ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,197 คนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ต่อการประเมินผลงาน 2 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย 6.19 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการประเมินการทำงานรอบ 1 ปี 6 เดือน ที่ได้ 5.92 คะแนน และรอบ 1 ปี ที่ได้ 5.94 คะแนน โดยการสำรวจครั้งนี้รัฐบาลได้คะแนนเพิ่มขึ้นเกือบทุกด้าน ยกเว้นด้านความมั่นของประเทศ ที่ได้คะแนน 7.04 คะแนน ลดลงจากเดิม 7.10 คะแนน
สำหรับความพึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้คะแนนเฉลี่ย 7.57 คะแนน ซึ่งเพิ่มจากการประเมินรอบ 1 ปี 6 เดือน ที่ได้ 7.24 คะแนน โดยการสำรวจครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้คะแนนเพิ่มขึ้นในทุกด้าน และได้คะแนนมากที่สุดในด้านความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ 8.23 คะแนน ส่วนด้านที่ได้คะแนนน้อยที่สุด คือ ด้านความสามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือโครงการใหม่ๆ ได้ 6.54 คะแนน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลง พบว่าด้านนี้ได้คะแนนเพิ่มขึ้นสูงกว่าด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ปฏิรูปให้สำเร็จก่อนการจัดให้มีการเลือกตั้งตามโรดแมปในปี 2560 มากที่สุด คือ ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ได้รับสวัสดิการและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ร้อยละ 24.5 รองลงมา คือ แก้ปัญหาคอร์รัปชันของข้าราชการและนักการเมือง ร้อยละ 20.9 และจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และดูแลสินค้าเกษตรให้มีราคาสูงขึ้น ร้อยละ 11.1
สำหรับความพึงพอใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้คะแนนเฉลี่ย 7.57 คะแนน ซึ่งเพิ่มจากการประเมินรอบ 1 ปี 6 เดือน ที่ได้ 7.24 คะแนน โดยการสำรวจครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้คะแนนเพิ่มขึ้นในทุกด้าน และได้คะแนนมากที่สุดในด้านความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ 8.23 คะแนน ส่วนด้านที่ได้คะแนนน้อยที่สุด คือ ด้านความสามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือโครงการใหม่ๆ ได้ 6.54 คะแนน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลง พบว่าด้านนี้ได้คะแนนเพิ่มขึ้นสูงกว่าด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ปฏิรูปให้สำเร็จก่อนการจัดให้มีการเลือกตั้งตามโรดแมปในปี 2560 มากที่สุด คือ ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ได้รับสวัสดิการและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ร้อยละ 24.5 รองลงมา คือ แก้ปัญหาคอร์รัปชันของข้าราชการและนักการเมือง ร้อยละ 20.9 และจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร และดูแลสินค้าเกษตรให้มีราคาสูงขึ้น ร้อยละ 11.1
