สะเก็ดไฟ
ไม่ได้เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาวหมดจด ไม่มีโกง หรือทำผิดระเบียบแม้แต่นิดเดียว เพราะอย่างที่รู้กันยุคนี้ใครคุมองค์กรปราบโกง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. และ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ที่เป็นผู้ถูกกล่าววหาในคดีนี้ ต่างก็เป็นคนที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบ้าน “วงษ์สุวรรณ” ทั้งนั้น
“บิ๊กกุ้ย” เอง สนิทกับทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพราะถูกเรียกใช้งานให้ไปเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนจะได้รับการผลักดันมาให้เป็นประธาน ป.ป.ช. และยังซี้กับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ตนเองเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อน
ขณะที่ทั้ง “บิ๊กโด่ง” และ “บิ๊กบี้” สองคนนี้ไม่ต้องพูดถึง จัดเป็นน้องรักของ “บิ๊กป้อม” ทั้งคู่ มีหรือจะยอมให้ตกระกำลำบาก ดังนั้น มันก็ไม่มีอะไรให้คาใจว่าทำไมมติมันจึงออกมาท่วมท้นขนาดนั้น อีกอย่างที่ลืมไม่ได้ กรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่อีกหลายๆ คนก็คนกันเองทั้งนั้น เหมือนที่เคยถูกคนนินทาหมาดูถูกน่ะแหละ
เอาเป็นว่า หลังจากนี้ “บิ๊กโด่ง” ที่อมความทุกข์เอาไว้เป็นปีๆ ลักยิ้มบนใบหน้าที่หายไปนาน หน้าตาหมองคล้ำ คงจะกลับมายิ้มร่า โชว์แอ็กชันได้เหมือนเดิม เพราะการได้รับการันตีจากองค์กร ป.ป.ช.ก็ทำให้มลทิน หรือตราบาปที่ต้องเผชิญมาหายไปพอสมควร แม้ก่อนหน้าจะมีหลายหน่วยงานออกมาการันตีให้แล้ว แต่มันไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่า “ป.ป.ช.”
แต่ถ้าถามว่า กลายเป็นบริสุทธิ์เต็มตัวหรือไม่ ถ้าในแง่กฎหมาย เมื่อ ป.ป.ช.ค้ำประกันให้ขนาดนี้ ฝ่ายไม่เห็นด้วยชักดิ้นชักงอไปก็เท่านั้น ทว่า ในมิติของความรู้สึกคน เรื่องนี้มันยังไม่จบ เพราะทุกคนรู้ว่าที่รอดเพราะอะไร แต่ปัญหาเรื่องหัวคิวยังไม่ได้รับคำตอบที่กระจ่าง การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษที่ไม่มีการอธิบาย แล้วที่หนีไปต่างประเทศกันหลายคน ทำไมต้องหนีในเมื่อไม่มีการทุจริตชนิดขาวจั๊วะแบบนี้!
เรียกว่า สะอาดแบบยังคาใจคน!
