ทีมโฆษก คสช.สวนเพื่อไทย นายกฯ ดำเนินการคดีจำนำข้าวตามกรอบกฎหมาย ปัดชี้นำ กลั่นแกล้ง แจงใช้ ม.44 อยู่บนหลักความเหมาะสม ทำให้เกิดความสงบ ยกผลโพลพึงพอใจ ย้ำไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เชื่อประชาชนเข้าใจ
วันนี้ (29 ก.ย.) พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงงแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เลิกชี้นำกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการดำเนินคดี และการเรียกให้รับผิดทางแพ่งกับผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าว อันมีลักษณะของการชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและชี้นำการพิจารณาคดีของศาลว่า ยืนยันว่าการดำเนินการเกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าวนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกรอบกฎหมายและอำนาจหน้าที่ซึ่งไม่มีลักษณะชี้นำ กลั่นแกล้ง หรือเลือกปฏิบัติ เรื่องดังกล่าวสังคมจับตามองอยู่ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องทำงานภายใต้กรอบกฎหมายอำนาจหน้าที่ ยืนยันว่าไม่มีอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้
พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยมองว่าอำนาจตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.อยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการนั้น ถือเป็นมุมมองแต่ละฝ่ายที่ได้รับผลกระทำ ตามหลักมาตรา 44 กระบวนการใช้ยืนอยู่บนหลักการความเหมาะสมและมีเหตุผล ไม่ใช่นึกอยากจะใช้หรืออยากจะทำก็ทำ จะเห็นได้ว่ามาตราการต่างๆ ที่ออกจากมาตรา 44 มีผลทำให้บ้านเมืองและสังคมเกิดความสงบสุขเรียบร้อย และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ แต่กลับทำให้สังคมมีระเบียบ แก้ไขปัญหาข้อติดขัดบ้านเมืองที่มีมาอย่างยาวนาน ดูได้จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากสำนักโพลต่างๆ ว่าพึงพอใจต่อการดำเนินการ คสช. ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ดูแลประชาชนและบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อถามว่า เพื่อไทยออกมาพูดล่วงหน้าว่ากระบวนการยุติธรรม ถูกหัวหน้า คสช.แทรกแซง กังวลหรือไม่ หากศาลตัดสินโครงการจำนำข้าวในทางใดทางหนึ่ง ประชาชนอาจไม่เชื่อมั่นศาล พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า หัวหน้า คสช.ไม่ได้แทรกแซงกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น กระบวนการยุติธรรมก็ดำเนินการไปโดยศาลสถิตยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่หัวหน้า คสช.เป็นฝ่ายบริหาร ก็ทำงานในหน้าที่และความรับผิดชอบเต็มตามกำลังความสามารถ ไม่ได้มีการชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