รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ จี้ทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อฟันธงตามเนื้อหา บอกเร็วเกินไปด่วนสรุปหวังให้เกิดนายกฯ คนนอก เหตุยังไม่เห็นกฎหมายลูก แถมไม่รู้หลังเลือกตั้งใครจะชนะ ชี้ ถ้าหวังงานรัฐบาลราบรื่นนายกฯ ต้องมี ส.ส. ในมือเกิน 250 คน คาด “วิษณุ” ไม่ได้ขู่ใช้ ม.44 ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่เป็นอำนาจที่ คสช. ยังสามารถทำได้ก่อนมีรัฐบาลจากประชาชน แต่แนะอย่าวิตก คงยากที่จะหานายกฯ ไม่ได้
วันนี้ (2 ต.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่บางฝ่ายยังคาใจไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และมองคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถึงแม้จะไม่เห็นด้วย หรือเห็นด้วยก็ตาม เมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ทุกภาคส่วน ทุกองค์กร ต้องปฏิบัติตาม เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยเพื่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่น่าจะวินิจฉัยไปตามเนื้อหามากกว่า เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติบ้านเมือง
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น นายองอาจ กล่าวว่า เห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป เพราะวันนี้รัฐธรรมนูญก็ยังไม่ประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ยังไม่มี ยังไม่รู้ว่าหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร
“การด่วนสรุปว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้ไม่ได้นายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง แต่จะได้จากคนนอกนั้นจึงเร็วเกินไป” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี ถึงแม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้มีสมาชิกวุฒิสภาจากการแต่งตั้ง ขั้นตอนสุดท้าย โดย คสช. ถึง 250 คนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพียงหาจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากสภาผู้แทนราษฎร อีกเพียง 126 คน ก็จะทำให้ได้เสียงเกินครึ่งของสมาชิกรัฐสภา สามารถมีนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลได้แต่การที่รัฐบาลจะบริหารงานได้ราบรื่น ควรมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนเกิน 250 คนน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะการบริหารงานของรัฐบาลที่ราบรื่นควรมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร คือ เกิน 250 คน ก็จะช่วยให้รัฐบาลสามารถผ่านกฎหมายได้ ผ่านงบประมาณได้ ผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
“เนื่องจากเวลารัฐบาลบริหารงานไม่มีเสียงของ ส.ว. 250 คน มายกมือสนับสนุนด้วยเป็นเรื่องของรัฐบาล กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะทำงานบริหารประเทศ เพราะฉะนั้นการมี ส.ว. สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอกถึง 250 คน ก็ยังไม่เพียงพอต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกิน 250 คนด้วย ถึงจะช่วยทำให้นายกรัฐมนตรีทำงานได้ จึงยังไม่มีอะไรแน่นอนขณะนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีหลังจากการเลือกตั้งจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก หรือ นายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าถ้าเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ อาจใช้มาตรา 44 สั่งให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่เป็นการขู่นั้น ตนไม่มองว่าเป็นการขู่แต่อย่างใด นายวิษณุ คงชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนของกฎหมาย และอำนาจที่รัฐบาล คสช. มีอยู่ คือ มาตรา 44 ที่ยังสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง แต่รัฐบาล และ คสช. ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่จะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ดี การหานายกรัฐมนตรีไม่ได้หลังการเลือกตั้งคงไม่เกิดขึ้นง่าย ๆ จึงไม่ควรไปวิตกกังวลล่วงหน้าจะดีกว่า