รมว.เกษตรฯ เผยพื้นที่ตอนบนไม่ต้องกังวลสถานการณ์น้ำ แต่ตรงกลางยังมีปัญหา เร่งระบายน้ำออกไปก่อน ชี้ฝนยังไม่หยุดกักเก็บน้ำอาจเสียหายได้ ย้ำไม่มีทางซ้ำรอยปี 54 ไม่ต้องกลัว แจงภาคการเกษตรเสียหายไม่มาก ชดเชยตามระเบียบ
วันนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า ในพื้นที่ตอนบนของประเทศไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเขื่อนที่อยู่ตอนบนและตอนกลางของประเทศยังสามารถเก็บกักน้ำได้อีกจำนวนมาก ซึ่งในเวลานี้ยังมีร่องมรสุมที่พาดผ่านตรงกลางของประเทศยังทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำอยู่ โดยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำได้พูดคุยและได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและกรมอุตุนิยมวิทยาในการทำงานร่วมกัน โดยหลักการเราจะพยายามระบายน้ำออกไปก่อนเพื่อลดภาระการกักเก็บน้ำ ส่วนกระแสที่มีคำแนะนำให้กักเก็บน้ำที่เอ่อล้นไปเก็บในทุ่งนั้น ต้องเรียนว่าขณะนี้ฝนยังไม่หมด หากกักเก็บน้ำเร็วและฝนตกลงมาอีกก็จะทำให้เกิดความเสียหายได้ ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการระบายน้ำออกไปสู่ทะเลให้เร็วที่สุดโดยใช้ระบบการบังคับการบริหารจัดการตามลำน้ำขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์นี้ฝนยังคงตกหนักอยู่จึงต้องหาวิธีระบายให้เร็วที่สุด สำหรับพื้นที่ทางด้านตะวันออกของประเทศ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีขีดความสามารถในการกักเก็บน้ำค่อนข้างสูงก็จะต้องมีการระบาย ซึ่งจะมีการพูดคุยกับทุกหน่วยงาน
เมื่อถามว่าสถานการณ์น้ำขนาดนี้จะไม่เป็นเหมือนปี 2554 ใช่หรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า “ยังไงก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ น้ำในเขื่อนเจ้าพระยาขนาดนี้มีอยู่ 1,700 ลบ.ม. ซึ่งปี 2554 มีน้ำในเขื่อนเกือบ 3,000 ลบ.ม. ยังห่างอีกเยอะ ไม่ต้องกังวล เพราะนี่เป็นเพียงฝนตกขังในที่ลุ่มต่ำและรอระบาย พื้นที่ในเมืองก็รอระบายออกเท่านั้นเอง” เมื่อถามว่าหากน้ำท่วมในพื้นที่การเกษตรจะสามารถระบายออกได้ภายในกี่วัน พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า วันนี้พยายามเร่งดำเนินการอยู่ และเท่าที่ได้รับข้อมูลความเสียหายในภาคการเกษตรยังไม่มาก โดยตัวเลขของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ความเสียหายอยู่ที่ 5-6 หมื่นไร่ กระจายในพื้นที่ 10 จังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินงาน สำหรับการชดเชยความเสียหายก็เป็นไปตามมาตรการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะเข้าไปดูเพิ่มเติม