เครือข่ายสลัม 4 ภาค-เครือข่ายที่ดินแนวใหม่ฯ ยื่นหนังสือร้องนายกฯ แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่คนจนเมือง รับนโยบาย “วันที่อยู่อาศัยโลก” เร่งผลักดันกฎหมายสิทธิชุมชนจัดการที่ดิน-ธนาคารที่ดินให้คนเข้าถึง จี้รัฐเร่งตั้ง คกก.พหุภาคีแก้ปัญหาชุมชนป้อมมหากาฬ
วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งสำนักงาน ก.พ.) กลุ่มเครือข่ายสลัม 4 ภาค ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2559 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่คนจนเมือง ด้วยการสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคง รวมถึงโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบในด้านที่อยู่อาศัยต่อชุมชน โดยขอให้รัฐบาลบวกงบประมาณในการดำเนินการในส่วนนี้ เพื่อเป็นต้นทุนของโครงการด้วย
นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินตามนโยบายโฉนดชุมชน และให้ถือเป็นกลไกหนึ่งของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) รวมทั้งให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากร เพื่อสร้างหลักประกันให้กับชุมชนได้อยู่อาศัยและทำกินได้อย่างมั่นคง และเร่งดำเนินการจัดตั้ง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน เพื่อให้คนจนเข้าถึงที่ดินทำกินและอยู่อาศัย
ต่อมาเครือข่ายที่ดินแนวใหม่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองแห่งชาติ (คทช.) และสหพันธ์พัฒนาองค์การชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ (สอช.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินผู้มีรายได้น้อย ตามแผนพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี และยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อย 3 ปี โดยขอให้มีการเร่งรัดการดำเนินการของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั้งระดับชาติและระดับจังหวัดโดยเร่งด่วน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาล และให้มีการทบทวนปัญหาข้อติดขัด คำสั่ง ระเบียบ และกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย
ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ ได้เสนอรูปแบบการแก้ไขปัญหาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น และกรณีการไล่รื้อชุมชนที่อยู่อาศัยที่อยู่ในที่ดินของรัฐ (ป้อมมหากาฬ) เครือข่ายฯ และสหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนฯ ขอให้นายกฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพหุภาคี ในการแก้ปัญหาให้แก่คนที่อยู่กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ด้วย