โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ ประชาชนพอใจรัฐบาลมากขึ้น ถือเป็นกำลังใจในการทำงาน รวมทั้งถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศน่าอยู่ จากนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ พร้อมขอบคุณที่เชื่อมั่น วอนช่วยกันสนับสนุนให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า เคารพกฎหมาย ต่อต้านคอร์รัปชัน และรับฟังข่าวที่รอบด้าน เชื่อถือได้
วันนี้ (21 ส.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบผลสำรวจจากศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ว่า ประชาชนมีความพอใจในการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น จากการสำรวจเมื่อครบ 1 ปี 6 เดือน ได้คะแนนเฉลี่ยที่ 5.92 คะแนน มาวันนี้รัฐบาลทำงานครบ 2 ปี คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 6.19 คะแนน ถือเป็นกำลังใจในการทำงานของรัฐบาล
“คะแนนการทำงานของรัฐบาลสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ด้านความมั่นคงของประเทศ ด้านการบริหารจัดการ และด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ส่วนคะแนนความพึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของท่านนายกฯ เมื่อครบ 1 ปี 6 เดือนได้ 7.24 คะแนน วันนี้เพิ่มขึ้นเป็น 7.57 คะแนน โดยคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ความเด็ดขาดกล้าตัดสินใจ ความซื่อสัตย์สุจริต และความขยันทุ่มเท นอกจากนี้ หน่วยวิจัยของนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ นิตยสารระดับโลกที่จัดอันดับประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลก ได้ระบุว่า กรุงเทพมหานคร เป็น 1 ใน 6 เมือง ที่มีการปรับปรุงให้น่าอยู่ขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีความมั่นคงของประชาชนดีขึ้นจากปีที่แล้ว โดยการจัดอันดับประเทศน่าอยู่พิจารณาจากคุณภาพชีวิตของประชาชน 5 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคง สาธารณสุข วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหลายเมืองถูกลดอันดับลงจากปัญหาการก่อการร้าย” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ เมืองที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก 3 อันดับแรก จาก 140 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ 1. เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย 2. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และ 3. เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ซึ่งล้วนเป็นประเทศร่ำรวยที่มีความหนาแน่นของประชากรต่ำ
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ท่านนายกฯ ขอบคุณเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่ตั้งใจทำงาน จนเป็นที่พอใจของประชาชน และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เห็นความตั้งใจ และเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล จากนี้รัฐบาลก็จะเดินหน้าต่อไปตามโรดแมปที่วางไว้ โดยสานต่อเจตนารมณ์เดิมที่ตั้งใจจะเร่งรัดการปฏิรูปและวางรากฐานต่าง ๆ เพื่อประเทศในระยะยาว อาทิ การจัดสวัสดิการและดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน การป้องกันปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการและการเมือง การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ รวมถึงการยกระดับสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของไทยให้ได้มาตรฐานสากลขายได้ราคาดีขึ้น
“นายกฯ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ องค์กรอิสระ มูลนิธิ สื่อมวลชน และประชาชนในทุกภาคส่วนสังคม ช่วยกันสนับสนุนให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และรักษาความสงบเรียบร้อย ด้วยการเคารพกฎหมาย ไม่ส่งเสริมการทุจริตคอร์รัปชัน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบสิ่งผิดปกติทั้งหลายที่อาจเป็นภัยต่อสังคม ให้ความร่วมมือกับนโยบายภาครัฐ รวมถึงรับฟังข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน และพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียด้วยใจเป็นกลางก่อนตัดสินใจ พัฒนาเป็นสังคมแห่งปัญญาและการเรียนรู้ เพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว