“ประยุทธ์” ย้ำรอแม่น้ำ 5 สายสรุปถึงรู้วันเลือกตั้ง ใครจะพูดอะไรให้ไปถามเอง ย้อนนายกฯ คนนอกทำไมต้องมาระวังตนกับ “ประวิตร” บอกรับไม่รับก็ผิดจึงปัดตอบ เมินผ่อนคลายแสดงความเห็นการเมือง ลั่นยึด กม. ซัดนักการเมืองกระสันเลือกตั้ง ดักยังไม่ถึงเวลาแต่งตัวรอให้รู้ธีมปาร์ตี้ก่อนถึงจะรู้ว่าต้องเตรียมอะไร แจงสอบป่วนใต้มีทั้งใต้ดินบนดิน ลั่นแบ่งรัฐซ้อนรัฐไม่ได้ จ่อหาหลักฐานโยง ปชต.ใหม่ส่อใช้ความรุนแรง
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.15 น. ตึกสันติไมตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดเผยปฏิทินการเลือกตั้งว่า หลังจากดูกำหนดการต่างๆ หากขั้นตอนการจัดทำกฎหมายลูกไม่มีปัญหาติดขัดจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 10 ธันวาคม 2560 ว่าเรื่องนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบไปแล้ว และที่สำคัญเรื่องนี้ กกต.เป็นคนพูด ตนเองไม่ได้พูด เป็นการทำงานของแม่น้ำ 5 สายทั้งหมดต้องได้ข้อยุติก่อน เริ่มต้นก็ต้องดูว่ากฎหมายลูกเสร็จแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปนับต่อตรงนั้นซึ่งจะมีช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว และเมื่อถึงกำหนดเวลาเมื่อไรก็เมื่อนั้น ซึ่งก็บอกไว้แล้วว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นปลายปี 2560
“เพราะฉะนั้นผมพูดอะไรก็จบแค่นั้น ใครจะพูดอะไรต่อจากนั้นก็ไปถามเขาเอง ก็เป็นเจตนาของท่าน ความคิดของท่าน ท่านก็บอกแล้วไม่ใช่หรือง่ายเป็นความคิดของตัวเอง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะทุกคนมีสิทธิ์อยากพูดอะไรก็พูด แต่พูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง ส่วนความพร้อมจะพร้อมหรือไม่พร้อม ไม่ได้อยู่ที่ผม หน้าที่ของผมคือทำรัฐธรรมนูญ ประกาศใช้ ทำกฎหมายลูก ซึ่งก็เป็นไปตามที่หน่วยงานรับผิดชอบ จากนั้นก็มีหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งในปลายปี 2560 ซึ่งความพร้อมทั้งหมดขึ้นอยู่กับภาคประชาชน ภาคการเมือง นักการเมืองเองก็ต้องพร้อม จะต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองบ้างจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก คิดว่าทุกคนพยายามทำอยู่แล้ว ยกเว้นบางพวกบางคนที่ไม่ค่อยทำ ก็ต้องไปถามเขาเอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่มีการพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนนอก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ตนพูดไปเมื่อวันก่อนความหมายคือทุกอย่างที่ถามกันต่างๆ นานา แล้วถ้าไม่ใครก็ให้มาถามตนเอง ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกทำนองนี้ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องของกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่คนนั้นคนนี้จะออกมาพูดได้ว่าจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปดูว่ากฎหมายเขียนว่าอย่างไร รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างไร ก็ยังไม่ถึงเวลา ต้องดูด้วยว่าสถานการณ์เกิดอะไรขึ้น
