญหาภาคใต้อะไรเหล่านี้ มันจะต้องเชื่อมโยงกันให้ประสบความสำเร็จ และแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้อย่างยั่งยืน ประเทศจะมีเสถียรภาพ ไม่มีความขัดแย้ง และมีความมั่นคง เสริมสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำที่ว่าทางสังคม รายได้ไม่เท่าเทียม จะเท่ากันไม่ได้หรอกครับ ขยันมากก็ได้มาก ทุนมากก็ต้องได้มาก
เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่ประเทศที่มีการปกครองแบบอื่น นอกจากเสรีประชาธิปไตย ภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนะครับ เพราะฉะนั้นอันนี้เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรเราจะลดความเหลื่อมล้ำให้ได้มากที่สุด พัฒนาศักยภาพคน สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทุกด้านให้กับคน ให้กับประเทศเพื่อสร้างรายได้ มีการเสริมสร้างการเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่ดีพอและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เราไปทำเกษตรอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำอุตสาหกรรมด้วย แต่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องจริงจังในการตรวจสอบ ในการอนุมัติ ในการไปติดตามผลประกอบการ การปล่อยน้ำเสีย ปล่อยอากาศเป็นพิษอะไรเหล่านี้ ผมจะไล่ทั้งหมดในปีนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝนเรื่องการตรวจสอบ ถ้าบกพร่องขึ้นมา ผมจะต้องลงโทษ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ในปีที่เราจะส่งผ่านหรือเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล ให้เกิดความยั่งยืนขึ้น
นอกจากนั้น เรื่องสำคัญอีกอัน ผมได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ไปแล้ว ให้จัดทำยุทธศาสตร์ 20 ปี ของตนเองที่ว่าคือ เป็นเหมือนแผนแม่บทไปในตัวด้วย แล้วทำแผนรายปี และ 5 ปี แล้วก็เสนอไว้นะครับ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีแผนแม่บทเรื่อง รถไฟทั้งประเทศ มันจะเป็นยังไง รถไฟฟ้าทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือตามเมืองใหญ่มันจะเป็นยังไง รถรางเหล่านี้ วาดภาพ วางแผนไว้ก่อน เสร็จแล้วก็ค่อยๆ ทำไปตามนี้ ทุกคนก็ได้เห็น เมื่อเขาเห็นเขาก็มีอนาคต เขาก็วางแผนชีวิตว่าเขาจะไปลงทุนอะไร เขาจะไปเปลี่ยนอาชีพจากเกษตร ไปเป็นอย่างนี้มั้ย ไปขายของ ไปทำนี่โน่นมามั้ย ไปแปรรูปแทนได้มั้ย อะไรทำนองนี้ ถ้าไม่เห็นตรงนี้นะ เขาก็มะงุมมะงาหรา พอกันนะ ทั้งคนทำแผนกับคนจะได้ประโยชน์ เพราะมันมืดไปหมด มันไม่เห็น เพราะผมเช็ตดูแล้วมันไม่ค่อยเห็น
วันนี้ต้องทำทั้งหมด ผมสั่งไปแล้ว เป้าหมายเดือนหน้าวันที่ 15 ต้องออกแผนแม่บทมาให้ผมทั้งหมด ที่ใช้จ่ายงบประมาณทั้งสิ้น ไม่ต้องมาเขียนร่ายยาว มีแผนที่ มีระยะเวลาห้วงไหนถึงห้วงไหน ห้วงไหนจะต้องเกิดก่อน ห้วงไหนจะต้องเชื่อมต่อที่มันขาดอยู่ปัจจุบัน อะไรเร่งด่วนทำก่อนปีนี้ ไม่เกินปีหน้า ที่เหลือก็ไปทำทยอยไป อยู่ในกรอบแผนแม่บท ถ้าไม่มีตัวนี้เราก็ส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปทราบไม่ได้ว่าเราทำอะไรไปแล้ว แล้วเขาจะทำต่อหรือไม่ทำต่อก็สุดแล้วแต่เขา ประชาชนเป็นคนเลือกท่านมา รัฐบาลก็จะได้บริหารจัดการภาพรวมได้อย่างเหมาะสมประชาชนก็จะเกิดความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถ้าเราเห็นทิศทาง อนาคต ร่วมกัน มันก็จะเกิดความมั่นคงในชีวิต ในการครองตน ครองเรือน ในการประกอบอาชีพ ในการลงทุนค้าขาย อะไรก็แล้วแต่
