ดุสิตโพล เผย ส่วนใหญ่มอง ม.44 เอาจริงปราบโกง ขรก. แต่คงมีทุจริตอยู่ ชี้ ทุจริตน้อยลง เพราะกลัว กม. หนุนใช้ ม.44 ต่อ ฝากใช้อำนาจให้ถูกต้อง ด้าน กรุงเทพโพลล์ เผย ปชช. ส่วนใหญ่มองคอร์รัปชันไทยรุนแรงมากถึงมากที่สุด แนะเน้นปฏิรูปการเมือง มอง รบ. ปฏิรูป และแก้ปัญหาต่อเนื่องเกิดผลดีขึ้น เชื่อมั่นขยับอันดับคอร์รัปชันโลกดีขึ้น แต่มองมี รบ. ใหม่ ทุจริตกลับมา เชื่อ รธน. ปราบโกงได้ ส่วนมากรับมีทัศนคติต้านโกงเพิ่ม
วันนี้ (4 ก.ย.) “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่องประชาชนคิดอย่างไร? ต่อการใช้ “มาตรา 44” ปราบปรามทุจริตข้าราชการ โดยจากการที่ คสช. ใช้มาตรา 44 ปราบปรามทุจริตข้าราชการทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้ง โยกย้าย สั่งพักงาน เนื่องจากถูกร้องเรียนเรื่องการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทําความผิด หรือมีการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อการใช้มาตรา 44 ของ คสช. ซึ่งผลสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,152 คน ระหว่างวันที่ 1 - 3 กันยายน 2559 สรุปผลได้ ดังนี้
เมื่อถามว่า ความคิดเห็นของประชาชน ต่อ การใช้มาตรา 44 ปราบปรามทุจริตในกลุ่มข้าราชการ
อันดับ 1แม้จะมีการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง แต่ก็ยังมีข้าราชการที่กระทำผิดอยู่ 71.35%
อันดับ 2การใช้มาตรา 44 อาจช่วยให้การทุจริตลดน้อยลง คนเกรงกลัวไม่กล้าทำผิด 68.75%
อันดับ 3เป็นปัญหาที่แก้ยาก ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของข้าราชการไทย 65.63%
อันดับ 4รู้สึกผิดหวัง ข้าราชการมีหน้าที่รับใช้ประชาชนไม่ใช่เอาเปรียบประชาชน 57.81%
อันดับ 5ควรให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายมากกว่าการใช้มาตรา 44 46.07%
เมื่อถามว่า ตั้งแต่มีการใช้มาตรา 44 จนถึงปัจจุบัน ประชาชนคิดว่ามีผลทำให้การทุจริตลดลงหรือไม่?
อันดับ 1มีผลทำให้ทุจริตลดลง 72.40%
เพราะ มีความเด็ดขาด สามารถดำเนินการได้ทันที ทำให้คนเกรงกลัวไม่กล้าทำผิดกฎหมาย กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง ฯลฯ
อันดับ 2ไม่มีผลที่จะทำให้ทุจริตลดลง 27.60%
เพราะ เป็นปัญหาที่มีมานาน อาจทำเป็นขบวนการ ขึ้นอยู่ที่คุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกของแต่ละคน ฯลฯ
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าควรใช้ มาตรา 44 ต่อไปหรือไม่?
