xs
xsm
sm
md
lg

คลื่นใต้น้ำเขย่า “ครม.ลุงตู่” ลุ้น “บิ๊กฉัตร” อาจตกเรือแป๊ะ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ
ป้อมพระสุเมรุ

เป็นเหมือนวัฏจักรทางการเมืองไปแล้ว พอไม่มีเรื่องอะไรน่าสนใจ ประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร

สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 มีการปรับ ครม.เพียง 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ปรับเพิ่ม อำนวย ปะติเส มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ มาเป็น รมช.คลัง

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ถือเป็นการปรับครั้งใหญ่ เปลี่ยนถึง 19 ตำแหน่ง โดยมีเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด ให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาดูแลแทน ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล ที่ถูกปรับพ้นออกไป โดยในการปรับ ครม.ครั้งนั้น มีผู้ที่พ้นตำแหน่งออกไปมากกว่าผู้ที่เข้ามาใหม่ 1 ราย ส่งผลให้มีรัฐมนตรีรวมนายกฯเพียงแค่ 34 คน จากเดิมใน “ครม.ประยุทธ์ 2” มีรัฐมนตรีรวมนายกฯ 35 คน ขณะที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 กำหนดให้ ครม.ประกอบด้วย นายกฯ 1 คน และรัฐมนตรีอื่นอีกจำนวนไม่เกิน 35 คน รวม 36 คน ทำให้มีเก้าอี้รัฐมนตรีว่าง สามารถแต่งตั้งเพิ่มเติมได้อีก 2 คน ซึ่งถูกเว้นว่างไว้โดยไม่ทราบสาเหตุ

ผ่านมาร่วมปี กระแสการปรับ ครม.ก็มีอยู่เนืองๆ แต่จนแล้วจนรอด พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้ตัดสินใจก็ยังไม่ขยับปรับทัพทีมงานแต่อย่างใด แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ไม่บรรลุเป้าของหลายกระทรวงก็ตาม

อย่างไรก็ตามกระแสข่าวการปรับ ครม.ที่กำลังมีการกล่าวถึงในตอนนี้ ถือเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่ พล.อ.ประยุทธ์หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมีผลพวงมาจากการที่ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2559 ที่มีสาระสำคัญในการจัดตั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แทนที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ผ่านการพิจารณาจาก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว อยู่ระหว่างกระบวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อประกาศใช้ ซึ่งคาดว่ากระบวนการต่างๆจะแล้วเสร็จผ่านในเดือนกันยายน 2559 นี้

โดยก่อนหน้านี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ก็เป็นผู้เปิดเผยเองว่า จำเป็นต้องมีการปรับ ครม.อย่างน้อยในตำแหน่งของ อุตตม สาวนายน รมว.ไอซีที ที่ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการทูลเกล้าฯ รมว.ดิจิทัลฯคนใหม่ แต่ก็คาดว่าจะยังเป็นนายอุตตมเช่นเดิม

หากปรับเปลี่ยน ครม.กันแค่นี้ หรือจะถือโอกาสแต่งตั้งเพิ่มอีก 2 ตำแหน่งที่ว่างก็คงไม่มีปัญหา แต่พอมีกระแสข่าวปรับ ครม.ออกมา จึงมีการคาดการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีในหลายกระทรวง

โดยมีสปอตไลท์จับจ้องไปที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็น รมว.เกษตรฯ มากกว่ากระทรวงอื่นๆ ด้วยความที่เป็นกระทรวงใหญ่แต่มี รมว.เกษตรฯเพียงคนเดียว จึงมีข่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย ได้หารือ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอให้แต่งตั้ง รมช.เกษตรฯเข้ามาช่วยงานตามโควต้าที่ยังเหลืออยู่

อันที่จริงกระทรวงเกษตรฯในสมัยรัฐบาล คสช.นี้ ก็เคยมี รมช.เกษตรฯมาก่อน ในการปรับ ครม.ครั้งแรกที่ตั้งนายอำนวยเข้ามา แต่ในการปรับ ครม.เมื่อเดือนสิงหาคม 58นอกเหนือจากการเปลี่ยนตัว รมว.เกษตรฯจาก ปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา มาเป็น พล.อ.ฉัตรชัยแล้ว นายอำนวย ก็ถูกปรับออกไปด้วย จึงเหลือ รมว.เกษตรฯเพียงคนเดียวอย่างที่เป็นอยู่

ค่อนข้างชัดเจนกับการที่มีการจะตั้ง รมช.เกษตรฯเพิ่ม ถึงขนาดว่ามีกระแสข่าวเตรียมตั้ง โอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ มาเป็น รมช.เกษตรฯ แต่เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ฉัตรชัย ให้สัมภาษณ์ในทำนองปฏิเสธการตั้งนายโอฬาร โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดขนาดว่า ไม่รู้จักนายโอฬารมาก่อน แต่ พล.อ.ฉัตรชัย ก็ยอมรับว่าได้เสนอชื่อบุคคลหลายรายให้นายกฯพิจารณาแต่งตั้งเป็น รมช.เกษตรฯอยู่ในขณะนี้

จะว่าไปแล้วกระทรวงเกษตรฯในยุดนี้ก็ถือเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล คสช.มาโดยตลอด โดยเฉพาะกับการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รวมไปถึงผลพวงจากภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะสมัยนายปิติพงษ์ หรือสมัย พล.อ.ฉัตรชัย โดยเฉพาะ พล.อ.ฉัตรชัย ที่มักมีชื่อติดโผเป็นอันดับแรกในหัวข้อ รัฐมนตรีที่ประชาชนไม่ประทับใจผลงาน แทบทุกโพล ตั้งแต่สมัยที่เป็น รมว.พาณิชย์ จนมาถึง รมว.เกษตรฯ

เพิ่งมีโพลของ ม.เกษตรฯที่ออกมาไม่กี่วันก่อน ที่ พล.อ.ฉัตรชัย อยู่ในอันดับของรัฐมนตรีที่มีผลงานด้านแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน รองจาก พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร

อีกทั้งยังมีกระแสข่าวมาระยะหนึ่งแล้วว่า “บริษัทด้านการเกษตรรายใหญ่” ไม่พอใจการทำงานของ พล.อ.ฉัตรชัย ในฐานะ รมว.เกษตรฯ และยังมีความขัดแย้งด้านการทำงานกับนายสมคิด หัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วย จนต้องมีคำสั่งให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรฯแทนนายสมคิด รวมทั้งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.อ.ฉัตรชัย ไม่มีความรู้ความสามารถ ไร้วิสัยทัศน์ด้านการบริหารงานเกี่ยวกับเกษตร โดยพึ่งและอาศัยการทำงานตามคำแนะนำของข้าราชการในกระทรวงเท่านั้น

พูดกันถึงขนาดว่า พล.อ.ฉัตรชัย จะถูกเปลี่ยนตัวหากมีการปรับ ครม. แต่ พล.อ.ฉัตรชัย ผู้มีพฤติกรรมดื่มได้เฉพาะ “นมชง” จนเพื่อนสนิทต่างตั้งฉายาว่า “บิ๊กนมชง” มีความพิเศษตรงที่จบการศึกษาจาก โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 12 (ตท.12) และ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23 (จปร.23) รุ่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จึงถูกมองว่าอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ เพราะเป็น “เพื่อนนายกฯ”

หากมองข่าวที่ว่า “บริษัทด้านการเกษตรรายใหญ่” ไม่พอใจการทำงานของ พล.อ.ฉัตรชัยเป็นตรรกกะแล้ว ก็ต้องบอกว่า พล.อ.ฉัตรชัยอาจจะเหมาะสมกับเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ จากแนวทางที่ไม่ไปสนับสนุน “กลุ่มทุน” เท่ากับมีจุดยืนที่ยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ตลอดจนไปถึงความเด็ดขาดในการดำเนินนโยบายกวาดล้างการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.อย่างจริงจัง จนไปสะดุดเท้า “บิ๊กกลุ่มทุน” เข้า

แต่ตัว พล.อ.ฉัตรชัยก็มักถูกตั้งคำถามถึงเรื่องความสามารถในการทำงาน ตั้งแต่สมัยที่เป็น รมว.พาณิชย์ ที่ถูกภาคธุรกิจสายตรงแจ้ง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “มือไม่ถึง” แถมเจอแรงเสียดทานที่นานาชาติ "แบน" ไม่เจรจากับตัวแทนทหาร เป็นผลทำให้การเดินสายค้าขายกับต่างประเทศต้องสะดุดจนแทบหยุดชะงัก หนักไปกว่านั้นยังถูกนำชื่อไปพัวพันกับการ “ล่องหน” ไปของข้าวในสต๊อกรัฐอีกด้วย ก่อนที่จะถูกโยกมาเป็น รมว.เกษตรฯ กระทรวงเกรดใกล้ๆกัน

การปรับ ครม.หนนี้ พล.อ.ฉัตรชัย จะอยู่หรือไปต้องลุ้นกัน

ไม่เพียงแต่ พล.อ.ฉัตรชัยเท่านั้นที่ต้องลุ้น ยังมีรัฐมนตรีท๊อปบูตอรกหลายคนที่ตุ่มๆต่อมๆ ทั้ง “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่ค่อนข้างไร้บทบาท ภายหลังจากไปพัวพันกับเรื่องความผิดปกติของโครงการอุทยานราชภักดิ์ “บิ๊กบี้” พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ที่เคยมีข่าวเปรยกับคนใกล้ชิดว่า อยากพักผ่อน หรือ “บิ๊กน้อย” พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ที่อาจถูกปรับไปทำหน้าที่อื่นแทน ซึ่งหากมีการขยับขยายในส่วนของสายทหาร ก็จะมีรัฐมนตรีท๊อปบูตใหม่ๆเข้ามา ในลักษณะของการตอบแทน หรือรองรับนายทหารระดับสูงที่กำลังจะเกษียณ อย่างที่ปรากฎตามข่าวทั้ง “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. และ “บิ๊กโชย” พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นต้น

แต่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ก็ปฏิเสธในส่วนของ 2 รายนี้แล้ว รวมทั้งยืนยันว่าจะยังไม่มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ประหนึ่งต้องการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมจาก “คนใน” เอง ที่บางคนอาจต้องการข้ามห้วยย้ายกระทรวง หรือหลายคนที่อยากมาสอดแทรกใน ครม.แทนที่คนเก่าๆบ้าง

ปรับน่ะปรับแน่นอน แต่ก็กลัวจะวิ่งกันฝุ่นตลบ ก็เลยต้องเบรกคลื่นใต้น้ำกันไว้ก่อน.
กำลังโหลดความคิดเห็น