สำหรับในเรื่อง การลงทุน ของรัฐวิสาหกิจ และเอกชน หลายฝ่ายก็ออกมาพูดว่า ทำไมในเมื่อรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่แล้วทำไมเขาไม่มาลงทุนนะ คงเป็นเพราะผมอยู่มั้ง ผมก็อยากจะกราบเรียนว่ามันหลายอย่าง เอาเฉพาะเรื่องที่มันสำคัญก่อนแล้วกัน
1. คือ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายใน และภายนอกประเทศ มีเสถียรภาพมั้ย มีความปลอดภัยมั้ย มีความสงบเรียบร้อยมั้ย น่าลงทุนมั้ย กฎระเบียบเราแก้ไขหรือยัง ทันสมัยเป็นสากลหรือเปล่า แรงจูงใจพอมั้ย ถ้าสถานการณ์ภายในสงบ เขาก็ไปดูสิว่า เขาจะมาเกิดเครือข่ายธุรกิจของเขาได้อย่างไร ไม่ใช่แค่วันที่เขาลงทุน หรือปีแรก หรือ 5 ปี เขาต้องมีแผนกำหนดเป็น 20 ปีเหมือนกัน เพราะเขาต้องมีการกู้เงินมาลงทุน เขาไม่ได้เอาเงินบริษัทมาลงทุนทีเดียวหรอก ก็กู้เงินเป็นโครงการมาแล้วก็ผ่อนชำระไป ส่วนหนึ่งก็เป็นรายได้เข้าบริษัท ไปตอบแทนนักลงทุน ผู้ถือหุ้น อะไรก็แล้วแต่ ถ้าเป็นของรัฐมันก็เป็นรายได้กลับมาที่รัฐ เพื่อจะกลับไปสู่ประชาชนในเรื่องของรัฐสวัสดิการ นั่นคืออันแรก สถานการณ์และกระบวนการในการพิจารณาการลงทุนของเขา
2. ผลประโยชน์ตอบแทนที่ต้องได้รับ ผมบอกแล้วรัฐบาลไม่ได้มัวเอาผลประโยชน์ แต่มันจำเป็นต้องมี เพราะมันต้องไปชดเชยซึ่งกันและกัน บางอันเป็นการบริการประชาชนซะเยอะ แล้วก็ขาดทุน บางอันกำไร ก็ต้องเอากำไรมาเคลียร์ให้กับขาดทุนไม่ใช่ก้อนของใครของมัน เพราะฉะนั้นในเรื่องของเอกชนเขามีบอร์ด มีกรรมการ มีผู้ถือหุ้นจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ ประชาชนเป็นหมื่นเป็นแสนคนเขาถือหุ้นอยู่ เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นไปอีกส่วนหนึ่ง แล้วก็ภาษีที่จะส่งให้กับรัฐ ต้องมองให้มันชัดเจนลงไปแบบนี้ ที่เขายังรีรออยู่บ้าง ก็คือ สถานการณ์ในประเทศของเรา เพราะว่าผมยืนยันกับเขาแล้วว่าประชาธิปไตยมาแน่ ยังไงก็ต้องเป็นประชาธิปไตย ในระยะเวลาที่กำหนด แต่จะเป็นยังไงก็ไปว่ากันเพราะประชาชน เป็นผู้กำหนด
3. อนาคตของการลงทุนระยะยาว ถ้าลงทุนมาก ๆ ไปแล้ว เขาก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงว่า ลงทุนไปแล้วจะไปขายใคร ถ้าขายไม่ออกสถานการณ์ภายนอกโลกหยุด ภายนอกประเทศของเรา หรือในประชาคมอื่นๆ เขามีปัญหาการสู้รบบ้าง เศรษฐกิจตกต่ำบ้าง เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อไง ไอ้นี่ก็ผลิตมากๆ ลงทุนมากๆ แล้วขายใคร เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งที่ต้องคิดให้รอบคอบ รัฐบาล ยืนยันว่า เราจะให้การสนับสนุนเต็มที่ เท่าที่สามารถกระทำได้โดยไม่เสียประโยชน์ของประเทศ หลายอย่างก็ต้องเพิ่มเติมให้ หลายอย่างก็ต้องยืดระยะเวลาให้ เพราะว่ามันต้องแข่งขัน ไม่งั้นไม่มีใครลงทุน แต่จะลงทุนเมื่อไหร่มันแล้วแต่ภาคธุรกิจเขา แต่ภาครัฐวิสาหกิจก็เช่นกัน การลงทุนก็ต้องให้คุ้มค่าเพื่อสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่
เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่เราเตรียมไว้วันนี้ เราสามารถที่จะผลักดันให้เกิดธุรกิจ Start Up ก็คือ SME ขั้นต้น คนเดียวก็ได้จดทะเบียนขึ้นมา แล้วตัวเองก็พัฒนาด้วยสติปัญญาของตัวเอง มีการให้บริการซักผ้า ส่งของ ซื้อของ จ่ายตลาด ดูแลบ้าน อะไรต่างๆ โทรศัพท์กดเข้าไปถ้ามีการบริการก็เรียกเขามา ก็ดูความไว้วางใจดูความปลอดภัยด้วย เรียกใครเขาเข้าในบ้าน เพราะฉะนั้นตรวจสอบซะก่อน เพราะฉะนั้นถ้าเราทำตรงนี้มา ก็จะเกิด SME 2 อันขึ้นมา อันแรกของเดิม อันใหม่คือ Start Up ก็เป็น SME แล้วขึ้นไปสู่ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ต่อไปข้างหน้า และทำอย่างไรจะเชื่อมทั้ง 2 ทาง ทั้งข้างบน ตรงกลาง ข้างล่าง มันจะเกิดเป็น 2 เท่า 3 เท่าขึ้นมา มันจะเพิ่มการจ้างงาน เพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศของเรา ผลิตของเราให้มีราคาสูงขึ้นเพื่อการค้าขายของเรากันเอง คนไทยก็จะได้ใช้ของให้มันถูกลง และอีกส่วนหนึ่งก็ส่งออกไปแข่งขันกับเขาได้ เช่น ยาง เช่น ข้าว อะไรต่างๆเหล่านี้มันต้องสร้างธุรกิจแบบนี้ขึ้นมาใหม่ หรือธุรกิจที่เกี่ยวกับการใช้สมอง ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์ในเชิงธุรกิจต่อเนื่องไปด้วย เรียกว่า ธุรกิจต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะ ทำข้าวได้ข้าว ทำยางได้ยาง ไม่ใช่ ต้องเกิดกระบวนการอีกเยอะแยะไปหมด งานมันก็สร้างมากขึ้น
การลงทุนแบบนี้ ต้องใช้เวลาใช้งบประมาณจำนวนมากมันอาจจะต้องมีการกู้เงินทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ก็ต้องดูว่าสถานการณ์เรามันดีพอหรือยัง ไม่งั้นแหล่งเงินเขาก็ไม่ให้กู้ ถ้าบ้านเมืองยังสับสนวุ่นวาย อลหม่าน ว่ากันไปว่ากันมาอยู่แบบนี้ เราต้องคำนึงถึงส่วนนี้ด้วยสถานการณ์ภายในประเทศ จำนวนหนี้ที่รัฐบาล และรัฐวิสาหกิจต้องรับผิดชอบ ว่าไปกู้มาแล้วมันคุ้มทุนหรือไม่ ถ้าทุกคนต้องการ นักลงทุนก็มากแต่ไม่มีเงินผ่อนชำระเขาจะทำอย่างไร หนี้สาธารณะมันก็สูงขึ้น บางกลุ่มก็ว่ากล่าวไปมาอาจจะด้วยบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ขอให้เข้าใจตามนี้แล้วกัน แต่ใครจะว่าผมก็ได้อยู่แล้วผมก็รับฟังหมดอยู่แล้ว แต่ก็ขอบอกว่ามีคนจำนวนมาก นักธุรกิจจำนวนมากสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ เพราะเราเองเป็นประเทศที่ทำการค้าแบบเสรี เขาต้องมีกระบวนการวิธีคิด อย่าคิดเอง คำนึงถึงผลกำไรบ้าง ผลประโยชน์บ้างเพื่อคำนวณความคุ้มค่าบ้าง ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคล บุคคล และก็ผู้ถือหุ้นทั้งหมด
เรื่องระบบเศรษฐกิจใหม่ ผมพูดมาหลายครั้งแล้ว New S Curve และ S Curve เดิม 5 อย่างเก่า 5 อย่างใหม่ 5 อย่างเก่าทำให้พัฒนาให้มากขึ้นไปสู่ความทันสมัยให้มากขึ้น เพราะวันหน้าแรงงานมันอาจจะลดลงมันจะไปเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น มันก็ต้องเปลี่ยนเครื่องจักรไปทำนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มันดึงดูดใจไปแข่งขันกับเขาได้ ไม่ใช่มีแต่ของเดิม ๆ มันทำไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นนี่คือของเก่าพูดง่ายๆ ไอ้ของใหม่ที่ผมพูดเมื่อสักครู่ มี Start Up SME มีขนาดกลาง ขนาดใหญ่ มันต้องสร้างเถ้าแก่ขึ้นมาใหม่อีก
เพราะฉะนั้นการจ้างงานมันก็จะเป็น 2 เท่า 3 เท่า หรืออาจจะจ้างงานลดลง แต่เป็นการสร้างธุรกิจเชื่อมโยงทางดิจิทัล ทางค้าขาย E-Commerce บ้างอะไรบ้าง การเงินการคลังการธนาคารแบบใหม่ เหมือนที่ต่างประเทศเขาทำที่เรียกว่า ฟินเท็ก ลองไปดูก็แล้วกัน เราต้องปรับกฎระบบกฎหมายต่างๆ ให้เป็นสากลตั้งแต่วันนี้ ก็เพียงแต่ว่าขอความเข้าใจ แน่นอนมันมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกเยอะ เพราะถ้าเราคิดใหม่ทำใหม่มันต้องมีความแตกต่างทางความคิด แต่ผมว่าอดทนนะ แต่อยากให้ทุกคนที่พอจะเข้าใจหรือเข้าใจมากก็ช่วยกันอธิบายหน่อยก็แล้วกัน มันอยู่ที่เดิมไม่ได้อยู่แล้วถ้าทำแบบเดิมก็อยู่ที่เดิม
เราจะต้องสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้รองรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมาใหม่ให้ได้มันจะเป็นแรงจูงใจให้เขามาลงทุนอย่างที่ว่า ไม่ว่าจะถนน เส้นทาง ทางรถไฟ รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง มันเพื่ออนาคตทั้งสิ้น เราไปรอวันหน้าไม่ได้หรอก เราค่อย ๆ ทำค่อย ๆ ผ่อนชำระไปตามแผนแม่บทที่จำเป็นที่จะต้องออกมาก่อน ถ้าเรามีระบบโลจิสติกส์ขนส่งที่มีความสะดวกรวดเร็ว มันก็สะดวกต่อการลงทุน ต้นทุนมันก็ลดลง เขาก็มีกำไรอย่างนี้ก็เป็นแรงจูงใจให้เขามาอีกอย่างหนึ่งด้วย
เขาจะได้จ้างงานเราเพิ่มขึ้น คนของเราจะต้องเตรียมพร้อมในการจ้างงาน มีความรู้ มีความสามารถ เป็นหัวหน้างานได้ เป็นช่างเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราจะทำแผนแม่บทให้ทั้งหมด อย่าง วิศวกรรถไฟ รถไฟฟ้า การเชื่อม ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เทคนิเชียน เหล่านี้มันต้องการมากขึ้นแน่นอนและเราก็ต้องไปจ้างคนอื่นมาและก็ลำบากมันต้องพี่งเขาตลอดไป เร่งกันตั้งแต่วันนี้ หลายหน่วยงานก็รับไปแล้วก็คิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา วิจัยใหม่พัฒนาขึ้นมามันจะได้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งในทุกระบบในธุรกิจที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ประชาชน เกษตรกร แล้วก็สายการผลิต แปรรูปไปสู่ตลาด รายได้มากขึ้นทั้งหมดนั้นแหละ เราจำเป็นต้องสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ เมื่อมีรายได้มากขึ้น รัฐก็มีรายได้มากขึ้นจากการเก็บภาษีในเวลาที่สมควร การช่วยเหลือดูแลการปฏิบัติงานของรัฐ เงินเดือนของข้าราชการมันก็สูงขึ้นไปทั้งหมด ถ้าไม่มีเงินมันก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมดจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรื่องใดก็ตามที่หากเราใช้เงินไปในทางช่วยเหลือตลอดเวลา หรือเรียกว่า subsidize อะไรที่ว่า มันก็หมดไปก็ไม่เกิดมูลค่า เป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนชั่วคราวแต่ยั่งยืนมันไม่เกิดแน่นอน มันต้องทำพร้อมกัน เราต้องทำทั้งช่วยเหลือไปด้วยแล้วก็ประชาชนต้องแก้ไขตัวเองช่วยเหลือตัวเองอย่าไปสร้างหนี้เพิ่ม หรือปรับปรุงเทคนิคหน่อยนึง ใช้น้ำให้น้อยลง ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยลงมันก็จะดีขึ้นทั้งหมด ทำ 2 อย่างพร้อมกัน อย่ารอการช่วยเหลืออย่างเดียวเลย เงินอุดหนุนมันมากไปเราก็เดือดร้อน หรือประชานิยมที่ผิดๆอย่างเดียวมันก็เดือดร้อนอีก ปัญหาก็เกิดขึ้นมาแล้ว ระบบการแข่งขันเสียหายเราจะทำอย่างไร ประเทศก็จะล้มเหลว บางประเทศในโลกนี้ก็เกิดขึ้นมาแล้วเห็นอยู่ในข่าวโทรทัศน์
การบังคับใช้กฎหมาย ผมก็อยากจะเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็น กฎหมายปกติ และกฎหมายพิเศษอะไรก็ตาม อย่ามองว่าเป็นการผมอยากจะบังคับผู้คนหรืออยากจะมีอำนาจในการใช้กฎหมายไปทำร้ายคนหรือไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมก็รับฟังหลักการของโลกหลักการของอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมต้องมาปรับให้มันสอดคล้องกับประเทศของเราด้วย วันนี้อยากให้ประชาชนทุกคนคำนึงถึงบ้านเมืองกันด้วย ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ใด ความขัดแย้งยังมีอยู่หรือไม่ มีผู้มีเจตนาไม่บริสุทธ์อยู่หรือไม่ ขณะเดียวกัน มีคนที่หวังดีอยากให้บ้านเมืองสงบสุข อยากให้มีการปฏิรูปอยากให้ผมทำงานมีจำนวนอีกเท่าไร ไม่งั้น 2 พวกนี้ตีกันทั้งคู่ ผมก็ขอบคุณทั้งคู่นะที่สงบสุขกันไปได้เยอะแล้ว อย่าเกิดขึ้นอีกเลย ขอบคุณทั้ง 2 ฝ่ายนะ
