อดีต ส.ส.ปชป.ตั้งคำถาม รบ.พิจารณาประสิทธิภาพการทำงาน สนช.หรือยัง หลังเพิ่มอีก 30 คน ย้อนอ้างเพิ่มเพื่อให้ทำงาน กม.หรือแค่รองรับคนที่เกษียณราชการ ชี้เปลืองงบขั้นต่ำ 62 ล้าน แถมสมาชิกเข้าร่วมประชุมน้อย แนะควรติดตามสมาชิกปัจจุบันมาทำงานจะดีกว่า ชี้ไม่มีเวลาก็ควรให้คนอื่นทำแทนดีว่าเพิ่มตำแหน่ง
วันนี้ (24 ส.ค.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเพิ่ม สนช.จาก 220 เป็น 250 คนโดยอ้างเพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญว่า อยากตั้งคำถามถึงรัฐบาลซึ่งตามมีอำนาจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ว่ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องเพิ่มจำนวน สนช. มีการพิจารณาถึงประสิทธิภาพการทำงานของ สนช.ในปัจจุบันแล้วหรือยัง การเพิ่มจำนวนจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือเพียงแค่เป็นการรองรับกลุ่มบุคคลที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ โดยอยากให้ทบทวนเพราะการเพิ่มจำนวน สนช.หมายถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามมาราว 62 ล้านบาทต่อปี หากมีการเพิ่ม สนช.จำนวน 30 คนตามที่มีการเสนอข่าวในขณะนี้
นายบุญยอดยังได้แจกจงตัวเลขค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องนำงบประมาณมาดำเนินการว่า สนช.1 คน ได้รับเงินเดือนรวม 113,560 บาท สามารถตั้งผู้เชี่ยวชาญได้ 1 คน เงินเดือน 24,000 บาท ผู้ชำนาญการอีก 1 คน เงินเดือน 2 หมื่นบาท ผู้ช่วย 15,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 172,560 ต่อ สนช.1 คน เท่ากับปีละ 2,720,070 บาท เพิ่ม 30 คนคิดเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า 62 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ยังไม่รวมเบี้ยประชุมกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในขณะที่สถิติการประชุม เช่น วาระการถอดถอนนายประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย มีผู้เข้าร่วมประชุม 154 จาก 220 คน คิดเป็นร้อยละ 70 เท่านั้น ที่สำคัญในวันเดียวกันบางวาระที่ต้องลงมติมีผู้เข้าร่วมประชุมเพียงแค่ 136 คนเท่านั้น เหตุใดสมาชิกจึงเข้าร่วมประชุมน้อยขนาดนี้ คนที่ไม่เข้าร่วมประชุมหายไปไหนและเมื่อดูบันทึกรายงานการประชุมโดยทั่วไปเฉลี่ยแล้วจะมีผู้เข้าร่วมประชุมเพียง 170 คนเท่านั้น
“ผมจึงมีคำถามว่าการจะเพิ่มจำนวน สนช.โดยอ้างเหตุว่าต้องมีการพิจารณากฎหมายเพิ่มขึ้นนั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือต้องการเพิ่มตำแหน่งว่างเพื่อรองรับใครที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ทั้งที่รัฐบาลควรจะใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการบริหารประเทศ และจำนวน สนช.ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยังไม่ร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันเท่าที่ควร สิ่งที่ สนช.ควรทำจึงไม่ใช่การเพิ่มจำนวน แต่เป็นการติดตาม สนช.ปัจจุบันให้มาปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มประสิทธิภาพจะดีกว่า ถ้าตามคนที่มีอยู่มาทำงานไม่ได้จะเพิ่มคนงานอีก ไม่ว่าโรงงานไหน บริษัทไหนก็ไม่ให้ แถมยังต้องกลับมาพิจารณาด้วยว่าคนที่อยู่แต่ไม่ทำหน้าที่ยังควรอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ เพราะถ้าคนเหล่านี้ไม่มีเวลาที่จะปฏิบัติหน้าที่เพราะมีตำแหน่งซ้ำซ้อนอยู่ ก็ควรออกจากตำแหน่งไปแล้วเปิดทางให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทนจะดีกว่ามาเพิ่มจำนวน สนช.อีก 30 คน” นายบุญยอดกล่าว