ทนาย 15 นปป.ยื่นศาลทหารขอประกันตัวรายละ 1 แสน อ้างมีปัญหาสุขภาพ-ไม่มีคนดูลูก ยันไม่เชื่อมโยงเหตุป่วนหลายจังหวัดใต้ เหตุแต่ละคนสูงวัย พบปะกันในลักษณะสภากาแฟ แถมรับซื้อของเก่าแล้วพบอาวุธสงครามดันส่อถูกแจ้งข้อหา เผยต่างประเทศจับตาอยู่
วันนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ซึ่งเป็นทนายความของ 15 ผู้ต้องหาในคดีผิดตามมาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ได้เดินทางมายื่นเอกสารและหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวทั้ง 15 คน หลังจากที่ศาลทหารกรุงเทพได้อนุญาตฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้ง 15 คนเป็นแกนนำพรรคแนวร่วมปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย (นปป.)
ทั้งนี้ นายธนเดชกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทีมทนายความได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย และได้สอบถามสภาพแต่ละคนซึ่งทราบว่าแต่ละคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพและวันนี้จึงได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นเหตุผลในการประกอบการยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 คน โดยจะใช้หลักทรัพย์ประกันตัวตามที่ตุลาการเจ้าของสำนวนประเมินไว้รายละ 1 แสนบาท ซึ่งจะเป็นเอกสารที่ดินหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท และเงินสดจำนวน 5 แสนบาท ขณะที่นายชินวร ทิพย์นวล หนึ่งในผู้ต้องหานั้นอาศัยอยู่กับบุตรสาวอายุ 8 ขวบ เพียงสองคน ไม่มีใครดูแล ขณะนี้ก็ฝากบุตรสาวไว้กับคนรู้จัก จึงจะนำเหตุผลนี้ไปยื่นประกอบด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าศาลทหารหมดเวลาทำการไม่สามารถยืนขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 คนได้ในวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ตนขอชี้แจงว่าในวันดังกล่าวทางกองบังคับการปราบปรามส่งตัวผู้ต้องหามาที่ศาลทหารค่อนข้างล่าช้า ทำให้ทางทีมทนายความเตรียมหลักทรัพย์ไม่ทันจึงขอเลื่อนเจ้าหน้าที่ศาลทหารฯว่าจะขอทำเรื่องประกันตัวทั้งหมดในวันที่ 22 ส.ค.
เมื่อถามว่ามีข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 15 คนอาจเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในภาคใต้ 7 จังหวัด นายธนเดชกล่าวว่า ช่วงแรกก็มีข่าวแบบนั้น แต่ถ้าเห็นจากแนวทางการสอบสวนไม่สามารถนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกันได้ ดังนั้นตนคิดว่าคดีนี้ไม่น่าจะแจ้งข้อกล่าวหาคดีระเบิดต่อผู้ต้องหาทั้ง 15 คน เพราะแต่ละคนอยู่ในช่วงสูงวัย ทั้งนี้ การที่พวกเขาไปพบปะกันก็เป็นไปในลักษณะของสภากาแฟแลกเปลี่ยนความเห็นในลักษณะของผู้สูงอายุ ซึ่งไม่ใช่การแลกเปลี่ยนทางการเมือง ส่วนประเด็นครอบครองอาวุธสงครามนั้นมี 1 รายเป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่าเขารับซื้อของเก่าแล้วพบอาวุธสงคราม จากนั้นก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลมาตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่กลับแจ้งข้อกล่าวหา โดยเรื่องนี้เรายังดูอยู่ เพราะยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ทางองค์กรต่างประเทศก็ให้ความสนใจสอบถามมามาก เนื่องจากเห็นว่าไม่ควรมีการแจ้งข้อกล่าวหานี้ขึ้น