รัฐบาล และ คสช. ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้ง ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีก เราก็จะฟื้นฟูประเทศไม่ได้ ปฏิรูปประเทศไม่ได้ เรื่องกรณีหากมีการเคลื่อนไหวของชาวต่างประเทศคนใดในประเทศไทยในการที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศอื่น ๆ เขา มันเป็นหลักการของอาเซียน ว่าเราจะไม่ให้ดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนเป็นที่เคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านประเทศอื่นๆ ในประเทศของพวกเรา อันนี้หลักการสำคัญ ขอให้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไรหรอก เดี๋ยวกลัวเขาจะมาพูดอะไรให้มันเสียหาย วันนี้มันเสียหายไม่พอหรือไง ประเทศมันก็พออยู่แล้วล่ะนะ คนของเราก็พูดกันเพียงพอแล้วนะที่มันมีปัญหาอยู่เนี่ย เอาคนอื่นเขามาพูดอีก แล้วไปว่าประเทศอื่นเขาไปอีก ยิ่งไปกันใหญ่ ความน่าเชื่อถือของเรามันก็หมดไป ผมก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนี้เองนะ
ในส่วนตัวของผม วันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมกล่าวไปแล้วเมื่อกี้ ขอโทษนะครับ ขอโทษประชาชนทุกคน อาจจะหงุดหงิดอยู่บ้าง อะไรบ้าง สังคมก็ไม่ชอบ ผมก็ไม่อยากจะแก้ตัวนะ แต่ก็ขอชี้แจงว่าผมไม่ได้มีเจตนาจะปิดบัง ใจผมมีแต่ทำงานทุกวัน เพราะฉะนั้นเมื่อมีเรื่องอะไรเข้ามา ผมก็ต้องให้หน่วยงานเขาตรวจสอบ ทีนี้พอเร่งรัดมากๆ ผมตอบไม่ได้ เพราะมันยังไม่ได้ตรวจสอบ ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วท่านก็ถามผมตลอดเวลา ถามแทบจะรายชั่วโมง แต่ยังไงท่านก็คงไม่ผิด ผมผิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วยนะครับ ทั้งในสื่อโซเชียล เมื่อมีข้อเท็จจริงออกมาแล้ว ตรวจสอบแล้ว มันไม่พบ ก็กรุณาชี้แจงให้เขาด้วย ให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย อย่าไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนที่ทำความผิดมากนักเลย ถ้าไม่ผิดมันก็ไม่มีเรื่องหรอกมั้ง คำว่ามีเรื่อง ในกระบวนการยุติธรรมก็คือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไง แต่ถ้าพูดกันไปพูดกันมา มันยังไม่เข้า ก็คือไม่เข้า ถ้าเข้าแล้ว ตรวจสอบแล้ว มันก็จบ เรื่องดีๆ หลายเรื่องเกิดขึ้น ลืมหมดแล้วหรือยัง วันนี้บ้านเมืองสงบสุข ทุกคนก็พอใจ วันนี้จะเริ่มขัดแย้งกันอีกแล้ว อย่าเลยนะครับ แยกกันให้ออก อย่ายึดไปโยงมา ประชาชนเขาสับสน ช่วยกันคิดดูนะครับ หลาย ๆ คดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ทั้งที่เป็นคนไทยทั้งคู่ พอผลตรวจสอบออกมาก็ไม่เชื่อ ไม่ยอมรับ ไม่เป็นธรรม แต่เวลาพวกเดียวกันแล้วคดีที่เห็นชัดว่ามันผิดแล้วมันหลุด ทำไมไม่บ่นล่ะ มันก็ศาลเดียวกันนั่นล่ะ ให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง เจ้าหน้าที่จะได้สบายใจ ผมยังไม่เคยไปกล่าวหากระบวนการยุติธรรมเลย ฉะนั้น เจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม เพราะหลายคนก็เป็นข้าราชการด้วย เพราะฉะนั้นกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม จะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเป็นธรรม คำว่าเป็นธรรมไม่ใช่หมายความว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีอำนาจมากกว่า ผมไม่ผิด คงไม่ใช่นะ ไปตรวจสอบมานะ อันไหนตรวจสอบได้ก็ตรวจสอบไป พิจารณาด้วยพยาน วัตถุพยาน หลักฐาน วันนี้เราชอบใช้ความรู้สึกมาก่อน ใครเขียนก่อน เชื่อก่อน ใครพูดก่อน เชื่อก่อน ไอ้คนที่เขาทำตามมา ก็ไม่อ่านแล้ว พอแล้ว ตัดทิ้งไปแล้ว นี่นะครับ สิ่งดีๆ มันหายไปมากมาย ทุกคน หลายคนก็ไม่กล้าจะทำ ก็เพียงแต่ว่าชี้แจงหน่อยได้มั้ย มันเป็นยังไง มันถูกผิดตรงไหน ถ้าไม่พอใจก็ไปเข้ากระบวนการยุติธรรม มันก็แค่นี้ล่ะ มันก็จบทุกเรื่อง ผมก็ไม่ต้องมาตอบคำถามท่านทุกวัน ให้มันเหน็ดเหนื่อยทำไม ไม่อยากให้ประโคมข่าวกันไป ๆ มา ๆ ก่อนที่จะเข้ากระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นมันทำไม่ได้ ต้องช่วยกันแก้ไข ฟังเหตุฟังผล อย่าขยายความไปเร็วนัก แล้วตัดสินออกมา ไม่ยอมรับอีก จะอยู่กันยังไงล่ะครับ กติกาบ้านเมืองอยู่ตรงไหน
หลายอย่างนะครับ ข้าราชการเขาก็มีความผิดของเขา ผิดวินัยก็มี ผิดวินัย ภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง ไล่ออก ปลดออก เขามีตั้งหลายอย่าง แต่ละคดีก็มีผิดมาก ผิดน้อย อะไรต่าง ๆ ไม่ใช่เหมาเข่งทั้งหมด ผิดรวดเลย มันก็ไม่ใช่อีกนะ ผมพูดด้วยข้อกฎหมายนะครับ ไม่ใช่แก้ตัวทั้งสิ้น เพราะผมก็อยู่ในกระบวนการนี้ด้วย บางอย่างอาจจะไม่เหมาะสมบ้าง บางอย่างอาจจะผิดร้ายแรง บางอย่างผิดอาญา ผิดแพ่ง ก็ไปฟ้องกันมา ในกระบวนการ บ้านเมืองก็ไม่วุ่นวาย ขอให้เคารพกฎหมายนะครับ
อย่างไรก็ตาม ผมก็ขอถือโอกาสนี้ขอโทษสื่อ สังคม ประชาชนด้วยนะครับ กับการแสดงออกของผมที่ไม่เหมาะสมบางเวลา ต่อไปผมก็จะพยายามระมัดระวังตัวให้มากที่สุด ก็ให้สื่อมวลชนไปติดตามข่าวเอาเองนะครับ จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่งั้นท่านไม่ฟังคนอื่นเลย ท่านมาฟังจากผม พอผมโมโห อารมณ์เสีย ก็กลายเป็นว่าผมไม่ลงกับท่านอีก ผมบอกให้ท่านไปถามคนอื่นเขา ที่เขาเกี่ยวข้อง ผมก็ตอบในหลักการเท่านั้นเอง ผมจะพูดในเชิงนโยบาย ผลงาน ปัญหา ของการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะผมไม่ได้ทำงานคนเดียว ทุกคนก็ทำด้วย รักผมก็ต้องรักคนอื่น ถ้าเกลียดผมก็รักคนอื่น เกลียดผมคนเดียว ไม่เป็นไร
ก็อยากจะกราบเรียนอย่างนี้เท่านั้นนะครับ การเรียนรู้ประชาชนเพื่ออนาคตของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ หากมีแต่คนที่ยังสร้างความสับสน ไร้หลักการ มองทุกทางออกมีแต่ปัญหา จับผิดจับถูก แล้วก็ไม่ช่วยแนะนำ ไม่เคยหาทางออกให้แก้ปัญหาได้ ต้องการเอาชนะ - แพ้กันอย่างเดียว แล้วรัฐบาลประเทศชาติแพ้ประชาชนตายบาดเจ็บสูญเสีย ยากจน ไม่สนใจ ไม่มองอนาคต ไม่มองให้มันไกล คิดให้ไกลมองให้ไกล แล้วทำให้มันไกลๆ ด้วย อยากมองแต่ส่วนตน มองภาพรวมเหมือนรัฐบาล หรือผมกำลังมองอยู่วันนี้คือดูแลทุกคน ทุกกลุ่ม ทั้ง 70 ล้านคน ให้มีความสุข มากบ้างน้อยบ้างตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ต้องทำยังไงให้มันสูงขึ้น ให้มันเร็วขึ้น รัฐบาลต้องการสร้างความยั่งยืน ไม่ต้องการดำเนินนโยบายสาธารณะ หรือเป็นคะแนนเสียงที่ทุกคนต้องมารักผมทั้งประเทศ คงไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมหวังแต่เพียงให้ประเทศชาติมันดีขึ้น ในวันนี้และวันหน้า ต่อ ๆ ไป จากรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ไม่อยากสร้างหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนก็กำลังสำรวจอยู่ว่าจะช่วยยังไง