ผิดกันกับอีกฟากฝั่ง ที่โดนหวดกันเป็นโดนิโม ล้มกันระเนระนาดอย่างองคาพยพของพรรคเพื่อไทย ที่ช่วงนี้ค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน โดนเด็ดปีกกันเป็นว่าเล่น เริ่มตั้งแต่ในราย ประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีแทรกแซงองค์การตลาด สมัยเป็น รมช.มหาดไทย ก่อนจะถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สามัคคีชุมนุม ยกมือโหวตให้ถูกถอดถอนทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ต่อเนื่องกันมาก็กรณีโบราณกาล ประเด็นการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.โดยมิชอบ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลกันเป็นร้อยๆ คน แต่รอดในชั้น สนช. ก่อนจะเหลือเศษอยู่ 5 คน ในคดีอาญา ปรากฏว่าแก๊งเพื่อไทยส่อปิดเทอมยาวกันไป 3 หน่อ ประกอบด้วย อุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี เด็กเจ๊หน่อย ในมูลความผิดสลับร่างรัฐธรรมนูญ หรือปลอมร่างรัฐธรรมนูญ, สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ตรวจทานร่างให้ดี เหมือนสมคบคิด และ นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร ชายในคลิปที่เสียบบัตรลงคะแนนแทนเพื่อนไม่รู้กี่ใบ
3 คนนี้โดนอาญาทุกคน โดยมี 2 คนที่จะต้องไปขึ้นเขียงใน สนช.เพื่อพิจารณาว่าจะถูกถอดถอนหรือไม่ ซึ่งถ้าดูกรณีตัวอย่างของประชาแล้วโอกาสที่จะรอดมีน้อยมาก แม้ความผิดจะต่างกรรมต่างวาระกันก็ตาม โดยเฉพาะช่วงนี้สัญญาณการล้างไพ่ล้างบางมาแรงเหลือเกิน
เช่นเดียวกับ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นเพื่อนรัก ตท.10 ของทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีแทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม โดยตอนนี้กำลังขึ้นเขียงอยู่ในชั้น สนช. อย่าบอกเลยว่า โอกาส 50 ต่อ 50 ถ้าใช้บรรทัดฐานเดียวกับคนอื่นๆ ของพรรคเพื่อไทย ชี้แจงให้สวยหรูอย่างไร บอกเลยตายอย่างเขียด
แม้กระทั่งเรื่องจำนำข้าว ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็เพิ่งใช้ไม้แข็ง หวด “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยในคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ด้วยการอายัดเงินไป 7 พันล้านบาท หลังคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง มีมติให้เรียกค่าเสียหายกับบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก
เกณฑ์ของ ปปง.ครั้งนี้น่าสนใจ เพราะการเรียกค่าเสียหายบุญทรงกับพวกครั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งเพิ่งมีคำสั่งเรียกค่าเสียหาย ซึ่งในทางกฎหมาย บุญทรงกับพวก สามารถไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งได้ แต่ ปปง.จัดการอายัดทรัพย์เอาไว้ก่อนเลย
ถ้าเป็นแบบนี้คนหนึ่งที่สะเทือนแน่ๆ หนีไม่พ้น “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งกำลังพิจารณาวงเงิน ว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ซึ่งถ้ามีคำสั่งออกมา เท่ากับว่า ปปง.ก็จะต้องอายัดทรัพย์ของยิ่งลักษณ์เอาไว้ก่อนเหมือนกัน ต่อให้ยิ่งลักษณ์สามารถร้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งได้ก็ตาม
แม้จะยังไม่ใช่การยึดทรัพย์ แต่การอายัดทรัพย์ ถือเป็นเรื่องใหญ่กันทีเดียว เพราะตัวเลขในส่วนของยิ่งลักษณ์นั้นบานตะไทกว่าของบุญทรงกับพวกเยอะ ทีนี้การเมืองได้เข้าสู่โหมดเข้มข้นกันแน่
แต่ที่แน่ๆ การที่รัฐมีท่าทีแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณออกมากลายๆ ไปยังฝ่ายการเมืองว่า หลังจากนี้ใครแหลมใครเปรี้ยวไม่ดูตาม้าตาเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีชนักปักหลัง มีโอกาสปิดเทอมยาวทางการเมืองได้เหมือนกับรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เหมือนกรณีครอบครัว “บูรณุปกรณ์” ตระกูลดังเมืองเชียงใหม่ ที่ท็อปบูต อัดยาแรงใส่ ยกครัว กรณีปั่นป่วนช่วงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ถ้าจำคำพูด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ได้จะเห็นว่า เคยมีปรารภหลุดมาเกี่ยวกับพวกที่มีคดีความว่าปีนี้จะทยอยออกมา ให้ระวังตัวกันไว้
เมื่อนำมาประกอบกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันก็ชัดว่ากำลังนับหนึ่งล้างบ้างกันแล้ว และคงมีทยอยออกมาเรื่อยๆ
พวกที่เสียวสุดๆ คงไม่พ้นพวกที่มีคดีความอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ที่เหมือนเอาคอพาดเขียงรอโดนได้ ถ้ายังป่วนไม่เลิก
ถึงว่าช่วงนี้ขาใหญ่ในพรรคสีแดง หายหน้ากันไป ไม่ออกมาซ่า!
