ป้อมพระสุเมรุ
ผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ชนะฝ่ายต้านเสียขาดวิ่น นอกจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คนในรัฐบาล กรธ. จะยิ้มบานไม่หุบแล้ว
คนอื่น ๆ ที่ได้อานิสงส์ จนน่าจะมีความสุขที่สุดในโลกตอนนี้ ต้องมี “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ และอดีตเลขาธิการ กปปส. รวมอยู่ด้วย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “กำนันเทือก” คือ คนที่ประกาศ “โหวตเยส” จะรับร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงประชามติที่จะให้ ส.ว. มีส่วนร่วมในการโหวตนายกรัฐมนตรี ผลที่ออกมาก็เท่ากับเลือกถูกฝั่ง ยืนอยู่ข้าง “ผู้ชนะ”
และ “ลุงกำนัน” คนนี้ ก็เป็นคนที่คอยส่งเสียงเชียร์ “ลุงตู่” มาตลอด ไม่ว่ารัฐบาล และ คสช. จะดำเนินการอะไร เป็นทำถูกไปเสียหมด ชนิดสถาปนาตัวเองเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เหล่าท็อปบูต โดยไม่สนว่า สิ่งนั้นจะตรงตามเจตนารมณ์ของ กปปส. ที่เคยประกาศเอาไว้ตอนอยู่บนถนนหรือไม่
แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ “กำนันเทือก” รู้สึกมีความสุขมากกว่าใครใด ๆ ในประเทศไทย นั่นคือ การที่ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจออกมาประกาศ “โหวตโน” แสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงประชามติก่อนการทำประชามติไม่กี่วัน แต่ผลที่ออกมากกลับสวนทางกับจุดยืนที่ประกาศไว้
โดยเฉพาะคะแนนในพื้นที่ภาคใต้ กทม. ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก ซึ่งต่างเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ต่างปรากฏคะแนนรับร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงประชามติไปอย่างท่วมท้น ซึ่งออกไปคนละแนวทางกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นตัวท็อปของพรรคในการดึงดูดแม่ยกแฟนคลับ คนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ให้คล้อยตามได้
ทว่า ประกาศิตของ “อดีตนายกฯรูปหล่อ” กลับไม่ส่งผลสะเทือนอะไรแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามกลับยิ่งทำให้คะแนนรับร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก จนเกิดคำถามตามมามากมาย ว่า หรือมนต์ขลังของเจ้าของฉายา “มาร์ค ม.7” จะเสื่อมคลายลงไปหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน ผลที่ออกมาแบบถล่มทลาย ทำให้ “กำนันเทือก” ดูจะได้ประโยชน์ไม่ใช่น้อย นั่นก็เพราะอดีตเลขาธิการ กปปส. เป็นคนประกาศรับร่างรัฐธรรมนูญมาตลอดจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม ขณะที่ “เดอะมาร์ค” ออกมาตอนหลังแบบไปกันคนละทาง จนเกิดภาพย้อนแย้งยังเห็นได้ชัด
ผลประชามติ 7 สิงหาคม จึงกลายเป็นการ “หยั่งเสียง” เลือกข้างในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงของ “ค่ายสีฟ้า”
เมื่อผลออกมาทางฝั่งใคร คงไม่ผิดนักหากจะมีใครตีกิน ว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนนี้ใครกันแน่ที่ “ใหญ่จริง” สามารถพูดให้ประชาชนเชื่อได้ ซึ่งก็เริ่มมีการอุปมากันไปเลยเถิดถึงขนาดว่า นาทีนี้อดีตกำนันท่าสะท้อน กุมมวลชนไว้เรียบร้อยแล้ว
เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะอย่าลืมว่า ตั้งแต่ประกาศไม่เล่นการเมืองอีก “กำนันเทือก” ก็เหมือนจะโดดเดี่ยวจากพรรคประชาธิปัตย์ มีแต่อดีต ส.ส. ที่เป็นแกนนำ กปปส. เท่านั้น ที่ยังร่วมหัวจมท้ายกันอยู่ ผิดกับ “เดอะมาร์ค” ที่มีคนในพรรคสนับสนุนเต็มไปหมด
บรรดาผู้อาวุโสภายในพรรคที่กำหนดทิศทางพรรคได้ ต่างให้การสนับสนุนเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น “น้าญัติ” บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค และโดยเฉพาะ “น้าชวน” ชวน หลีกภัย นายหัวใหญ่แห่งพรรคสะตอ ที่เป็นขวัญใจตลอดกาลของคนใต้ พูดแบบไหนคนพร้อมจะเชื่อ ซึ่งรอบนี้ก็ให้สนับสนุน “เดอะมาร์ค” อย่างเสียงดัง
