อดีต ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ บอกไม่แปลกใจผู้ว่าฯ กทม.โดน ม.44 สอย ยันไฟ 39.5 ล้านส่อฮั้วชัด เตือนรองผู้ว่าฯ หลับหูหลับตาเซ็นจะโดนด้วย ถาม กทม.สอบไปถึงไหนแล้ว หวัง คสช.ตามคดีโกงเรื่องอื่นด้วย ด้าน “บุญยอด” แนะลาออกไปสู้แบบ “อภิรักษ์” แต่สงสัยพักตอนนี้่หวังเบี่ยงประเด็นตั้ง 30 สนช.หรือไม่
วันนี้ (25 ส.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 50/2559 ให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ หรือพักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน เพื่อให้ถูกตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือมีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ว่า ตนไม่แปลกใจ เพราะเชื่อมั่นและมั่นใจมาตลอดว่าข้อมูลที่เคยร้องเรียนไปในเรื่องต่างๆ ของ กทม.จะสามารถเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ โดยเฉพาะกรณีอุโมงค์ประดับไฟแอลอีดี 39.5 ล้านบาทที่ส่อฮั้วชัดเจน และเท่าที่ติดตามการออกคำสั่งของคสช.ในการสั่งพักงานข้าราชการท้องถิ่นที่ผ่านมาจะใช้วิธีเชือดส่วนหัว หรือหัวหน้าองค์กรนั้นๆ เป็นธรรมเนียมปฎิบัติคือให้พักงานระยะยาว ส่วนรองผู้ว่าราชการ กทม.ที่เหลือ ถ้ายังหลับหูหลับตาเซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ ทั้งที่มันโจ๋งครึ่มต่อไปอีก ก็เชื่อว่าจะโดนด้วย
นายวิลาศกล่าวว่า ส่วนกรณีของรองผู้ว่าฯ กทม.ที่ตนเคยถูกร้องเรียนไปทั้งเรื่องทุจริตหรือการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบนั้น แม้จะถูก สตง.ชี้มูลเบื้องต้น แต่ก็ต้องรอให้ กระทรวงมหาดไทย ต้นสังกัดสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและความเสียหายเพื่อตรวจสอบก่อน หรือรอให้ทาง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญาก่อนจึงจะชัดเจน อย่างกรณีอุโมงค์ไฟ กทม.ที่มหาดไทยสั่งให้ กทม.ตั้งกรรมการสอบสวน แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบว่า ทำถึงขั้นตอนไหน และหวังว่า คสช.จะติดตามในเรื่องอื่นที่ตนเคยร้องเรียนถึงการทุจริต คอร์รัปชันต่อ สตง.และ ป.ป.ช ที่อยู่ระหว่างสอบสวน หากถึงใครก็ไม่ควรให้อยู่ทำหน้าที่จะปราบทุจริตต้องทำให้จริง
ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับตัวผู้ว่าฯ กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กันแล้ว ดังนั้นถือว่าคำสั่งนี้มีอำนาจที่ คสช.ทำได้ ซึ่งทางของนักการเมืองก็ต้องไปพิสูจน์ตัวเองถ้าไม่มีความผิดจริงก็สามารถกลับมารับตำแหน่งได้อย่างมีศักดิ์ศรี เหมือนกรณีที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.ลาออกเพราะถูกชี้มูลโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่เรื่องนี้มีหลายคนสงสัยว่าทำไมจึงมีคำสั่งพักงานออกมาในช่วงเวลานี้ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเรื่องการเพิ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 30 คนในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่ อีกทั้งยังมีข่าวว่าจะมีการพิจารณา 3 วาระในคราวเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่สภาปกติไม่ทำกัน จึงขอให้ สนช.พิจารณาอย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์และการใช้งบประมาณต่างๆ ของบ้านเมือง ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ วิงวอนขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ และขอให้ประชาชนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
