โฆษก คสช.ย้อนแอมเนสตี้ฯ มีการแสดงความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญไม่มีการปิดกั้น แจงดำเนินคดีแบบค่อยเป็นค่อยไป กันถูกบิดเบือน มีช่องให้แก้ต่าง ชี้สังคมเริ่มสงสัยข้อมูลองค์กรต่างประเทศไร้น้ำหนัก
วันนี้ (29 ก.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยนายซาลิล เช็ตตี้ เลขาธิการแอมเนสตี้ฯ ส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หน.คสช.) แสดงข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนโดยช่วงก่อนลงประชามติว่า อาจเกิดจากความไม่เข้าใจ หรือมีข้อมูลข้อเท็จจริงของประเทศไทยไม่เพียงพอ หรืออาจได้รับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลเฉพาะที่ตัวเองเข้าถึงเท่านั้น เพราะการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแม้จะความเห็นแย้งก็สามารถทำได้ภายใต้กรอบกฎหมาย และหลายคนก็แสดงความคิดเห็นให้สังคมได้ทราบมาตลอด ไม่ได้มีการปิดกั้นแต่อย่างใด
พ.อ.วินธัยกล่าวถึงข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการดำเนินคดีที่เกิดจากการกระทำผิดกฎหมายว่า การรักษากฎหมายโดยเจ้าหน้าที่เป็นหลักสากลเพื่อป้องกันไม่ให้ละเมิดซึ่งกันและกันของผู้คนในสังคม ที่ผ่านมาการดำเนินการต่อบางบุคคลถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก โดยบุคคลเหล่านั้นมีการกระทำในลักษณะเชิงตั้งใจหรือมีนัยยะแฝง ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการร้องทุกข์เข้ามา ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และระมัดระวังไม่ให้การดำเนินการเหล่านั้นถูกผู้ไม่หวังดีหยิบยกไปบิดเบือน ใช้เป็นเงื่อนไขมาลดความน่าเชื่อถือ คสช.และรัฐบาล ซึ่งกรณีมีการตั้งข้อกล่าวหา ทุกคนก็สามารถใช้สิทธิแก้ต่างแสดงความบริสุทธิ์ได้ตามช่องทางกระบวนการ
“ปัจจุบันเริ่มมีเสียงจากสังคมในความกังวลต่อท่าทีการแสดงออกขององค์กรต่างประเทศบางองค์กร ทำให้ข้อมูลและการนำเสนออะไรที่ออกมาในระยะหลังไม่ค่อยมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือเหมือนในอดีต อาจเพราะทัศนคติแนวคิดตามแบบธรรมเนียมเดิมๆ ประกอบกับคุณภาพของข้อมูลที่ดูยังไม่ค่อยครบถ้วน ซึ่งเชื่อว่ามีหลายหน่วยงานในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ มีความพร้อมที่จะสนับสนุนข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือให้ได้” โฆษก คสช.ระบุ