ในช่วงนี้เรื่องการปรับ ครม. เป็นข่าวที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ในการสร้างประเทศให้เป็นประเทศดิจิตอลให้ทันประเทศอื่น
ในอดีตผลกระทบด้านเทคโนโลยี ถือว่ายังไม่มีผลกระทบที่รุนแรง เหมือนกับที่กำลังจะเกิดขึ้นในปัจจุบัน การเมืองในอดีตจึงให้ความสำคัญกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นกระทรวงที่ไม่ใช่กระทรวงเกรดเอแต่อย่างใด จะตั้งพยาบาล หมอ อาจารย์ เด็กฝากก็ว่ากันไป
จนเป็นผลให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไม่สามารถตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ต้องมาเร่งให้กระทรวงไอซีที ในยุค 'อุตตม สาวนายน' สร้างระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงถึงทุกหมู่บ้านให้ทันกับโครงการต่างๆ ของกระทรวงอื่นๆ ที่ต้องมาต่อยอดกับโครงการนี้ เพื่อให้บรรลุถึง Thailand4.0 แต่อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวก็ต้องชะงักและล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ ไม่เป็นไปตามแผนด้วยเหตุผลสารพัดความวุ่นวายในกระทรวงไอซีทีเอง
ใน ยุคนี้ 'ดิจิตอล' กลายเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ จนบางประเทศที่ใช้ดิจิตอลเป็นเครื่องมือมานานแล้ว ก็นำประเทศก้าวกระโดดแซงไทยไปไกลจนกู่ไม่กลับ อย่างเช่นประเทศเกาหลีและสิงคโปร์ จึงทำให้ต้องมาทบทวนว่าการตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรฐกิจและสังคม (DE) คนแรกของประเทศไทยครั้งนี้ จะออกมาเป็นใคร เพราะจากกระแสที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเลือกใครมาเป็นเจ้ากระทรวง DE และบอกด้วยว่า ท่านจะเป็นคนคิดตัดสินใจเลือกเอง และไม่ได้การันตีว่าอดีตรมว.ไอซีที อุตตม สาวนายน จะกลับเข้ามานั่งในตำแหน่ง รมว. DE
ถึงแม้วันรุ่งขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จะให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี DEว่าที่ผ่านมา นายอุตตม ก็ทำงานอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาก็มีการปรับปรุงมาตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดแรก เริ่มมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนภายในและการทำงานทั้งหมด เพียงแค่มีการปรับชื่อกระทรวงแล้วมีการปรับส่วนราชการภายในใหม่ สิ่งเหล่านี้เขาก็ทำงานกันอยู่แล้ว
'เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีคุณสมบัติภายในใหม่ เพราะเป็นคุณสมบัติที่ทำมากับผมนั่นแหละ เขาก็อยู่ในกระบวนขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงแก้ไขกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร (ไอซีที) มาตลอด รัฐมนตรีเขาก็ทำงานมาตั้งแต่ชุดแรก ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร แล้ววันข้างหน้ามันจะเป็นอะไรไปเล่า ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อแล้วต้องเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ มันไม่ใช่ เพราะเขาทำงานมาตั้งนานแล้ว และต้องเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำมาไม่ใช่ทำได้ปุ๊บปั๊บ กฎหมายมีหลายฉบับซึ่งรัฐมนตรีคนเดิมก็ทำทั้งนั้น รวมทั้งกระบวนการการประมูลต่างๆ ก็เป็นคนทำทั้งหมด ผมไม่ได้มานั่งทำเสียเมื่อไหร่'
พร้อมทั้งยังระบุว่า 'ทุกอย่างขอให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องกระบวนการ คณะทำงาน และ ครม.ไม่ใช่เรื่องบุคคล ผมมีหน้าที่กำกับดูแลและขับเคลื่อนริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเท่านั้น อยากให้ดูวิธีการทำงานมากกว่าไปติติง ดูว่าเขาทำอะไรมาบ้าง ยอมรับว่าผมเองก็หนักใจเพราะเป็นการทำทั้งกระบวนการ ไม่ใช่สั่งวันนี้แล้วพรุ่งนี้เสร็จ บางอย่างต้องใช้เวลา กฎหมาย งบประมาณ รวมทั้งกระทรวงที่เกี่ยวข้อง บางครั้งก็พันไปถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง ปัญหาทุกอย่างต้องใช้เวลาในการแก้ไขเพราะพันกันหลายเรื่อง อย่างเรื่องการบุกรุกที่ดินก็ต้องเห็นใจเพราะหลายคนอยู่ในนานแล้ว แต่เราก็ต้องยึดหลักกฎหมาย'
สิ่งที่จับใจความได้จากการให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะตั้งคนใหม่หรือใช้บริการคนเก่า แต่น่าจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ท่านนายกฯมองเห็นแล้วว่า กระทรวงนี้ไม่ใช่กระทรวงที่ใครก็ได้ที่จะมานั่งเพื่อขับเคลื่อนนโยบายหลักให้ได้ จึงต้องขบคิดตัวบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ที่ต้องมานั่งในตำแหน่งที่เป็นแกนในการพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประเทศดิจิตอลให้ได้ และจะถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงถ้าทำสำเร็จ เพราะจะเป็นการทิ้งทวนผลงานเด่นไว้ก่อนการเลือกตั้งในปีหน้า
ทีนี้ลองหันมาดูคุณสมบัติที่ควรพิจารณาของรัฐมนตรี DE คนใหม่ถอดด้าม หรือ รัฐมนตรีเก่าในขวดใหม่ นี้ว่าควรมีคุณสมบัติหน้าตาเป็นอย่างไร???
