ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จี้กรรมาธิการฯ 12 ด้าน ผลักดันงานปฏิรูปให้สำเร็จสักชิ้นก่อนหมดวาระ แนะใช้กำลังภายในช่วย เหตุทำเป็นทางการมันไม่เวิร์ก ด้าน “เสรี” ติงให้ กมธ.ประชุมโดยไร้จุดหมายไม่มีประโยชน์ ขณะที่ “วิทยา” ชงคุยแบบไม่จำกัดเวลาแล้วเสนอที่ประชุมใหม่ 22 ส.ค.ก่อนที่ที่ประชุมใหญ่จะเห็นชอบตาม
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้แจ้งต่อที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก่อนวาระการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปแต่ละคณะ ว่างานที่ สปท.จะต้องทำก่อนที่จะหมดวาระซึ่งจะออกมาเป็นกฎหมายและบางส่วนนำไปใช้ในมาตรา 44 เป็นเรื่องที่นายกฯ กระทรวงเจ้าของเรื่อง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นด้วย และคณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยร่างภาษาให้ออกมาเป็นกฎหมาย ที่สำคัญอยู่ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ว่าจะอยู่ในวาระ 1, 2 หาก สปท.และ สนช.หมดวาระไป เรื่องนั้นก็ต้องนับหนึ่งใหม่สำหรับรัฐบาลใหม่ ดังนั้น สิ่งที่เราทำมาทำให้ผลลัพธ์บั้นปลายจะสูญเปล่า หาก กมธ.ทั้ง 12 ด้านผลักดันให้งานปฏิรูปสำเร็จสัก 1 ชิ้นหรือ 2-3 ชิ้นอย่างมากที่สุดมาเป็นกฎหมายให้เสร็จก่อนที่เราจะพ้นวาระก็ประเสริฐสุดแล้ว และถ้าอะไรก็ตามไม่เสร็จเป็นกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วถือว่างานปฏิรูปที่เราเสนอไปชิ้นนั้นๆ ไม่บรรลุผล สำหรับงานปฏิรูปที่ค่อนข้างจะสำเร็จเช่น กมธ.ด้านกีฬา กมธ.ด้านการศึกษา ที่มีการตั้ง กมธ.ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องซึ่งเราต้องทำทุกวิถีทาง ล็อบบี้ ใช้กำลังภายในสูงส่ง เพราะทำงานแบบเป็นทางการมันไม่เวิร์ก
ทั้งนี้ ก่อนที่ที่ประชุม สปท.จะพักการประชุมโดยให้แต่ละคณะกรรมาธิการไปประชุมร่วมกันนั้น มี สปท.หลายคนลุกขึ้นติง อาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สปท. ติงว่าการให้ กมธ.แต่ละคณะไปประชุมโดยไม่มีจุดมุ่งหมายว่าจะให้เน้นเรื่องอะไร และระยะเวลาในการประชุมมีจำกัด เพราะจะต้องนำกลับมารายงานที่ประชุมในเวลา 13.00 น.เมื่อกลับมาในที่ประชุมแล้วให้สมาชิกอภิปรายคนละ 10 นาที ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย สปท.เสนอให้ กมธ.แต่ละคณะไปประชุมกันอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องจำกัดเวลาว่าต้องนำเข้ารายงานต่อที่ประชุมใหญ่ในช่วงบ่าย ควรจะให้ กมธ.ประชุมกันอย่างเต็มที่แล้วนำกลับมาเสนอต่อประชุม สปท.ในวันที่ 22 ส.ค.อีกครั้ง โดยประธาน สปท.และที่ประชุมก็เห็นชอบด้วย