ไม่ได้เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาวหมดจด ไม่มีโกง หรือทำผิดระเบียบแม้แต่นิดเดียว เพราะอย่างที่รู้กันยุคนี้ใครคุมองค์กรปราบโกง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. และ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ที่เป็นผู้ถูกกล่าววหาในคดีนี้ ต่างก็เป็นคนที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบ้าน “วงษ์สุวรรณ” ทั้งนั้น
“บิ๊กกุ้ย” เอง สนิทกับทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพราะถูกเรียกใช้งานให้ไปเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนจะได้รับการผลักดันมาให้เป็นประธาน ป.ป.ช. และยังซี้กับ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ตนเองเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามาก่อน
ขณะที่ทั้ง “บิ๊กโด่ง” และ “บิ๊กบี้” สองคนนี้ไม่ต้องพูดถึง จัดเป็นน้องรักของ “บิ๊กป้อม” ทั้งคู่ มีหรือจะยอมให้ตกระกำลำบาก ดังนั้น มันก็ไม่มีอะไรให้คาใจว่าทำไมมติมันจึงออกมาท่วมท้นขนาดนั้น อีกอย่างที่ลืมไม่ได้ กรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่อีกหลายๆ คนก็คนกันเองทั้งนั้น เหมือนที่เคยถูกคนนินทาหมาดูถูกน่ะแหละ
เอาเป็นว่า หลังจากนี้ “บิ๊กโด่ง” ที่อมความทุกข์เอาไว้เป็นปีๆ ลักยิ้มบนใบหน้าที่หายไปนาน หน้าตาหมองคล้ำ คงจะกลับมายิ้มร่า โชว์แอ็กชันได้เหมือนเดิม เพราะการได้รับการันตีจากองค์กร ป.ป.ช.ก็ทำให้มลทิน หรือตราบาปที่ต้องเผชิญมาหายไปพอสมควร แม้ก่อนหน้าจะมีหลายหน่วยงานออกมาการันตีให้แล้ว แต่มันไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่า “ป.ป.ช.”
แต่ถ้าถามว่า กลายเป็นบริสุทธิ์เต็มตัวหรือไม่ ถ้าในแง่กฎหมาย เมื่อ ป.ป.ช.ค้ำประกันให้ขนาดนี้ ฝ่ายไม่เห็นด้วยชักดิ้นชักงอไปก็เท่านั้น ทว่า ในมิติของความรู้สึกคน เรื่องนี้มันยังไม่จบ เพราะทุกคนรู้ว่าที่รอดเพราะอะไร แต่ปัญหาเรื่องหัวคิวยังไม่ได้รับคำตอบที่กระจ่าง การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษที่ไม่มีการอธิบาย แล้วที่หนีไปต่างประเทศกันหลายคน ทำไมต้องหนีในเมื่อไม่มีการทุจริตชนิดขาวจั๊วะแบบนี้!
เรียกว่า สะอาดแบบยังคาใจคน!
ผิดกันกับอีกฟากฝั่ง ที่โดนหวดกันเป็นโดนิโม ล้มกันระเนระนาดอย่างองคาพยพของพรรคเพื่อไทย ที่ช่วงนี้ค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน โดนเด็ดปีกกันเป็นว่าเล่น เริ่มตั้งแต่ในราย ประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีแทรกแซงองค์การตลาด สมัยเป็น รมช.มหาดไทย ก่อนจะถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สามัคคีชุมนุม ยกมือโหวตให้ถูกถอดถอนทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ต่อเนื่องกันมาก็กรณีโบราณกาล ประเด็นการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.โดยมิชอบ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลกันเป็นร้อยๆ คน แต่รอดในชั้น สนช. ก่อนจะเหลือเศษอยู่ 5 คน ในคดีอาญา ปรากฏว่าแก๊งเพื่อไทยส่อปิดเทอมยาวกันไป 3 หน่อ ประกอบด้วย อุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี เด็กเจ๊หน่อย ในมูลความผิดสลับร่างรัฐธรรมนูญ หรือปลอมร่างรัฐธรรมนูญ, สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ตรวจทานร่างให้ดี เหมือนสมคบคิด และ นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร ชายในคลิปที่เสียบบัตรลงคะแนนแทนเพื่อนไม่รู้กี่ใบ
3 คนนี้โดนอาญาทุกคน โดยมี 2 คนที่จะต้องไปขึ้นเขียงใน สนช.เพื่อพิจารณาว่าจะถูกถอดถอนหรือไม่ ซึ่งถ้าดูกรณีตัวอย่างของประชาแล้วโอกาสที่จะรอดมีน้อยมาก แม้ความผิดจะต่างกรรมต่างวาระกันก็ตาม โดยเฉพาะช่วงนี้สัญญาณการล้างไพ่ล้างบางมาแรงเหลือเกิน
เช่นเดียวกับ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นเพื่อนรัก ตท.10 ของทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีแทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม โดยตอนนี้กำลังขึ้นเขียงอยู่ในชั้น สนช. อย่าบอกเลยว่า โอกาส 50 ต่อ 50 ถ้าใช้บรรทัดฐานเดียวกับคนอื่นๆ ของพรรคเพื่อไทย ชี้แจงให้สวยหรูอย่างไร บอกเลยตายอย่างเขียด
แม้กระทั่งเรื่องจำนำข้าว ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็เพิ่งใช้ไม้แข็ง หวด “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยในคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ด้วยการอายัดเงินไป 7 พันล้านบาท หลังคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง มีมติให้เรียกค่าเสียหายกับบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก
เกณฑ์ของ ปปง.ครั้งนี้น่าสนใจ เพราะการเรียกค่าเสียหายบุญทรงกับพวกครั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งเพิ่งมีคำสั่งเรียกค่าเสียหาย ซึ่งในทางกฎหมาย บุญทรงกับพวก สามารถไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งได้ แต่ ปปง.จัดการอายัดทรัพย์เอาไว้ก่อนเลย
ถ้าเป็นแบบนี้คนหนึ่งที่สะเทือนแน่ๆ หนีไม่พ้น “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งกำลังพิจารณาวงเงิน ว่าจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ซึ่งถ้ามีคำสั่งออกมา เท่ากับว่า ปปง.ก็จะต้องอายัดทรัพย์ของยิ่งลักษณ์เอาไว้ก่อนเหมือนกัน ต่อให้ยิ่งลักษณ์สามารถร้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งได้ก็ตาม
แม้จะยังไม่ใช่การยึดทรัพย์ แต่การอายัดทรัพย์ ถือเป็นเรื่องใหญ่กันทีเดียว เพราะตัวเลขในส่วนของยิ่งลักษณ์นั้นบานตะไทกว่าของบุญทรงกับพวกเยอะ ทีนี้การเมืองได้เข้าสู่โหมดเข้มข้นกันแน่
แต่ที่แน่ๆ การที่รัฐมีท่าทีแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณออกมากลายๆ ไปยังฝ่ายการเมืองว่า หลังจากนี้ใครแหลมใครเปรี้ยวไม่ดูตาม้าตาเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีชนักปักหลัง มีโอกาสปิดเทอมยาวทางการเมืองได้เหมือนกับรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เหมือนกรณีครอบครัว “บูรณุปกรณ์” ตระกูลดังเมืองเชียงใหม่ ที่ท็อปบูต อัดยาแรงใส่ ยกครัว กรณีปั่นป่วนช่วงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ถ้าจำคำพูด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ได้จะเห็นว่า เคยมีปรารภหลุดมาเกี่ยวกับพวกที่มีคดีความว่าปีนี้จะทยอยออกมา ให้ระวังตัวกันไว้
เมื่อนำมาประกอบกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันก็ชัดว่ากำลังนับหนึ่งล้างบ้างกันแล้ว และคงมีทยอยออกมาเรื่อยๆ
พวกที่เสียวสุดๆ คงไม่พ้นพวกที่มีคดีความอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ที่เหมือนเอาคอพาดเขียงรอโดนได้ ถ้ายังป่วนไม่เลิก
ถึงว่าช่วงนี้ขาใหญ่ในพรรคสีแดง หายหน้ากันไป ไม่ออกมาซ่า!