นายกรัฐมนตรี ลั่นทำรถไฟเป็นทางคู่ให้ได้ ชูรถไฟความเร็วสูงหวังเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจสู่ยุโรป บอกรัฐบาลเติมน้ำเกลือคนไข้ให้ฟื้น แต่ไม่รู้รัฐหน้าจะสานต่อหรือไม่ ยันเชื่อมรถไฟฟ้าม่วง-น้ำเงินต้องได้ ชี้แก้รถติดเหมือนต่างชาติไม่ได้เพราะประชาชนมหาอำนาจ สับไอ้พวกหลับหูหลับตาขวางไปเรื่อย จวกพวกกุบิดเบือนค่านิยมจอมพล ป. ยันกำลังแก้ทัวร์ศูนย์เหรียญ ระบุต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่หมด ต้องไม่ให้ใครมาดูถูกคนไทย
วันนี้ (1 ก.ย.) ที่หอประชุมกองทัพเรือ เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ - ยุทธศาสตร์ทหารระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560-2579 พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า ในเรื่องความเชื่อมโยง รถไฟทะเลาะกันจะเป็นจะตาย วันนี้สำรวจรัฐบาลนี้เข้ามามีอยู่ 4 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นรถไฟทางคู่ 96 เปอร์เซ็นต์เป็นทางเดี่ยวทั้งหมด ถามว่าจะวิ่งเร็วไปไหน ทางข้ามจะต้องทำใหม่ทั้งหมดเพราะคนไม่มีระเบียบวินัยอยากข้ามก็ข้าม ก็ต้องตัดถนนใหม่ มันตีอยู่อย่างนี้เพราะเราไม่เริ่มต้นตั้งแต่การเอากฎหมายมาปฏิบัติ และเจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะความขัดแย้งสูง ผู้มีอำนาจก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะมีผลกระทบต่อทางอื่นด้วย ดังนั้นเรื่องรถไฟเราต้องทำให้เป็นทางคู่ให้ได้ ขณะที่รถไฟความเร็วสูงจะต้องสร้างเพื่อเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจ และสามารถเชื่อมไปทวีปยุโรปรวมถึงประเทศอื่นๆ ได้ วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่างทั้งมากบ้างน้อยบ้างช้าบ้างเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัย เวลาและปัญหาเดิมที่มีอยู่หนักมากหรือไม่ เหมือนกับดูแลคนไข้ใกล้ตาย ไข้หนัก ไข้เบา ไข้ใกล้ตาย จะไม่ฟื้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ รัฐบาลได้เติมน้ำเกลือให้แล้วและกำลังฟื้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องรถไฟตนตีกรอบไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลหน้าที่ท่านเลือกเขาเข้ามาจะสานต่อหรือไม่ แต่เราได้ตีกรอบยุทธศาสตร์ชาติว่าหากเขาไม่ทำ มีอะไรที่ทำดีกว่านี้ก็ไปว่าอะไรเขาไม่ได้ สำหรับรถไฟสายสีม่วงเราโดนด่าทุกวัน เรื่องกิโลเมตรเดียวสู้กันมาสองปีแล้ว แต่เอาล่ะเรากำลังปลดล็อก 1 กิโลเมตรต้องได้ ต่อไปราคาแพงรัฐบาลก็ลดครึ่งหนึ่งซึ่งมันขัดแย้งกันไปหมดทุกอย่างเป็นทีโออาร์ที่ร่างไว้แต่เดิม มันก็ต้องเป็นไปตามนี้ จะให้ใช้มาตรา 44 ก็ไม่ได้เพราะทุกอย่างจะพังเนื่องจากเป็นการลงทุนกับต่างประเทศ วันนี้เชื่อมโยงทั้งหมด ถามว่าในกรุงเทพฯ จะแออัดแบบนี้ได้เท่าไหร่ รองนายกฯ ประชุมแก้ปัญหาจราจรกรุงเทพฯ พูดจนคอแห้งแต่จะแก้ได้อย่างไร เพราะมีการเจริญเติบโตมากขณะนี้ ถ้ามาจัดระเบียบใหม่ขึ้นมาจะยอมรับกันได้มากแค่ไหน พอตนพูดไปยกตัวอย่างทำได้หรือไม่ มาด่าตนเป็นแถวว่าคิดแบบนี้ได้อย่างไร บ้านตัวเองมีรถกี่คัน คนบ่นคือคนที่รถติด ตนก็บอกทำอย่างที่ต่างประเทศเขาทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ทำ แต่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ทำไม่ได้อยู่แล้ว หลายอย่างต่างประเทศทำได้แต่ไทยทำไม่ได้เพราะไทยเป็นมหาอำนาจในประเทศคือประชาชน
“ที่พูดทั้งหมดเข้าใจกันหมดในที่นี้ แต่ไอ้พวกขัดขวางก็หลับหูหลับตาไปเรื่อย ที่พูดกันนี้ผมโดนอีกแน่นอน วันนี้สื่อเสนอข่าวทั้งหมดเป็นเรื่องการเมือง ความขัดแย้ง ตื่นเช้ามาผมก็ไม่เข้าใจไอ้นี่หย่ากับคนนั้น เลิกกับคนนี้เรื่องในครอบครัว ก็แถลงกันเป็นครึ่งชั่วโมง สมัยก่อนมีอยู่อย่างเรื่องการตามล่าหาควายเผือก ไม่รู้ตามกันทำไม แต่ที่ผมพูดทั้งหมดไม่เอาไปพูดเลย พล.อ.ประวิตร พูดก็เอาเป็นข่าวนิดหน่อยพอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีพูดยิ่งโดนหนักไปอีก ไหนบอกเศรษฐกิจจะดีขึ้น ถามว่าชาวบ้านจะได้กำไรข้าวแต่ละเกวียนเท่าไหร่ สัก 15,000 บาทได้หรือไม่ เดี๋ยวไปช่วยกันคิดข้าวมีอยู่เยอะ แต่ระวังมอด ผมจะไม่ทำให้เสียหาย เราได้ข้าวใหม่อยู่แล้ว ส่วนของเก่าราคาก็ลดลงไปเรื่อย นี่เป็นผลเสียจากสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง ซึ่งจะผิดไม่ผิดเดี๋ยวกระบวนการยุติธรรมก็ว่ามา” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องค่านิยม 12 ประการก็หาว่าตนไปเปลี่ยนของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เดิมมีอยู่ 10 ประการ เป็นคนละเรื่อง เหล่านี้คือการปลุกปั่นให้ร้ายบิดเบือน สิ่งเหล่านี้คือการแก้ไขโดยการมีค่านิยมและจิตสำนึก ต้องคิดอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี มีส่วนร่วม เราจะต้องไม่ให้ใครมาดูถูกคนไทยได้อีก ในเวทีต่างประเทศเราต้องมีที่ยืน ถ้าเราไม่แข็งแรงก็ไม่มีที่ยืน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เรื่องการท่องเที่ยวถือว่าดีมาก อย่ากังวล รัฐบาลกำลังเข้าไปแก้ไขปัญหานอมินี ทัวร์ศูนย์เหรียญเพื่อให้ทุกอย่างกลับเข้ามาในระบบ มันอาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่หากละเลยทุกอย่างจะไปหมด แล้วเราจะได้อะไร เราได้ประสานหารือกับประเทศเพื่อนบ้านเขาก็สบายใจขึ้นเพราะเราดูแลเขา เพราะมีธุรกิจแบบนี้เข้ามาก็เสียทั้งไทยและต้นทาง ซึ่งตรงนี้เราเข้าใจกันดีอยู่แล้วไม่ต้องกังวล ต้องสร้างความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้บางอย่างต้องใช้มาตรา 44 แต่ไม่อยากจะไปก้าวล่วงเรื่องเศรษฐกิจมากนัก เราต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด ในเรื่องการส่งออกที่มีน้อยลง ยิ่งเราไม่พัฒนาจะยิ่งไปกว่าเดิม แต่เราหยุดอยู่ตรงนี้ลดบ้างเพิ่มบ้างนิดหน่อย รอบบ้านรอบโลกเขาก็ลดกันทั้งนั้น แต่มันกลายเป็นเป็นประเด็นการเมืองไป เราจะไม่ตอบโต้เขา ทั้งนี้เราจะทำอย่างให้ให้โครงสร้างเศรษฐกิจเข้มแข็งมีรายได้เข้าประเทศเชื่อมโยงประชาชนชั้นล่างนั่นคือประชารัฐ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องไม่ให้ใครมาดูถูกคนไทยได้อีก ในเวทีต่างประเทศเราต้องมีที่ยืน ถ้าเราไม่แข็งแรงก็ไม่มีที่ยืน แต่วันนี้เรามีศักยภาพเพียงพอหลายอย่าง หลายประเทศก็สนใจประเทศเรา วันนี้เราเป็นผู้นำประเทศ จี 77 ซึ่งตนนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่เขาก็ยอมรับ เราต้องทำอย่างไรให้ประเทศเข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่างๆ ต่อไปตนต้องเดินทางไปประชุมต่างประเทศอีกหลายครั้ง ถามว่าทำไมเขาถึงต้องเชิญตน ซึ่งการแสดงวิสัยทัศน์ต่อต่างประเทศ ต้องมีการพูดเชิงรุก เชิงโน้มน้าว มีการใช้ศิลปะ ตรงนี้ทหารเก่งอยู่แล้ว ทุกคนต้องทำงานอย่างมีศิลปะ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นายรัก ทำให้คนอื่นเข้ามาร่วมมือ ไม่ใช่ต้องเป็นใหญ่ตลอด หรือมีอำนาจทุกอย่าง แล้วเป็นยังไงเมื่อมีอำนาจ มันก็พร้อมที่จะไม่มีอำนาจ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เกิดแก่เจ็บตายนั้นมีหมด ธรรมมะสอนอยู่แล้วก็นำมาใช้ ไม่ใช่สอนให้ขึ้นสวรรค์กันอย่างเดียว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ตนอ่านสื่อวันนี้ ไม่ได้อ่านเพราะว่าเชื่อเขา แต่จะดูเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องอะไร แล้วก็จะสั่งการไปตามกระทรวงให้ดูเรื่องเหล่านั้น เพราะผู้ที่มีผลกระทบคือประชาชน ไปแก้ให้เขา ถนนที่พังไม่กี่ร้อยเมตรก็ซ่อมให้เขาได้ ไม่ต้องมาขอบคุณตนเพราะเป็นเรื่องของหน่วยราชการท้องถิ่น ไม่ว่าจะอะไร สั่งไปเดี๋ยวก็เสร็จ เพราะว่านายกฯ สั่งไปเอง แต่ถามว่าประกาศได้ไหมว่าตนเป็นคนสั่งเขาทำ สั่งไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ นี่คือนโยบายของรัฐบาล
“พวกเราในวันนี้ผมรับความคิดเห็นของท่าน และท่านต้องรับความคิดเห็นผมทุกเย็น และความคิดเห็นที่ผมพูดกับนักข่าว และผมไม่อยากทะเลาะกับใคร ก็มันถามชวนทะเลาะทุกวัน เป็นท่าน ท่านโกรธไหม หรือว่าชอบ ถามเรื่องเดิม บางคนก็บอกว่าอย่าไปตอบสิ แล้วอย่างผมหรือจะไม่ตอบ เพราะผมอยากให้คนเข้าใจ ที่ผ่านมาไม่ได้พูดกันถึงได้เป็นแบบนี้ แต่นี่พูดให้เขาฟังหมด มีใครเคยมาบอกไหมว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ทำอะไร ใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่ ไม่มีหรอกครับ จะฟังแต่ว่าได้ประโยชน์ตรงไหน นั่นเหละคือความคิดของเรา แต่ไม่ใช่ความผิดของเขา คือความผิดของรัฐบาล ที่ต้องทำทุกอย่างให้มันเต็มเท่าเทียมกันทุกประเทศ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายท่านอาจคิดว่าเป็นความฝันของคนไทย สิ่งแรกคือท่านมีสิทธิ์จะฝันดีก็ฝันได้ มันอยู่ที่ก่อนนอนท่านจะทำอะไรบ้าง ถ้าท่านทำความดีในตอนกลางวัน คืนนี้ท่านก็หลับสบาย ตื่นมาก็เจอแต่สิ่งดีๆ ท่านต้องทำงานตอนกลางวันให้มากขึ้น มันไม่มีอะไรที่ฝันดีแล้วแต่ตื่นมาพบความสำเร็จได้โดยไม่ร่วมมือกันทำงาน ตนไม่เคยฝันถึงใครเลย 2 ปีมานี้ ตื่นมาก็จะคิดแต่เรื่องว่างานนี้ทำหรือยัง จะโดนด่าอะไรอีก ทุกคนในรัฐบาลเป็นอย่างนี้หมด เพราะเครียด บางคนก็ไม่อยากฟังตนเท่าไหร่ เพราะ 2 ปีแล้ว แต่ก็เอาแรงขับเคลื่อนมาจากทุกท่านว่าปัญหานั้นคืออะไร ไม่มีอะไร ไม่มีทางสำเร็จหรอก ถ้าเรามีแรงศรัทธา ตนเข้ามายืนตรงนี้ก็มีแรงศรัทธาว่าต้องทำให้สำเร็จในระยะที่ 1 ให้ได้ ปัญหาเยอะ รู้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้มีความเชื่อมั่นศรัทธา และทุกคนต้องมีความศรัทธาอย่างที่ตนมี โดยเฉพาะคนไทย เว้นพวกที่ไม่ใช่ นอกจากไม่ศรัทธาแล้วยังทำลายอีก