อันดับ 1ควรใช้ต่อไป78.65%
เพราะ เป็นอำนาจเด็ดขาด เหมาะกับการใช้ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ช่วยควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองได้ดี ฯลฯ
อันดับ 2ไม่ควรใช้21.35%
เพราะ เผด็จการมากเกินไป ขาดการตรวจสอบ ควรใช้วิธีอื่นแทนการใช้มาตรา 44 ปฏิรูประบบข้าราชการใหม่ ฯลฯ
เมื่อถามว่า สิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึงผู้ที่มีอำนาจใช้มาตรา 44 คือ
อันดับ 1ขอให้ใช้อำนาจอย่างถูกต้อง ยุติธรรม ไม่ใช้เกินขอบเขต 76.56%
อันดับ 2ก่อนจะดำเนินการใด ๆ ควรตรวจสอบกลั่นกรองอย่างละเอียด ไม่อยากให้ลงโทษผิดตัว 67.71%
อันดับ 3อยากให้ใช้มาตรา 44 กับเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศด้วย 62.42%
อันดับ 4ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ เด็ดขาด จริงจังและต่อเนื่อง 61.67%
อันดับ 5ผู้ที่มีอำนาจใช้มาตรา 44 ต้องซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ 54.69%
ด้าน กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “สังคมไทยกับความห่างไกลการทุจริตคอร์รัปชัน” เนื่องในวันที่ 6 กันยายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านการคอร์รัปชันแห่งชาติ โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,232 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 72.0 เห็นว่าสถานการณ์ปัญหาการคอร์รัปชันในสังคมไทยมีความรุนแรงค่อนข้างมาก ถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 24.6 เห็นว่า มีความรุนแรงค่อนข้างน้อย ถึงน้อยที่สุด มีเพียงร้อยละ 3.4 ไม่แน่ใจ
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาการคอร์รัปชันของสังคมไทย ควรเน้นปฏิรูปในเรื่องใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 60.8 อยากให้เร่งปฏิรูปการเมือง นักการเมือง มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 57.3 อยากให้ปฏิรูประบบข้าราชการ และ ร้อยละ 54.0 อยากให้ปฏิรูปเศรษฐกิจให้โปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง (ร้อยละ 54.0)
สำหรับความเห็นของประชาชนต่อการปฏิรูป และการแก้ปัญหาการคอร์รัปชันของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 69.5 เห็นว่า มีการปฏิรูปและการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้อยละ 23.1 เห็นว่า ไม่ค่อยมีการปฏิรูปและแก้ปัญหา ที่เหลือร้อยละ 7.4 ไม่แน่ใจ
เมื่อถามต่อว่า ปัญหาการคอร์รัปชันเป็นอย่างไร หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงานครบ 2 ปี ส่วนใหญ่ร้อยละ 73.8 เห็นว่า ดีขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ ร้อยละ 16.9 เห็นว่า ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และร้อยละ 5.4 เห็นว่า แย่ลงกว่าเดิม มีเพียงร้อยละ 3.9 ไม่แน่ใจ
นอกจากนี้ เมื่อถามว่า เชื่อมั่นเพียงใดว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถสร้างความโปร่งใสให้ประเทศไทยมีอันดับการคอร์รัปชันโลกดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาได้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 67.8 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อย 25.9 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ส่วนที่เหลือร้อยละ 6.3 ไม่แน่ใจ
ส่วนข้อคำถามที่ว่าหากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาต่อจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปัญหาการคอร์รัปชันจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 49.7 คิดว่า การคอร์รัปชันจะกลับมาเหมือนเดิม ขณะที่ร้อยละ 29.4 คิดว่า การคอร์รัปชันจะลดน้อยลง ส่วนร้อยละ 20.9 ไม่แน่ใจ
ทั้งนี้ เมื่อถามต่อว่า เชื่อมั่นเพียงใดว่ารัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง จะช่วยป้องกันการคอร์รัปชั่นต่าง ๆ ได้ หากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ส่วนใหญ่ร้อยละ 48.3 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 39.2 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ส่วนร้อยละ 12.5 ไม่แน่ใจ
สุดท้ายเมื่อถามว่า ตัวท่านเองมีทัศนคติต่อต้านการคอร์รัปชันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างไร หลังจากการรณรงค์ปราบปรามการคอร์รัปชันของรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ร้อยละ 39.3 มีทัศนคติต่อต้านการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น ขณะที่ร้อยละ 37.2 มีทัศนคติต่อต้านเหมือนเดิม และร้อยละ 19.1 มีทัศนคติต่อต้านลดลง มีเพียงร้อยละ 4.4 ไม่แน่ใจ