จะบรรเทาหนี้ยังไง จะยกหนี้ก็คงไม่ได้ จะบรรเทากันได้อย่างไรนะครับ แล้วก็มาดูว่าหนี้ที่มีอยู่เป็นหนี้อะไร หนี้ที่เกิดจากความจำเป็น หรือเป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว หรือหนี้ที่ไม่มีมูลค่า ซื้อรถซื้อรา ซื้อบ้าน อะไรเหล่านี้ มันก็คือหนี้ทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าเอาตัวเลขทั้งหมดมารวม หนี้คือหนี้ครัวเรือน มันดูเหมือนว่าหนักหนาสาหัสกว่า 70% เมืองนอกเขาเป็นหนี้ครัวเรือนกันตั้ง 90% มั้ง แต่ของเขามีมูลค่าไง ไอ้ของเราไปดูซิมูลค่ามีจริงหรือเปล่า บางทีมันก็ไปซื้อของที่ไม่จำเป็นมาแล้วก็ไปผ่อนชำระเขา นั่นแหละคือที่เรียกว่าหนี้ครัวเรือนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีมูลค่า ไม่ก่อให้เกิดรายได้ มันก็เป็นปัญหาถาวร แล้วก็รัฐบาลเข้ามาช่วยๆ เอาเงินอุดเข้าไป เอาเงินยกหนี้เข้าไป แล้วเงินมันก็ไปหมด อย่างที่ผมพูดไปทั้งหมดมันไม่เกิดทั้งสิ้น เราก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันนะครับถ้าเราไม่มีความรู้
ภาพถนนน้ำขังที่แม่ระมาด จังหวัดตาก ได้ดำเนินการแก้ไขไปแล้ว ใช้เวลาซ่อมแซม 3 วัน พอรู้เรื่องก็ซ่อม 3 วันก็เสร็จแล้ว ขออย่าให้ใช้วิธีการเหล่านี้อีกต่อไปเลยนะครับ ผมรับฟังเสมอ ผมย้ำไปแล้วว่าศูนย์ดำรงธรรมจะต้องเป็นผู้ที่อย่าให้เรื่องเหล่านี้มันหลุดมาถึงรัฐบาล เป็นเรื่องที่มันแก้ง่ายนิดเดียว ปรับงบประมาณ หลายๆ อย่างมันทำได้อยู่แล้ว ทำไม่ได้รัฐบาลก็ขอขึ้นมา มหาดไทยก็พร้อมที่จะให้ใช้งบท้องถิ่น งบสะสมได้ อะไรได้ แต่ท่านไม่ทำกัน ชาวบ้านเขาเดือดร้อนก็ไปร้องเรียน ก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมดนะครับ สองประเด็น เรื่องนี้ก็คือ เป็นแบบอย่างนะครับ อยากจะให้เรียนรู้ว่าถนนทั่วประเทศมี 3 หน่วยงานหลักรับผิดชอบ อันแรกคือ กรมทางหลวง รับผิดชอบทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงสัมปทาน รวมเกือบ 7 หมื่นกิโลเมตร
สำหรับกรมทางหลวงชนบท รับผิดชอบทางหลวงชนบท รวมเกือบ 5 หมื่นกิโลเมตร ในกรณีที่เกิดขึ้นที่แม่ระมาดเป็นทางหลวงท้องถิ่น ซึ่งมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก ส่วนท้องถิ่นจังหวัดตาก ดูแล ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในพื้นที่ มีงบประมาณเป็นของตนเอง อาจจะพอหรือไม่พอ ผมไม่ทราบ คงมี แต่เห็นอ้างว่าไม่พอ แต่ท่านต้องไปจัดลำดับความสำคัญการใช้จ่ายงบประมาณของท่านที่มีอยู่แล้วเดิม อะไรมันลำบากก่อน แก้ก่อน ทำให้ก่อน ไม่ใช้ไปทำของใหม่ ของเก่าก็ยังไม่สมบูรณ์ ไปปรับแค่นั้นเอง ตามความต้องการของท้องถิ่น เดี๋ยววันหน้าเราก็ทำงบประมาณให้ท่านใหม่อยู่แล้ว
ขอขอบคุณ อบจ.ตาก ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็เร่งรัดดำเนินการซ่อมแซ่มโดยทันที ผมก็ได้สั่งการลงไป จริง ๆ ไม่ต้องน่าจะถึง แค่ข้างล่างก็จบแล้ว ปัญหาก็คือทุกคนไม่กล้าตอบ ไม่กล้าไปดูแล เพราะมันเกี่ยวกับงบประมาณ ก็ อบจ.นั่นแหละที่ต้องแก้ตั้งแต่ต้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็ไปขอผู้ว่าฯ ขอนายอำเภอ ไม่พอก็ขอขึ้นมาถึงรัฐบาล ถึงผม ถึงรัฐมนตรี ก็จบแล้ว
เรื่องการเป็นหูเป็นตาของประชาชน ผมขอบคุณนะครับที่ทุกคนติดตามการทำงานของรัฐบาล อะไรที่มันถูกที่มันผิด แต่ก็ขอให้ตรวจสอบด้วยนะครับว่ามันมีข้อมูลจริงๆ หรือไม่ ไม่งั้นมันจะป้ายกันไปป้ายกันมา ทั้ง ๆ ที่หลายอย่างมันเป็นเรื่องของหลักการ เรื่องของเหตุผล เรื่องของระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ มันใช้ความรู้สึกมากไม่ได้หรอกนะครับ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนได้เข้ากลไกการร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดำรงธรรม ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง ให้ทุกคนได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ไปดูว่าจะคุยกับใคร แจ้งกับใคร ที่ไหน ไม่ใช่ว่าไปพูดลอย ๆ แล้วเขาไม่มาทำสักที แล้วก็ออกสื่อ มันก็บานปลายไปทั้งหมด แต่ผมยินดีรับฟังแก้ไขนะครับ
สุดท้ายนี้ หลายคนก็บอกว่า มีทั้งอยากให้ผมท้อแท้ กับบางคนก็ไม่อยากให้ผมท้อแท้ ผมไม่เคยคิดท้อแท้หรือยอมแพ้อะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสรรคต่าง ๆ ในการทำงาน ไม่ใช่แพ้คน ชนะคน ไม่ใช่ ไม่ยอมแพ้อุปสรรคเพราะชีวิตผมมาอย่างนั้น วันนี้ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันกับผมว่าเราอยู่กันตรงไหน เรากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังทำอะไรเพื่อวันนี้ วันหน้า ทุกคนจะได้ประโยชน์อะไรวันนี้อย่างไร วันหน้าอย่างไร ประเทศชาติจะมั่นคง มั่งคั่ง และแข็งแรงอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
สิ่งที่รัฐบาล และ คสช. ทำทั้งเขียนกฎระเบียบ คำสั่ง ที่ผ่านมา ทั้งพิเศษหรือไม่พิเศษก็ตาม เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกอยู่ในที่เรียกว่าทศวรรษที่หายไป ว่างเปล่า เหมือนประเทศไทยที่ไม่มีตัวตน 10 ปีที่ผ่านมา เพราะมันทะเลาะ ขัดแย้งมากมาย การพัฒนาเดินหน้าไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย นั่นล่ะเขาเรียกว่า ทศวรรษที่หายไป ไร้ค่า ปลอดจากการพัฒนา อ่อนแอ ขัดแย้ง ผมก็ไม่ยอมที่จะให้ทุกอย่างกลับไปเป็นอย่างเดิม แต่ทั้งนี้ผมทำคนเดียวไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะร่วมทำกับผมมั้ย ถ้าไม่ร่วมทำกับผมก็รอรัฐบาลหน้า ไปร่วมกับรัฐบาลต่อไปก็แล้วกัน ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่อยากให้ทุกอย่างมันกลับมาทำร้ายประเทศชาติอีกต่อไป ขอให้ทุกคนร่วมมือกันนะครับ ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ มีความสุขกันเสาร์ อาทิตย์นะครับ
อาทิตย์นี้อย่าลืมมีการประชุม ACD เป็นเรื่องสำคัญนะครับผมไม่เห็นเป็นข่าวอะไรเท่าไหร่เลย ให้ทุกสื่อช่วยกันกระจายข่าวเรื่องนี้ด้วยนะครับ ประชุม ACD เริ่มตั้งแต่เดินทางเข้ามาวันที่ 8 ถึงวันที่ 11 มีหลายเรื่อง ก็คือเราจะทำอย่างไรให้กลุ่มประเทศ ACD ทั้ง 34 ประเทศ วันนี้ไทยเราเป็นผู้นำการประชุมครั้งที่ 2 เป็นการประชุมที่มีความสำคัญในระดับเอเชีย ว่าเราจะหาศักยภาพกันให้เจอแล้วก็ขับเคลื่อนไปสู่ประชาคมอื่นๆ ด้วย แล้วก็พัฒนาตัวเราเองด้วยในทุกมิติ เราจะไม่หารือกันในเรื่องความขัดแย้ง หารือกันในเรื่องความร่วมมือเท่านั้น
ขอให้ทุกคนเข้าใจ ระมัดระวังการเดินทางในเส้นทางดังกล่าวด้วย มันต้องมีการ รปภ. รักษาความปลอดภัย อย่าบ่นเราเลยนะครับ มันจำเป็น เป็นเวทีโลกแล้วก็เขาให้เกียรติมาประชุมร่วมกับประเทศไทย ให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี ทำบ้านเรือนให้สะอาด ทำถนนให้ไม่รกรุงรัง แล้วก็ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศที่มาอยู่ในประเทศไทยจำนวนมากในขณะนั้นด้วย ขอร้องอย่าทำร้ายประเทศชาติอีกเลยสำหรับคนไม่ดีที่คิดจะทำ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