“ทำไมต้องมาระวังผม ระวังท่านประวิตร (วงษ์สุวรรณ) อยู่ 2 คน ไม่มีคนอื่นหรืออย่างไร นั่นคือประเด็นที่ผมพูด พรรคการเมืองเองก็ต้องเสนอชื่อคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 3 คนไม่ใช่หรือ ก็ต้องไปหามา ไอ้ที่พูดว่าให้มาถามผมคือถ้ามันไปไม่ได้แล้วค่อยมาถามผม ติดอะไรค่อยว่ากัน ผมถึงได้บอกว่าทำไมต้องไปกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น ขอร้องว่าอย่าไปมองว่าไอ้นี่ออกมาเพื่อไปเกื้อหนุนคนกลุ่มนี้ ผมเห็นทะเลาะกันอีกแล้วในเรื่องของกฎหมายลูกว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปคือใคร ปัดโธ่ มันจะไปรู้ได้อย่างไร เรื่องของวันข้างหน้า การเลือกตั้งก็อีกหลายเดือน เป็นปีๆ”
เมื่อถามว่า หากถึงเวลานั้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแล้วมี ส.ว.เสนอชื่อให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อผ่าทางตันจะรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่รู้ ผมยังไม่รู้เลยว่า ส.ว.เสนอได้หรือไม่ เขายังเถียงกันอยู่ เรื่องนี้ไม่รู้เลย อย่ามาถามสิ่งที่ยังไม่รู้” เมื่อถามว่า แสดงว่ายังไม่ปิดโอกาสตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่มีทั้งปิดและเปิด ผมขอเอาตรงนี้ให้จบก่อน ไปทีละขั้น เพราะถ้าพูดอะไรไปเดี๋ยวคนก็จะมาว่าได้ว่าก็พูดและประกาศไปแล้ว แสดงว่าเปิดรับ ไม่ว่าจะพูดไปทางไหนก็ผิดทั้งสองดอก ผมเลยไม่พูดเสียดีกว่า และไม่ต้องมาถามโดยใช้คำว่า ถ้า หรือสมมติว่า” เมื่อถามว่า พร้อมหรือไม่หากถึงเวลานั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ วันนี้เอากติกาให้พร้อมก่อน นักมวยเดี๋ยวค่อยหาตัว วันนี้กติกา กรรมการยังไม่พร้อม จะมาหานักมวยก่อนจะรู้กติกากันหรือไม่ มันต้องเอากติกาเป็นหลักก่อน ถึงจะมีตัวนักมวย และต้องหากรรมการที่เหมาะสมก่อน
เมื่อถามว่า คนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ต่อยมวยเก่งหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต่อยมวยหรือ สำหรับคนไทยต่อยมวยเป็นทุกคน สำหรับตนสมัยเด็กก็ฝึกอยู่ นักเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร.เขาก็สอน จะลองหรือไม่ แต่วันนี้เจ็บแขนอยู่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินออกจากโพเดียมพร้อมทำท่าชกลม ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าทุกวันนี้ฝันว่าได้ชกมวยกับใครบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ฝัน แต่ชกเลย ชกกับตัวเองทุกวัน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงข้อเสนอให้รัฐบาลผ่อนคลายบุคคลที่ทางการจับกุมตัวกรณีออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนทันทีว่า เขาผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ว่าจะกรณีไหนมันก็ผิดกฎหมาย ถ้ากฎหมายเขียนว่ามีความผิดนั่นก็คือมีความผิด จะละเว้นไม่ได้ กฎหมายไม่ได้เขียนให้ละเว้นใครตนใดคนหนึ่ง แต่เขียนไว้ว่าห้ามทำ และถ้าทำก็ต้องถูกลงโทษ กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน รู้อยู่แล้วจะทำกันทำไม ในเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ตนเคยบอกไว้แล้วว่าบางอย่างก็อาจถูกจำกัดในเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพไว้บ้าง ไม่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาตลอด บางอย่าจึงต้องห้ามไว้บ้าง แต่พอห้ามก็กลายเป็นจุดที่บางคนนำไปขับเคลื่อนให้เกิดเรื่องราว ต้องการให้เจ้าหน้าที่จับกุมเพื่อไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ เรื่องของสิทธิมนุษยชน ไปเรียกร้องสถานทูตจนวุ่นวายไปหมด ให้ไปถามคนเหล่านี้ว่ารักประเทศไทยแค่ไหน บ้านเมืองสงบก็ไม่เห็นคนทั่วไปเขาวุ่นวายอะไรอยากถามว่า ไอ้คนที่ออกมาพูดอยู่ทุกวันนี้ทำอะไรบ้างหรือยัง พูดว่าถ้าเข้ามาแล้วจะทำอะไรให้กับบ้านเมืองบ้าง ยังไม่เห็นมีใครพูดสักคน ไอ้พวกที่แรงๆ อยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นกฎหมายก็คือกฎหมาย คนที่จะปล่อย จับกุมหรือลงโทษ ก็คือศาล เจ้าหน้าที่ก็ต้องลงโทษตามหน้าที่ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าเป็นการละเว้น ซึ่งระหว่างนี้ก็มีการดำเนินคดี และจับกุมในหลายคดี จะให้ปล่อยทั้งหมดเลยหรืออย่างไร โดยเฉพาะคดีการเมือง ถามว่าทำให้เกิดความวุ่นวายหรือเปล่า ถ้าปล่อยทั้งหมด เราก็คงใช้กฎหมายไม่ได้สักฉบับ อย่ามาทำให้กฎหมายเสีย และเราก็อย่าไปให้ท้าย ไม่เช่นนั้นก็จะพูดในเรื่องไม่จริงบ้าง พูดไปเรื่อย ป่วยบ้างจะเป็นจะตายบ้าง อย่าหาเรื่องกันนักเลย พอแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ต้องการให้ คสช.ผ่อนคลายให้พรรคการเมืองสามารถประชุมกันได้บ้าง เพราะพรรคการเมืองก็อยากแต่งตัวให้พร้อมเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาก็อย่าทำผิดกฎหมาย และยังไม่ใช่เวลาแต่งตัว ยังเขียนกฎหมายลูกไม่จบ จัดงานไม่ถูก แล้วจะแต่งตัวกันถูกได้อย่างไร มันต้องมีกติกาว่าจะจัดงานปาร์ตี้แบบไหน ซึ่งหมายถึงการเลือกตั้ง ต้องเขียนกติกาก่อนแล้วค่อยแต่งตัวได้ จะมาแต่งอะไรกันวันนี้ เลือกตั้งตั้งปีหน้า
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะมีเวลาเพียงพอให้ฝ่ายการเมืองเตรียมตัวในการเลือกตั้งได้ทันใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะไปห้ามเขาได้อย่างไร และทุกอย่างก็เดินตามโรดแมป เมื่อถึงขั้นตอนไหนก็ขั้นตอนนั้นก็จบ เขาก็ต้องเตรียมตัวปรับตัวเองตามข้อกติกาในวันนี้ อย่าไปตะแบงแบบเดิม ตนก็รับไม่ได้เหมือนกัน
“คนทั้งประเทศเขารับมาแล้ว 21 ล้านไม่ใช่หรือ มันจะอ้างอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้นเพราะกระบวนการประชาธิปไตยเขาเป็นอย่างนั้น หากประชามติออกมาแล้วเข้าข้างตัวเอง ก็บอกว่าเออใช่พอไม่ไปตามที่ตัวเองต้องการก็บอกไม่ใช่ มันถูกไหมล่ะ สร้างการรับรู้คนให้เข้าใจหน่อย ผมเคยบอกตั้งนานแล้ว ประชามติเป็นขั้นตอนแรกของการไปสู่การเลือกตั้ง ทั่วโลกเขาใช้แบบนี้อย่าไปพูดจนกระทั่งต่างชาติเขาไม่รับ แต่ผมก็ไม่สนใจถ้าเขาจะไม่รับ เพราะมันเป็นเรื่องประชาธิปไตยของไทยที่เป็นแบบนี้ บ้านท่านก็เป็นแบบนี้ มีใครได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า เคยคิดที่จะเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเคยบอกแล้วว่าที่เข้ามาทำทุกวันนี้ไม่ได้เพราะอยากหรือไม่อยาก แต่ต้องการทำให้ประเทศไทยปลอดภัยอย่างยั่งยืนเท่านั้นมันจะทำด้วยอะไรเดี๋ยวไปว่ากัน
เมื่อถามว่า คิดจะเปลี่ยนเพลงใหม่หรือยัง เนื่องจากเพลงล่าสุดที่นายกฯ แต่งได้ฟังกันมานานแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใช้เพลงเก่าดีกว่า รักกันไว้เถิด
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีออกหมายจับผู้ต้องสงสัยจำนวน 17 คนเหตุวางเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ว่า มีความคืบหน้า และมีหลายเรื่องที่ต้องสอบสวน อย่างเรื่องกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ คือมันวุ่นวายไปหมด แล้วท้ายที่สุดก็บอกว่าไม่ใช่พวก เทียม ก็ต้องคอยดูหลักฐานก็แล้วกัน วันนี้ก็มีการเคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดิน มีมาตลอด ต้องไปดูว่าวันหน้าจะมีหลักฐานชัดเจนอย่างไรเขาก็คงจะเสนอให้ทราบว่ามีอะไรบ้าง มีแผนอะไรบ้าง เกี่ยวข้องกับใคร มันก็ทั้งหมด เพราะมันมีทั้งเรื่องของขบวนการประชาธิปไตยที่ว่ามีการเตรียมการใช้ความรุนแรง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นคดีเกี่ยวกับการวางเพลิงและคดีระเบิดต่างๆ ซึ่งจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องก็ไม่รู้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ทั้ง 17 คน เดี๋ยวคดีก็คงคลี่คลาย
เมื่อถามว่า แสดงว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 17 คน ที่ถูกออกหมายจับมีความเกี่ยวข้อง เพราะกำลังสอบสวนอยู่ นายกฯ กล่าวว่า เขาต้องสอบสวนก่อน อย่างน้อยเข้าต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่าง ในเรื่องของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ขบวนการต่างๆ มีการสืบต่อเนื่องกันมานานแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นก็มีกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ ถามว่ามันตั้งรัฐซ้อนรัฐได้ไหม เพราะมันผิดอยู่แล้ว ก็ต้องไปว่าตามหลักฐานแบบไหนก็แบบนั้น ผิดก็คือผิด เพราะมีตั้งหลายมาตราที่ผิด
เมื่อถามว่า ทางการข่าวมีการรายงานมาหรือไม่ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ เคลื่อนไหวด้วยตัวเองหรือมีบุคคลอยู่เบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยังไม่รู้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ดูก่อน แต่ยอมรับว่ามันมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบางกลุ่ม มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเคยเป็นสมาชิกใครบ้างล่ะ เดี๋ยวก็คงแถลงกันได้ เจ้าหน้าที่ต้องค่อยๆ สืบสวนกันไป เดี๋ยวถ้าผมพูดไปแล้วเจ้าหน้าที่จะออกนอกทาง มาเอาตามนายกฯ พูด เพราะที่ผมพูดกับท่านผมเอาตามข่าวที่ได้รับมา สำหรับการชี้แจงอย่างเป็นทางการก็แล้วแต่เพียงว่าได้ดำเนินการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพื่อดำเนินการสอบสวนเท่านั้น 17 คน ซึ่งเป็นเรื่องของเอกสารที่เขามีอยู่ เรื่องของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ที่ว่า ผมก็อ่านจากข่าวที่ท่านลงนั้นแหละส่วนหนึ่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ถ้าเขาได้รายละเอียดเดี๋ยวเขาก็รายงานผมเอง วันนี้ต้องให้เวลาฝ่ายความมั่นคงก่อน”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในช่วงนี้ว่า ตนได้ติดตามดูอยู่ตลอด ก็พอใจในผลงานของนักกีฬาไทย จะไปกดดันพวกเขาทำไม เขาก็ทำเต็มที่แล้ว