“กลาโหม” เปิดหลักเกณฑ์เรียกชายไทยเป็น “กําลังพลสํารอง” พร้อมวิธีขอผ่อนผัน ยกเว้น และพ้นจากการเป็นกําลังพลสํารอง เผยบุคคลไม่เข้าเกณฑ์กำลังพลสำรอเป็นคนพิการทุพพลภาพ บุคคลที่มีโรคตามบัญชี นักบวชระดับเจ้าอาวาสขึ้นไป-อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น-หัวหน้าสํานักคริสต์-บุคคลซึ่งรับโทษจําคุกอยู่โดยคําพิพากษาของศาล ส่วนผู้ที่เข้าข่ายผ่อนผันได้ต้องเป็นครูที่สอนประจําเฉพาะวิชาหรือประจํา มีเวลาสอนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง-พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกาย-บุคคลมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนา สุดท้ายเป็นบุคคลซึ่งรัฐมนตรีเห็นสมควรผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราว
วันนี้ (23 ก.ย.) ราชกิจานุเบกษาเผยแพร่กฎกระทรวงกิจการกําลังพลสํารอง พ.ศ. 2559 ภายหลังมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกําลังพลสํารอง พ.ศ. 2558 โดยกฎกระทรวงฉบับนี้ลงนามโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำหนดไว้ 4 หมวด โดยหมวด 1 ว่าด้วยการกําหนดเวลาการเป็นกําลังพลสํารอง การยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารองและการพ้นจากการเป็นกําลังพลสํารอง ทั้งนี้ การเป็นกําลังพลสํารอง ให้มีกําหนดเวลาคราวละ 6 ปีนับแต่วันที่บรรจุรายชื่ออยู่ในบัญชีบรรจุกําลัง และในกรณีที่เป็นกําลังพลสํารอง จะเป็นกําลังพลสํารองเกิน 5 คราวมิได้
กฎกระทรวงฉบับนี้ ได้รับการยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารองให้กับบุคคลเหล่านี้ ประกอบด้วย 1. ทหารกองเกินที่ยังไม่พ้นหน้าที่ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร 2. คนพิการทุพพลภาพหรือบุคคลที่มีโรคตามบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงนี้หรือมีความพิการหรือโรคอื่นใดซึ่งคณะกรรมการแพทย์ตามที่กระทรวงกลาโหมกําหนดมีความเห็นว่าไม่สมควรเป็นกําลังพลสํารอง 3. คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
4. พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์หรือที่เป็นเปรียญ และพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์ที่มีตําแหน่งตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไป นักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกายที่มีสมณศักดิ์ หรือพระภิกษุ สามเณรและนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกายซึ่งเป็นนักธรรมตามที่สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง 5. อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ในศาสนาอิสลาม เจ้าอธิการวัดและผู้ช่วยเจ้าอธิการวัดที่ เจ้าอธิการวัดรับรอง สําหรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก หรือหัวหน้าสํานัก หรือเจ้าหน้าที่ หรือ ผู้ช่วยหัวหน้าในสํานักสอนศาสนาสํานักใหญ่ที่หัวหน้าสํานักรับรอง สําหรับศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์และบุคคลในศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนาตามที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด
6. บุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ 7. บุคคลซึ่งรับโทษจําคุกอยู่โดยคําพิพากษาของศาล 8. บุคคลซึ่งเคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกครั้งเดียว หรือหลายครั้งรวมกันตั้งแต่สิบปีขึ้นไปในกรณีที่ปรากฏว่ามีการบรรจุรายชื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งไว้ในบัญชีบรรจุกําลังให้พนักงานเจ้าหน้าที่จําหน่ายชื่อบุคคลนั้นออกจากบัญชีบรรจุกําลัง
ทั้งนี้ กฎกระทรวงยังระบุเกณฑ์ให้กําลังพลสํารองพ้นจากการเป็นกําลังพลสํารอง ประกอบด้วย ตาย เป็นบุคคลที่ถูกถอนสัญชาติไทย สละสัญชาติไทย หรือแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว ได้รับโทษจําคุกอยู่โดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกตั้งแต่หกปีขึ้นไป เว้นแต่เป็นโทษ สําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นกําลังพลสํารองตามที่กําหนดในข้อบังคับ และพ้นราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เว้นแต่ผู้ที่สมัครเข้าเป็นกําลังพลสํารอง
ส่วน หมวด 2 ว่าด้วยการผ่อนผันให้กําลังพลสํารองไม่ต้องเข้ารับราชการทหารในการเรียกกําลังพลสํารองเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร และเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม ประกอบด้วย (1.) พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกาย (2.) บุคคลในศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนา และมิใช่บุคคลที่ได้รับการยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารอง ทั้งนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด (3.) ครูซึ่งสอนประจําเฉพาะวิชาหรือประจําทําการสอน นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่าสิบห้าคนเป็นปกติ และมีเวลาสอนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่าสิบแปดชั่วโมงสําหรับครูซึ่งประจําทําการสอนในสถานศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา หรือไม่น้อยกว่าสิบห้าชั่วโมงสําหรับครูซึ่งประจําทําการสอนในสถานศึกษาระดับสูงกว่ามัธยมศึกษา โดยเป็นครูซึ่งสอนอยู่ในสถานศึกษาตามประเภทที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด
(4.) บุคคลซึ่งรัฐมนตรีเห็นสมควรผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราว ดังต่อไปนี้ (1.) ให้บุคคล แจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดซึ่งบุคคลนั้นมีที่อยู่หรือพํานักอาศัยอยู่ หัวหน้า สถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานซึ่งผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือผู้บังคับหน่วยทหารที่กําลังพลสํารอง มีรายชื่อบรรจุอยู่ แล้วแต่กรณี และให้ผู้ได้รับแจ้งจัดทําบัญชีรายชื่อของบุคคลดังกล่าว ส่งไปยังหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (2.) ให้หน่วยทหารที่ได้รับแจ้งจัดทําบัญชีรายชื่อของบุคคลดังกล่าวส่งไปยังกระทรวงกลาโหมภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการผ่อนผันให้มีผลตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายอนุมัติการแจ้งและการจัดทําบัญชีรายชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด
ในกรณีที่กําลังพลสํารองพ้นจากฐานะตามที่กําหนดไว้ ให้ผู้ซึ่งได้รับแจ้งแล้วแต่กรณี จัดทําบัญชีรายชื่อบุคคลดังกล่าวตามแบบที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนดแล้วดําเนินการต่อไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กําหนดไว้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบให้การผ่อนผัน เป็นอันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่บุคคลนั้นพ้นจากฐานะตามที่กําหนดไว้หรือตั้งแต่วันที่การผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราวสิ้นสุดลง
ส่วนกําลังพลสํารองที่ประสงค์ขอผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับราชการทหารในการเรียกกําลังพลสํารองเพื่อปฏิบัติราชการและการระดมพล ให้แจ้งไปยังหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ โดยให้หน่วยทหารดําเนินการต่อไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กําหนดไว้ ภายในสิบห้าวันการผ่อนผันให้มีผลตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายอนุมัติและให้การผ่อนผันเป็นอันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่การผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราวสิ้นสุดลง
ในกรณีจําเป็นเพื่อการป้องกันประเทศ รัฐมนตรีจะยกเลิกการผ่อนผันให้แก่กําลังพลสํารอง ในการเรียกกําลังพลสํารองหรือการระดมพลคราวใดตามที่เห็นสมควรก็ได้
ในหมวด 3 ว่าด้วยกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหาร ประกอบด้วย (1.) ออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง (2.) ไปทํางานต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากกระทรวงแรงงานหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง (3.) ไปดูงานหรือไปทําการศึกษาวิจัย ณ ต่างประเทศ โดยมีหนังสือรับรองจากทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง (4.) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายในสามวันทําการนับแต่วันที่พ้นจากการคุมขัง
(5.) กําลังพลสํารองซึ่งจําเป็นต้องหาเลี้ยงบิดาหรือมารดา ซึ่งไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพหรือชรา จนหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู แต่ถ้ามีบุตรหลายคนจะต้องถูกเรียกเข้ารับราชการทหารพร้อมกัน คงผ่อนผันให้คนเดียวตามแต่บิดาหรือมารดาจะเลือก โดยได้รับอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ (6.) กําลังพลสํารองซึ่งจําเป็นต้องหาเลี้ยงบุตรซึ่งมารดาหรือบิดาตาย ไร้ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ และกําลังพลสํารองซึ่งจําเป็นต้องหาเลี้ยงพี่หรือน้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดา หรือมารดาซึ่งบิดาหรือมารดาตาย ทั้งนี้ เมื่อบุตรหรือพี่หรือน้องนั้นหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู โดยได้รับอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ต้องได้รับการผ่อนผันเฉพาะคราวจากรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมาย
สำหรับหมวด 4 ว่าด้วยการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลโดยวิธีการอื่น ในกรณีที่ไม่อาจแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลตามวิธีการที่กําหนด ได้ ให้แจ้งคําสั่งดังกล่าวทางโทรศัพท์ โทรสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดที่กําลังพลสํารองแจ้งช่องทางการติดต่อไว้ และให้ถือว่ากําลังพลสํารองได้รับการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลแล้วนับแต่วันที่แจ้งในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการแจ้งคําสั่งโดยวิธีการตามวรรคหนึ่งได้ ให้ประกาศแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามวันติดต่อกัน และให้ถือว่ากําลังพลสํารองได้รับการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลเมื่อพ้นกําหนดเวลาที่ต้องประกาศ