“หมอก้อง สุรวิชญ์” น้อมรับทุกความผิด หลังถูกกระแสดรามาแนะวิธีปฐมพยาบาลพลาด รับคิดน้อย - เล่นมากเกินไป บอก “เรื่องเกิดที่เรา ต้องจบที่เรา” น้ำตาคลอ ขอร้องอย่าพาดพิงถึงสถาบัน รับใจไม่แข็งแรงพอที่จะรับกับสถานการณ์แบบนี้ พ้อใจร้ายถูกปลุกกระแสให้เกลียด
โดนดรามาเต็ม ๆ สำหรับ “หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ” หลังจากไปออกรายการ “ตีสิบเดย์” แล้วสาธิตวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ปรากฏว่า เพจดังออกมาชี้แจงว่าวิธีที่หมอก้องแนะนำนั้นหลายอย่างไม่แนะนำให้ใช้ จนมีคอมเมนต์ลุกลามพาดพิงไปถึงสถาบัน ด้านหมอก้องได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ด้วยอาการน้ำตานองหน้า น้อมรับทุกความผิดพลาด ล่าสุด เจ้าตัวออกมาเปิดใจในงาน one gift for one life เรียนรู้ ป้องกัน แบ่งปัน เพื่อผู้หญิงทุกคนที่คุณรัก ยอมรับทุกความผิดพลาด วันนี้ไม่ได้ออกมาแก้ตัว แต่ไม่อยากให้พาดพิงสถาบัน
“วันนั้นที่ได้ชี้แจงไป คือ เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ โมเมนต์นั้นคือที่อัดรายการก่อนหน้านั้น เราก็จำได้ทุกอย่างว่าเราทำอะไรไม่ได้ลืม คือ เป็นการเล่าให้ฟังกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฟีดแบ็กที่กลับมาผมก็ยอมรับเพราะเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในความคิดของเรา คนในวงการก็จะรู้ว่ามันต้องเอาอะไรเป็นหลักครับ”
“ที่หลายคนบอกว่าเราเป็นหมอจะมาทำแบบนี้ไม่ดี จะบอกว่าส่วนนี้ถูกต้องก็ได้ เพราะก่อนจะออกมาเป็นกระบวนการมันมีหลายส่วน ถ้าคนไม่เข้าใจอาจจะมองอีกอย่างหนึ่ง รายการก็มีการตัดต่อด้วยอันไหนที่ไม่สนุกก็โดนตัดไป บางอย่างอาจจะพูดออกมาไม่หมดก็ต้องแก้ไข อันไหนโดนตัดไปเพื่อความบันเทิงก็ต้องยอมรับครับ”
ยันถูกต่อเติมข้อความจนทำให้เสื่อมเสียถึงสถาบัน ลั่นใจร้ายที่ถูกปลุกกระแสให้เกลียดชัง
“อันนี้มันก็มีการโยงไปจริง ๆ พวกเราน่าจะช่วยกันนะครับวงการบันเทิงด้วยกัน ว่าอันไหนที่ไม่มีการพูดคุยเหมือนพี่ ๆ คุยกับผมวันนี้ อะไรที่เป็นข้อความ ไอจี ที่โพสต์ไปแล้วโดนต่อเสริมเติมแต่งมันเป็นผลเสียมากเลย แต่อย่าให้เสียมาถึงครูอาจารย์ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นที่เอาข้อความผมลงอินสตาแกรม ไปบอกว่ามาจากอาจารย์ผมสอน มันไม่ใช่ คือ พี่ไม่ได้คุยกับผม แล้วพี่บอกว่าผมออกมาเคลียร์แบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วคนที่รับสารก็ต้องเห็นใจเขา เพราะเขาไม่ได้พร้อมที่จะรับสาร คือ ก็เหมือนคนสั่งกับข้าวมาแล้วไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าการทำกับข้าวเป็นยังไง แต่พร้อมที่จะกินเลย ผมว่ามันเป็นกระแสที่ปลุกความเกลียดชัง ใจร้ายไปนิดหนึ่ง”
เสียชื่อไม่ว่า แต่อย่าด่าสถาบัน
“ตอนที่ผมรู้เรื่องตอนเวลาตี 5 มันเป็นเวลาที่ต้องตื่นแล้ว ก็ต้องรับมันให้ได้ บอกตัวเองเสมอว่าอยู่เฉย ๆ มันไม่มีอะไร แล้วอย่าทำให้มันมีอะไรอีก แล้วเราก็เป็นคนค่อนข้างชัดเจนนะ ตั้งใจว่าไม่ไลฟ์แล้ว ตอนเย็นอาจารย์ก็ โทร.มาบอกว่าไปดูแล้วมันไม่มีอะไร แต่ก็มีอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่อยู่พระมงกุฎบอกว่าผมตอบแบบนี้ ๆ ผมก็บอกว่าผมยังไม่ได้ตอบคำถามใครเลย”
“ก็บอกไม่มีตอบคำถามนักข่าวคนไหนเลยอาจจะเป็นการเข้าใจผิด แล้วอีกสักพักก็มีข่าวว่าหมอก้องเคลียร์ทุกอย่าง มันไม่ได้กระทบแค่ผมคนเดียว มันกระทบไปถึงอาจารย์ ผมไม่ได้ต้องการให้กระทบถึงตรงนั้น และสถาบันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม”
“เรื่องเสียชื่อเสียไปเลยแต่อย่าถึงสถาบัน ตอนนี้เราว่าทำร้ายไปหมดเลย ถ้าจะเสียก็เสียที่ผมเพราะผมเป็นคนทำผมทำพลาด แต่ไม่ใช่ที่สถาบันผมนะ (น้ำตาคลอ)”
รับผิดคิดน้อย บอกไม่แก้ตัว ไม่ขอความเห็นใจ ขอโทษตัวเอง
“มันโยงไปเยอะ มันน่ากลัวของการที่ทำอะไรแล้วคิดน้อยอันนี้ผมมองตัวเองแล้วครับ ไม่ต้องโทษใครเพราะมันเป็นความจริงส่วนหนึ่งที่เขาพูดมันถูก มันก็เถียงไม่ได้หรอกว่าเราไม่ควรทำ เมื่อกี้ก็มีคนถามว่าควรทำรึเปล่า แล้วเราต้องทำยังไงต่อไป เราก็ได้แต่ออกมาบอกว่าเราทำแบบนี้ ไม่ได้ขอร้องขอความเห็นใจไม่ได้แก้ตัว แต่เล่าให้ฟังว่ามันเป็นแบบนี้นะครับ”
รับสภาพถูกลดความน่าเชื่อถือ บอกต้องอยู่กับความเป็นจริง พ้อใจตนเองที่ไม่แข็งแรงพอที่จะรับความจริง
“พี่ว่าเป็นมั้ยล่ะ มันก็เป็นได้ถูกมั้ย ซึ่งถ้ามันจะเป็นก็ตามนั้นแหละ เราไปห้ามมันไม่ได้ เราต้องเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ อะไรที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันคือแบบนี้นะ เราต้องอยู่กับมันอยู่กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นบนโลก คำว่าตั้งรับมันไม่ต้องไปรับกับใครนะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่ใจเรามันต้องจบที่ใจเรา”
“วันจันทร์ที่รู้เรื่องเราไปทำงานไม่ได้ ยอมรับเลยว่ามันอารมณ์แบบหมดเลยครับ ก็มีเพื่อนเรียนแพทย์ อาจารย์แพทย์ รุ่นพี่มาให้กำลังใจ ทุกคนเข้าใจคนรอบข้างเข้าใจ แต่คนไม่เข้าใจก็มีไง แต่ใจเราเองที่ไม่แข็งแรงพอที่จะรับความจริงในตรงนี้ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เอาแต่โทษตัวเองว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้น เราต้องอยู่กับปัจจุบันแล้ววันอังคารวันพุธก็เข้าตรวจคนไข้ ปรากฎว่าเราอยู่ในวงการแพทย์มาจะ 10 ปี แล้วไม่เคยรู้สึกว่ากำลังใจมาจากคนไข้จนถึงวันนี้ (เสียงสั่น)”
น้อมรับความผิดเพียงผู้เดียว ต่อไปจะคิดให้มากขึ้น ไม่เล่นจนเกินไป
“ในส่วนตัวเราต้องคิดเยอะขึ้น จะทำอะไรเป็นเด็ก ๆ ไม่ได้ ประสบการณ์ก็คงจะสั่งสอนมากขึ้น ทุกอย่างอย่าเล่นจนเกินไปต้องเตือนตัวเองหลายรอบมาก แต่ด้วยความที่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ก็คงยากถ้ามีกระแสแบบนี้มันก็คงยากเช่นเดียวกัน เราต้องปรับตัวกับโลกให้ทัน ไม่ใช่จะไปเรียกร้องให้คนนั้นต้องทำแบบนั้น คนนี้ต้องทำแบบนี้ เราต้องทำตัวเองให้หมุนตามโลกให้ทัน ครั้งนี้ผมไม่ได้โทษใครเลย”