“ประวิตร” เชื่อโค้งสุดท้ายประชามติไร้ปัญหา เจ้าหน้าที่ยังดูแลอย่างเข้มข้น ผลประชามติจะออกมาอย่างไรนายกฯ และรัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะไม่ได้เป็นผู้สั่งให้ทำ เย้ย “ปึ้ง” แผนยุให้แตกไม่ได้ผล กับ “บิ๊กตู่” อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก ยันตัวเองไม่เหมาะเป็นนายกฯ มีหน้าที่ช่วยนายกฯ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันออกเสียงลงประชามติ 7 ส.ค.นี้ว่า เชื่อว่าสถานการณ์ปกติ ไม่มีอะไร จนถึงขณะนี้สถานการณ์ก็ยังเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ก็ดูแลเข้มข้นปกติ และไม่มีใบสั่งใดๆ จากทหาร ยืนยันว่าไม่มี ใครเขาจะไปทำอย่างนั้น ทุกอย่างว่าไปตามความชอบของประชาชน ใครชอบก็รับ ไม่ชอบก็ไม่รับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีการทำผลสำรวจความต้องการของประชาชนที่จะรับหรือไม่รับหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีการทำโพลและไม่มีการประเมินผลด้วยว่าการทำประชามติครั้งนี้จะผ่านหรือไม่ผ่าน เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ ทั่วประเทศให้ระมัดระวัง เพราะอาจจะมีเหตุการณ์สร้างความวุ่นวาย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องระวัง แต่มั่นใจว่าไม่มีปัญหา เชื่อว่าประชาชนทุกคนต่างก็เข้าใจ มีเพียงนักข่าวที่ไม่เข้าใจ ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์สร้างความวุ่นวาย ตนดูแลในภาพรวมเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยภายในประเทศรู้ดี และเชื่อว่าไม่มี
พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยว่า ไม่ได้ลุ้นอะไรกับการทำประชามติครั้งนี้ เพราะทุกอย่างเขียนไว้แล้วว่าหากรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่าน จะเดินไปทางไหน ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป และจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 แน่นอน ทุกคนอยากให้มีการเลือกตั้ง รัฐบาลก็เดินไปตามนั้น ส่วนที่บอกว่านายกฯ ต้องรับผิดชอบหากประชามติไม่ผ่านนั้นถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะนายกฯ ไม่ใช่คนคิดว่ารัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับประชามติของประเทศอังกฤษเพราะไม่เหมือนกัน ของประเทศอังกฤษนั้นรัฐบาลเป็นคนคิดและทำ รัฐบาลจึงต้องรับผิดชอบ แต่การทำประชามติครั้งนี้นายกฯ ไม่เกี่ยวข้องเลย
“ผมนอนหลับปกติ ไม่ได้ปวดหัว นายกฯ อาจจะแบกคนเดียวเลยต้องเหนื่อยหน่อย ผมเบาลงหน่อยเพราะผมเป็นรองนายกฯ ไม่ได้รับผิดชอบมากเท่าคนเป็นนายกฯ แต่ก็ต้องดูแลความสงบเป็นหน้าที่ของผม ส่วนการบริหารประเทศก็อยู่ที่นายกฯ”
ส่วนที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย แนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้โอกาส พล.อ.ประวิตร ขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นความพยายามของนายสุรพงษ์ ใครพูดก็ต้องรับผิดชอบ ยืนยันว่าตนกับ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีปัญหาอะไร อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก คุยกันทุกวัน และไม่ทราบว่านายสุรพงษ์มีแผนหรือต้องการอะไร แต่เป็นการคิดไปเอง อยากคิดก็คิดไป ตนมองว่าตัวเองไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ แต่ พล.อ.ประยุทธ์มีความเหมาะสมกว่า ยืนยันว่าตนจะไม่เป็นนายกฯ ตนมีหน้าที่ช่วยเหลือนายกฯ หากนายกฯ ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ตนก็ไม่ทำ