แต่กระนั้น 3 ผู้นำพรรคสะตอ กลับไม่สามารถทำให้คะแนนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในภาคใต้ ตีตื้นหรือแซงเสียงรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นจุดยืนของ “กำนันเทือก” ได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ “กำนันเทือก” จึงดูจะขึ้นหม้อนัก เพราะนอกจากจะสร้างผลงานได้ต้องตาตรึงใจ “บิ๊กตู่” และเหล่าท็อปบูตแล้ว ยังสามารถนำมาต่อยอดในการปฏิบัติการเปลี่ยนผ่านพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมครั้งใหญ่ เพราะต้องยอมรับว่า นาทีนี้ขวัญใจแม่ยกอย่าง “หนุ่มมาร์ค” กำลังตกที่นั่งลำบาก มีชะตากรรมที่สวนทางกันไปกับอดีตเลขาธิการพรรคคู่ใจ
จำกันได้ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาตลอดว่า “เดอะเทือก” นั้น มีความคิดในการที่จะเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน “เดอะมาร์ค” ที่ตัวเองอุปถัมภ์ค้ำชูจนได้เป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยมาแล้ว เนื่องจากมองว่า กลายเป็นของช้ำ ที่ไม่สามารถจะพาพรรคกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก
มีการปล่อยข่าวสารพัด ไม่ว่าจะเป็นแผนการดันก้น “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สายตรงคนโตเกาะสมุย ให้เข้ามาเสียบ ก่อนจะแป้กไม่เป็นท่า เพราะคนด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง กระทั่งนำเสนอแคนดิเดตใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของอดีต ส.ส. ที่เป็นแกนนำ กปปส. คอยออกมาผลัดกันอวยผลัดกันชง ทั้ง “บังหลีม” สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ที่มีแบ็กกราวนด์ดูดี หรือในราย “ดร.ซุป” ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก นักเศรษฐศาสตร์ผู้มีต้นทุนทางสังคมสูง
เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ “เดอะมาร์ค” ก็ต้องรับชะตากรรม ซึ่งจากเดิมก่อนการทำประชามติ ภายในพรรคเองก็ระส่ำระสายมาพอสมควรเป็นต้นทุนอยู่แล้ว สมาชิกแตกเป็นสองฝ่าย ระหว่างหัวหน้าพรรค กับอดีตเลขาธิการพรรค แห่งดินแดนสะตอ พอมาเจอผลประชามติคราวนี้ คงต้องบอกว่า เก้าอี้ที่เคยถูกเลื่อยอยู่แล้ว น่าจะไม่เหลือขาให้นั่งแล้ว
จริง ๆ “เดอะมาร์ค” เองก็รู้ตัวว่า เสี่ยงพอสมควรกับการที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีชอยส์ให้เลือก เมื่อผู้ใหญ่ภายในพรรค เห็นว่า ควรจะต้องแถลงออกมา อีกทั้งก่อนหน้านี้ ภายในพรรคมีปัญหาเรื่องการนำ มีการพูดตลอดว่า ตกลงแล้วพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม “เดอะมาร์ค - กำนันเทือก” ใครพวกเยอะกว่ากัน
แล้วพอ “กำนันเทือก” ออกมาประกาศรับ “เดอะมาร์ค” ก็ไม่มีทางเลือกที่จะประกาศว่ารับเช่นเดียวกัน เพราะมันอาจจะเป็นการขยายภาพออกไปในทิศทางหนึ่ง ว่า พ่อรูปหล่อของแม่ยกดินแดนสะตอยังต้องเชื่อฟังอดีตเลขาธิการ กปปส. แสดงว่า รายหลังใหญ่จริง
การประกาศว่าไม่รับ จึงเสมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทุกวันนี้ตัว “เดอะมาร์ค” เอง ยังเป็นหัวหน้าพรรคที่มีเสถียรภาพ ไม่ได้เดินตามสิ่งที่ กปปส. ทำ ทุกวันนี้ภายในยังคงเดิม แต่แล้วสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เกิดกลายเป็นคนละเรื่อง
ความขัดแย้งของทั้งสองขั้วดูจะไม่จบง่าย ๆ แน่ งานนี้ดูท่าภายในพรรคน่าจะระส่ำหนักต่อไป โดยเฉพาะเก้าอี้หัวหน้าพรรค ที่อย่างไรเสีย “กำนันเทือก” ไม่พลาดจังหวะสับเกียร์เต็มตัวเพื่อยึดการนำ “เดอะมาร์ค” เองก็รู้อยู่เต็มอก
ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ คงไม่มีความพยายามผลักแกนนำ กปปส. ที่ประกาศสวนทางกับจุดยืนของพรรคให้ลาออกไป เพราะรู้แน่ว่า เป้าหมายของอีกขั้วคืออะไร ตามคิวที่ ธีระชาติ ปางวิรุฬรักษ์ อดีต ส.ส. ชุมพร สายตรง “น้าชวน” ออกมาตะเพิดแกนนำ กปปส. เสียงดังก่อนวันลงประชามติ
แม้ไม่ใช่ “น้าชวน” พูด แต่การที่เด็กในคาถาออกมาพูด นั่นก็สะท้อนแล้วว่า อีกขั้วในพรรคก็ไม่ต้องการ กปปส. เช่นเดียวกัน
จับตาอย่าได้กะพริบ ปฏิบัติการยึดพรรคของ “กำนันเทือก” มันแน่ เพราะถ้าพลาดต้องเก็บข้าวเก็บของออกไปตั้งพรรคใหม่ แต่ก่อนอื่น สู้ให้สุดกันไปก่อน.