“คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ขอบคุณประชาชนใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ยังมั่นใจยอดใช้สิทธิแตะร้อยละ 70 “สมชัย” ชี้เหตุฉีกบัตรโดยเจตนาผิดชัดเจน คนถ่ายคลิปผิดร่วมกับคนทำ ฐานก่อความวุ่นวายด้วย โต้กลับใช้กฎหมายประชามติปิดปาก ซัดนักเคลื่อนไหวไม่ทำตามกฎหมาย
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง นำโดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ได้แถลงขอบคุณผู้มีสิทธิออกเสียงที่เดินทางไปใช้สิทธิ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กรณีการฉีกทำลายบัตรออกเสียงในหลายพื้นที่พบว่าเกิดจากความเข้าใจผิดว่าบัตรมี 2 สี เมื่อกากบาทแล้วต้องฉีกแยกจากกัน ซึ่ง กกต.จะนำปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ใช้สิทธิต่อไป ทั้งนี้หากไม่มีการร้องคัดค้านภายใน 24 ชั่วโมง หรือภายใน 16.00 น.ของวันที่ 8 ก.ค. กกต.จะประกาศผลการออกเสียงและจำนวนผู้มาใช้สิทธิและรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า การฉีกทำลายบัตรเกิดขึ้นใน 26 จังหวัดทั้งหมดเกิดจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีเพียงกรณีเดียวที่ จ.สุมทรปราการ ที่เจตนาฉีกโดยมีการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองก่อนการฉีกซึ่งนอกจากผิดมาตรา 59 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ออกเสียงประชามติแล้วยังผิดมาตรา 60 (9) ฐานก่อความวุ่นวายอีกด้วย
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ปลื้มใจที่ภาพรวมการทำประชามติครั้งนี้คนออกมาใช้สิทธิมาก มีความตื่นตัวสูง แม้ว่าขณะนี้ยังไม่รู้ว่าผลผู้ออกมาใช้สิทธิมีจำนวนเท่าไหร่ แต่เชื่อว่ามีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าการทำประชามติปี 50 แน่นอน และขณะนี้ประเมินว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิน่าจะใกล้ร้อยละ 70 ส่วนกรณีการฉีกบัตรออกเสียงประชามติที่อาจจะมีเจตนานั้น นอกจากคนที่ฉีกบัตรจะมีความผิดแล้ว อีก 2 คนที่ถ่ายคลิปวิดีโอก็จะถือว่ามีความผิดในฐานก่อความวุ่นวายในการทำประชามติด้วย
ทั้งนี้ กกต.คาดหวังว่าผลการลงประชามติจะเป็นที่ยุติ ไม่ว่าจะมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิแค่ไหน และคะแนนเห็นชอบไม่เห็นชอบจะแตกต่างกันอย่างไร ที่เกรงกันว่าผลประชามติที่จะออกมาเป็นเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศหรือไม่ จากที่ตรวจสอบจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิคิดว่าน่าจะเกินกว่าร้อยละ 50 จึงน่าจะก้าวข้ามประเด็นนี้ไปได้แล้ว ส่วนผลคะแนนแพ้ชนะกัน หากแตกต่างกันมากก็จะสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีเจตนารมณ์ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าแตกต่างกันไม่มากก็จะเป็นสิ่งที่บอกว่าประชาชนที่คิดไม่เหมือนกันอยู่มากพอสมควร
