ทนายบริษัท ซิงตั๊ก กรุ๊ป ยื่นหนังสือ “ประยุทธ์” จี้เอาผิดปลอมปนข้าวในโกดัง หลังประมูลปี 56-57 กว่า 500 ล้าน เผยข้าวสวมสิทธิ์เพียบ ปูดคนใกล้ชิด “ยิ่งลักษณ์” ติดต่อขอเคลียร์ แต่บริษัทไม่ตกลง พร้อมเดินหน้าสาวไส้โกงจำนำข้าวต่อ
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน (สำนักงาน ก.พ.) นายจงรักษ์ เหล็งหนูดำ ทนายความบริษัท ซิงตั๊ก กรุ๊ป จำกัด เดินยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับการตรวจสอบการคัดแยกพันธุ์ข้าว โดยนายจงรักษ์ ระบุว่า บริษัทฯ ได้ประมูลซื้อข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จากองค์การคลังสินค้าปีการผลิต 2556/2557 จำนวน 39,000 กว่าตัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท แต่พบว่ามีข้าวเหนียวขาว 10% อยู่ 20 กระสอบ ที่เหลือเป็นข้าวเสียที่ปลอมปนทั้งหมดซึ่งมีการอำพรางโดยนำมีข้าวเหนียวขาวล้อมรอบด้านบนและด้านข้าง จากการที่ทางบริษัทและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดำเนินการคัดแยก คาดว่ามีข้าวที่รับซื้อจากการสวมสิทธิ์จากต่างประเทศอยู่มาก ทั้งนี้ เมื่อทางบริษัทตรวจสอบแล้วว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดก็มีเจ้าของโรงสีมาเจรจาขอซื้อข้าวคืนและชดใช้ความเสียหายให้ แต่ทางบริษัทไม่ยอมเพราะถือว่าผิดกฎหมายและจะเข้าทางผู้ที่ทุจริตและเชื่อว่าเรื่องนี้มีการทำมาเป็นกระบวนการ
“ในระหว่างการคัดแยกข้าวได้มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนจากโรงสีเพื่อขอเจรจาซื้อข้าวในคลังสินค้าคืนทั้งหมด หรือขอชดใช้ความเสียหายให้แก่บริษัทฯ บางส่วน และขอให้บริษัทยุติเรื่องทั้งหมด แต่บริษัทไม่ตกลงด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งมีความใกล้ชิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาขอเจรจาแต่ทางบริษัทไม่ตกลง” นายจงรักษ์กล่าว
นายจงรักษ์กล่าวว่า บริษัทฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการปนปลอมข้าวทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน จากนั้นจะนำข้อมูลต่างๆ มาเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์ต่อการทำคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งในวงการค้าข้าวในประเทศไทยนั้นผู้ค้าส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกันเกือบทั้งหมด ทำให้ทราบได้ว่าการกระทำความผิดในคดีนี้ทำเป็นขบวนการใหญ่ และผู้กระทำล้วนมีอิทธิพลทางด้านการเงิน กำลังคน และนักการเมืองหนุนหลัง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถปราบทุจริตและประพฤติไม่ชอบทั้งในภาครัฐและเอกชนได้
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน (สำนักงาน ก.พ.) นายจงรักษ์ เหล็งหนูดำ ทนายความบริษัท ซิงตั๊ก กรุ๊ป จำกัด เดินยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับการตรวจสอบการคัดแยกพันธุ์ข้าว โดยนายจงรักษ์ ระบุว่า บริษัทฯ ได้ประมูลซื้อข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จากองค์การคลังสินค้าปีการผลิต 2556/2557 จำนวน 39,000 กว่าตัน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท แต่พบว่ามีข้าวเหนียวขาว 10% อยู่ 20 กระสอบ ที่เหลือเป็นข้าวเสียที่ปลอมปนทั้งหมดซึ่งมีการอำพรางโดยนำมีข้าวเหนียวขาวล้อมรอบด้านบนและด้านข้าง จากการที่ทางบริษัทและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดำเนินการคัดแยก คาดว่ามีข้าวที่รับซื้อจากการสวมสิทธิ์จากต่างประเทศอยู่มาก ทั้งนี้ เมื่อทางบริษัทตรวจสอบแล้วว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดก็มีเจ้าของโรงสีมาเจรจาขอซื้อข้าวคืนและชดใช้ความเสียหายให้ แต่ทางบริษัทไม่ยอมเพราะถือว่าผิดกฎหมายและจะเข้าทางผู้ที่ทุจริตและเชื่อว่าเรื่องนี้มีการทำมาเป็นกระบวนการ
“ในระหว่างการคัดแยกข้าวได้มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนจากโรงสีเพื่อขอเจรจาซื้อข้าวในคลังสินค้าคืนทั้งหมด หรือขอชดใช้ความเสียหายให้แก่บริษัทฯ บางส่วน และขอให้บริษัทยุติเรื่องทั้งหมด แต่บริษัทไม่ตกลงด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งมีความใกล้ชิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาขอเจรจาแต่ทางบริษัทไม่ตกลง” นายจงรักษ์กล่าว
นายจงรักษ์กล่าวว่า บริษัทฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการปนปลอมข้าวทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน จากนั้นจะนำข้อมูลต่างๆ มาเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์ต่อการทำคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งในวงการค้าข้าวในประเทศไทยนั้นผู้ค้าส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกันเกือบทั้งหมด ทำให้ทราบได้ว่าการกระทำความผิดในคดีนี้ทำเป็นขบวนการใหญ่ และผู้กระทำล้วนมีอิทธิพลทางด้านการเงิน กำลังคน และนักการเมืองหนุนหลัง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถปราบทุจริตและประพฤติไม่ชอบทั้งในภาครัฐและเอกชนได้