เพราะโลกดิจิตอลในวันนี้มีความสลับซับซ้อน ที่มีผลกระทบในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และที่สำคัญที่สุด คือความมั่นคงของชาติ ดังนั้นรัฐมนตรี DE คนนี้ จะต้องมีความรอบรู้ในหลายมิติ ไม่ใช่ทำงานในเชิงการตลาดประชาสัมพันธ์ งานอีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง เพียงแค่เชิญนายกรัฐมนตรีไปตัดริบบิ้นไปวันๆ แต่ต้องมีวิสัยทัศน์เป็นมืออาชีพ มีความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิตอลอย่างโดดเด่น มีความรู้ประสบการณ์ด้านความมั่นคง และที่สุดคือมีที่มาที่ไปที่สามารถบ่งชี้ถึงความจงรักษ์ภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างมิต้องสงสัยอีกด้วย
ผลงานและความโปร่งใสของรัฐมนตรี DE คนใหม่ที่ผ่านมานั้น แน่นอนจะต้องประกอบการพิจารณาอย่างไม่ต้องคิดหาว่าเคยทำอะไรสำเร็จมาแล้ว โดยถึงขั้นที่ว่าเห็นหน้าแล้วก็ไม่ต้องถามถึงผลงานที่ทำมาเลย เพราะต้องปรากฎเห็นอย่างแจ่มแจ้งในทันที ซึ่งดูที่ผลงานที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในระดับชาติ มีผลประโยชน์ต่อประเทศที่ชัดเจน และต้องทำด้วยความโปร่งใส เป็นที่ประจักษ์ อีกด้วย
ในส่วนความรู้ความสามารถ ก็ต้องมาดูประวัติการศึกษาที่โดดเด่น สาขาวิชาสอดคล้องตรงกับตำแหน่ง มีความคิดและวิสัยทัศน์ในด้านดิจิตอลที่เคยปรากฏในสาธารณะเป็นที่ยอมรับในแวดวงไอซีที และด้านเศรษฐกิจ และอีกมิติที่ละเลยมิได้ที่กำลังส่งผลอย่างร้ายแรงในด้านความมั่นคงของชาติ นั่นก็คือความเชี่ยวชาญในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ ทั้งนี้เพราะกระทรวง DE ไม่ใช่แค่กระทรวงด้านเศรษฐกิจอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นกระทรวงที่ต้องทำหน้าที่ด้านความมั่นคงของชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยจะเห็นได้จากข่าวการปล้นธนาคารด้วยการใช้เทคโนโลยี ไอซีที ไปจนถึงการล้วงระบบไซเบอร์ในองค์กรต่างๆ และที่สำคัญสุดๆที่ต้องไปสะสางงานที่ค้างคาอยู่คือโครงการหมื่นล้าน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน เพื่อสานฝัน Thailand 4.0 ของท่านนายกฯ เพื่อจะได้ทิ้งผลงานสร้างประเทศดิจิตอลให้ไทยก้าวกระโดดไว้กับลูกหลานไทยต่อไป
มาถึงจุดนี้จะเห็นได้เลยว่า รัฐมนตรี DE ที่กำลังจะถูกเลือกมาขึ้นแท่น ไม่ใช่จะหามาได้ทั่วไปง่ายๆ เพราะจะต้องเข้ามารับงานที่เป็นที่คาดหวังของท่านนายกฯ และจะต้องเป็นที่ไว้วางใจ มีประวัติชัดๆในด้านความมั่นคง มีเลือดเนื้อเชื้อไขที่นายกรัฐมนตรีจะต้องปราศจากความเคลือบแคลงในความจงรักษ์ ภักดีต่อสถาบัน มีประวัติความเป็นมาอย่างชัดเจน !!!