แต่ทั้งนี้ ตนหวังว่าทุกฝ่ายจะยอมรับผลที่ออกมาและเดินหน้าไปสู่แนวทางการเมืองที่วางไว้ ยอมรับว่าที่ผ่านมา กกต.ทำอะไรที่แปลกประหลาดเยอะ แต่อยากให้มองถึงความตั้งใจที่พยายามให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มาก ทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชัน การแก้ไขกฎหมายให้มีการจัดตั้งหน่วยพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ และคนพิการ การจัดรายการดีเบต ดังนั้น ใครที่บอกว่าการออกเสียงประชามติครั้งนี้ไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ก็อยากให้ไปดูว่ามีการจัดดีเบตกี่ครั้ง และมีมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ส่วนการกระทำความผิด อยากให้มีการแยกแยะว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติกี่ราย ผิดกฎหมายความมั่นคงกี่ราย ไม่ใช่มากล่าวหาว่าใช้กฎหมายประชามติปิดปาก แต่เป็นเพราะนักเคลื่อนไหวไม่ทำตามกฎหมายต่างหาก
เมื่อถามว่า สื่อต่างประเทศมีวิพากษ์วิจารณ์การจัดประชามติครั้งนี้ไม่เป็นไปตามหลักสากล นายสมชัยกล่าวว่า ต้องดูว่าสื่อต่างประเทศมีข้อเท็จจริงเพียงใด ได้มารู้มาดูหรือไม่ว่าประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิถูกบังคับหรือไม่ เราคงไม่ให้น้ำหนักกับสื่อต่างชาติที่มีอคติ ตนไม่เชื่อว่าสื่อต่างชาติจะมีข้อเท็จจริงและมีประสิทธิภาพเพียงพอเพราะไม่ได้มารู้ข้อมูล การจะบอกว่ามีการจับกุม ปิดทีวี ถือว่าปิดกั้นเสรีภาพแล้วก็ต้องถามว่าได้มารู้หรือไม่ว่าคนที่ถูกจับกุมเกิดขึ้นเพราะอะไร เกี่ยวข้องกับประชามติหรือไม่
ส่วนที่วิจารณ์ว่าประชาชนไม่รู้เนื้อหาสาระของร่างรัธรรมนูญทั้งหมดนั้น ขอย้อนถามว่าคิดว่าจะต้องมีเวลาเท่าไหร่ ประชาชนถึงจะรู้ และการที่ไม่ได้แจกร่างฯ ทุกครัวเรือนแล้วประชาชนจะรู้และเข้าใจ แต่ประชาชนมีวิธีคิดของเขาซึ่งเขาสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่เขามีอยู่ อย่าดูถูกความคิด เขาอาจจะตัดสินใจเพราะเขาชอบนายกฯ พรรคการเมือง เขาก็เลือกอย่างหนึ่ง จึงเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง
นายสมชัยยังชี้แจงถึงกรณีที่ใช้หีบบัตรเป็นพลาสติกที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะมองเห็นผลการลงคะแนน ว่าการที่ กกต.ทำให้เป็นหีบใสขุ่นก็เพื่อรู้ว่าก่อนการหย่อนบัตรนั้นไม่มีอะไรอยู่ในหีบ เมื่อมีการหย่อนบัตรแล้วคนอาจจะมองเห็นคะแนนในบัตรได้ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าบัตรนั้นเป็นของใคร ถือว่ารักษาเจตนาการลงคะแนนแบบลับได้ และไม่ต่างจากการใช้หีบกระดาษหรือหีบเหล็กที่ กกต.ใช้อยู่เดิมซึ่งด้านหน้าก็เป็นพลาสติกมองเห็นได้ชัดยิ่งกว่าหีบรุ่นใหม่ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าผลคะแนนนั้นเป็นของใคร
เมื่อถามว่า หน่วยออกเสียงใน จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ ไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้มาใช้สิทธิผิดกฎหมายหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า อาจเป็นข้อบกพร่องในการอบรมกรรมการประจำหน่วย เนื่องจากกรรมการประจำหน่วยนั้นจัดการออกเสียงมานานเลยเกิดการคุ้นชินในรูปแบบเก่าที่ให้เซ็นชื่อในต้นขั้วบัตรอย่างเดียว เรื่องดังกล่าวไม่ถือว่าผิดกฎหมายและไม่เป็นบัตรเสีย แต่ไม่ใช่สาระสำคัญของการออกเสียงประชามติ แต่เป็นปัญหาที่ กกต.ต้องหารือกัน เมื่อเรารู้ก็สั่งการให้แก้ไขทันที
นายศุภชัยกล่าวว่า การออกเสียงประชามติครั้งนี้มีองค์กรต่างประเทศมาสังเกตการณ์ลายประเทศ ทั้งหมดต่างชื่นชมการทำงานของ กกต.ว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอน ไม่มีการบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด